เฟิงเชียนเสวี่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงว่า ผู้ชายสุภาพอ่อนโยนอย่างซือเฮ่าเซวียนจะลงไม้ลงมือกับคนอื่นได้
“ซือหย่วน ส่งคุณผู้หญิงกลับบ้าน” ซือเฮ่าเซวียนออกคำสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา
“ครับ” ซือหย่วนรีบเข้าไปเกลี้ยกล่อม “คุณผู้หญิง คุณใจเย็นก่อน มีเรื่องอะไรกลับไปค่อยคุยกันเถอะครับ ที่นี่คนมองเต็มไปหมดแล้ว”
คนที่เดินผ่านไปมาต่างหยุดมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บางคนก็แอบถ่ายรูป
ละครน้ำเน่าของพวกคนรวยเป็นที่โปรดปรานของพวกชอบกินเผือกอยู่แล้ว ถ้าได้อัพขึ้นโซเชียลละก็ เป็นข่าวดังแน่นอน
“ทำไมฉันต้องกลับ คนที่ต้องอายไม่ใช่ฉันสักหน่อย” ไป๋ลู่โมโหตัวสั่น “ซือเฮ่าเซวียน ถึงตอนนี้แล้ว คุณยังปกป้องนังนี่อีกหรือ ใครเป็นภรรยาคุณกันแน่”
“โวยวายพอหรือยัง” ซือเฮ่าเซวียนขัดขึ้น แล้วหันไปตำหนิซือหย่วน “ยังจะยืนบื้ออะไรอยู่อีก? พาเธอขึ้นรถไป”
“ครับ”
“คุณผู้หญิง พวกเรากลับกันเถอะครับ...”
“ฉันไม่กลับ ทำไมฉันจะต้องเป็นคนไป” ไป๋ลู่ยังไม่ยอมและเธอก็ฟาดกระเป๋าหนังไปที่เฟิงเชียนเสวี่ย “นังสารเลวนี่จะแย่งสามีของฉัน ฉันจะไม่ให้แกสมใจหรอก”
ซือเฮ่าเซวียนบังเฟิงเชียนเสวี่ยไว้ด้านหลัง
ไป๋ลู่เห็นดังนั้นยิ่งกระฟัดกระเฟียด เธออ้อมตัวเขาฟาดไปที่เฟิงเชียนเสวี่ย
เฟิงเชียนเสวี่ยไม่อยากจะวุ่นวายกับเธอต่อไป จึงหันหลังเดินจากไป
“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ นังแพศยา...”
ไป๋ลู่ยังคงตามราวีเฟิงเชียนเสวี่ย แต่ไม่ทันระวังพลาดไปโดนแขนที่บาดเจ็บของซือเฮ่าเซวียน
ซือเฮ่าเซวียนร้องโอดครวญขึ้น เขาเจ็บจนหน้าซีด เหงื่อหยดโตไหลลงมาไม่หยุด
“ที่รัก คุณ คุณเป็นอะไรไปคะ?” ไป๋ลู่เพิ่งจะตระหนักได้ว่าซือเฮ่าเซวียนบาดเจ็บ และรีบถามอย่างร้อนรน “คุณบาดเจ็บหรือ คุณบาดเจ็บได้ยังไงกันคะ?”
“แขนของท่านประธานถูกของหนักหล่นใส่ รีบไปให้คุณหมอตรวจก่อนเถอะครับ” ซือหย่วนกล่าว
ไป๋ลู่รีบประคองซือเฮ่าเซวียนเข้าไปในโรงพยาบาล
เฟิงเชียนเสวี่ยที่กำลังนั่งอยู่ในรถแท็กซี่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้า ความรู้สึกประเดประดังถาโถมเข้ามาในใจพร้อมกันหมด
เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจความหมายของการแต่งงาน ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจแล้ว การแต่งงานก็คือ...ไม่ว่าวินาทีที่แล้วจะตีกันบ้านแทบแตกขนาดไหน วินาทีถัดมาก็ยังกลับมาเดินเคียงกันไปได้เหมือนเดิม
ก็เหมือนกับซือเฮ่าเซวียนและไป๋ลู่ ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นั้นไม่สามารถตัดขาดกันไปได้เสียแล้ว
ส่วนตัวเธอนั้น ควรจะหลีกทางออกไป...
เฟิงเชียนเสวี่ยมัวแต่คิดถึงเรื่องของซือเฮ่าเซวียน ไม่ทันรู้ตัวก็ถึงบริษัทแล้ว
เมื่อลงจากรถ เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือมาด้วย
ยังดีที่พอมีเงินสดติดอยู่ในกระเป๋า เพียงพอที่จะจ่ายค่ารถ
โทรศัพท์มือถือน่าตกจะอยู่ที่พื้นในป้อมรักษาความปลอดภัยบริเวณลานจอดรถ เฟิงเชียนเสวี่ยไปหาต้าเว่ยที่แผนกรักษาความปลอดภัย
ต้าเว่ยส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เธอ “เธอนี่สะเพร่าจริงๆ ออกไปข้างนอกไม่พกโทรศัพท์ไปด้วย หากมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะติดต่อใครไม่ได้เลยนะ”
“ขอบคุณนะ ฉันแอบกังวลนึกว่าทำหล่นหายซะแล้ว”
เมื่อเฟิงเชียนเสวี่ยรับโทรศัพท์มือถือมาก็พบว่าแบตหมดแล้ว เธอจึงรีบนำไปชาร์จ
แต่เธอไม่รู้เลยว่า เพราะเหตุนี้เธอจึงได้พลาดเรื่องสำคัญไป
ห้องทำงานผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลแอปเปิลน้อย
เฉินเฉินจ้องมองไปที่เหล่าคนปริศนาในชุดสูทรองเท้าหนังตรงหน้าอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว แถมยังเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยท่าทางอวดดีว่า “ลักพาตัวเด็กมันผิดกฎหมายนะครับ!”
“หืมมม” เยี่ยฮุยกลั้นไม่ไหวหัวเราะออกมา เขาหันไปพูดกับเยี่ยเจิ้นถิงที่ยืนอยู่ด้านหลังฉากกั้นว่า “ประธานเยี่ย เจ้าเด็กน้อยคนนี้เหมือนท่านจริงๆ”
“อย่านอกเรื่อง” เยี่ยเจิ้นถิงหลับตาลงและดื่มชาด้วยท่าทางสูงสง่า
“ครับ” เยี่ยฮุยย่อตัวลงตรงหน้าเฉินเฉินและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าหนูน้อย ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราไม่ใช่คนเลว ไม่อย่างนั้นคุณครูกับครูใหญ่ของเธอคงไม่พาเธอมาหาพวกเราหรอก จริงไหม”
เฉินเฉินเหลือบมองไปที่ครูใหญ่คนใหม่และคุณครูคนใหม่ที่ยืนสั่นอยู่ข้างๆ เขาเลิกคิ้วน้อยๆ ขึ้น แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา “บอกมา พวกคุณคิดจะทำอะไร”
“คืออย่างนี้...” เยี่ยฮุยคิดว่าควรจะใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายสื่อสารกับเด็กน้อย เขาจึงบีบเสียงแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “อาทิตย์ที่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ของหนูได้พาหนูไปที่ห้างเซิ่งต้าหรือเปล่าเอ่ย?”
“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่” เฉินเฉินขมวดคิ้วน้อยๆ ของเขา ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรำคาญ “ผมไม่ใช่เด็กขวบสองขวบสักหน่อย ไม่ต้องทำเสียงหลอกเด็กแบบนั้นหรอก ฟังดูน่ารำคาญจะแย่!”
“เอ่อออ” เยี่ยฮุยนิ่งอึ้ง มุมปากกระตุก
บอดี้การ์ดที่ยืนข้างๆ หัวเราะกัน ‘คิกคัก’ เจ้าเด็กคนนี้คมคายจริงๆ
ในที่สุด เยี่ยเจิ้นถิงที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นก็ลืมตาขึ้นมอง...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก