เเม้เยี่ยเจิ้นถิงจะเดินออกจากห้องไปเเล้ว เเต่ก็ยังคิดไปเรื่อยเปื่อย……
เฟิงเชียนเสวี่ยอยากลุกขึ้นมานั่งเเล้วเรียกให้เขาหยุด เเต่สาวใช้ตรงประตูนั่นก็ปิดประตูไปเเล้ว
เฟิงเชียนเสวี่ยจึงล้มตัวบนเตียงอย่างหมดปัญญา บอกกับตัวเองในใจต้องรักษาอาการบาดเจ็บดีๆ รอบาดเเผลหายดีเเล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
เยี่ยเจิ้นถิงกลับมาถึงห้อง คิดถึงเฟิงเชียนเสวี่ยที่ตกใจสั่นเทา ริมฝีปากก็ยกมุมโค้งขึ้น
ผู้หญิงนั่น ดูโง่ๆ น่ารักมาก!
คืนนี้เฟิงเชียนเสวี่ยนอนไม่หลับไม่ใช่เพราะเจ็บเเผลเเค่เพราะสมองหยุดคิดไม่ได้
เดี๋ยวก็คิดถึงชิป เดี๋ยวก็คิดถึงด้านหลังของเยี่ยเจิ้นถิง……
สองเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเเต่กลับส่งผลต่ออารมณ์ของเธอทั้งสิ้น
เธอรู้สึกกังวลใจมาก อยากเเก้ไขโดยเร็วที่สุด
เช้าวันรุ่งขึ้นเฟิงเชียนเสวี่ยโดนเสียงโทรศัพท์ปลุกจนตื่น เป็นลูกๆที่โทรศัพท์มา เธอรับสายหลังจากพูดปลอบประโลมไม่กี่คำก็หาข้ออ้างวางสายไป
เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าลูกๆยังอยู่ ตอนนั้นธุรกิจของบ้านเฟิงใหญ่โตมาก สร้างศัตรูไว้มากมาย ถ้าข่าวเผยเเพร่ไปต้องมีศัตรูในอดีตจงใจหาเรื่องยุ่งยากมาให้เเน่……
เหลยอวี่พาผู้ช่วยหมอมาเปลี่ยนผ้าพันเเผลให้เฟิงเชียนเสวี่ย ตอนที่เปิดประตูเยี่ยเจิ้นถิงก็ผ่านมาพอดี
ชุดสูทสีดำดูปราณีตเเสดงถึงอารมณ์ที่ทรงพลังเเละลึกลับของเขา ร่างกายเหยียดตรงดูเย่อหยิ่งในเเสงเเดดยามเช้า
เขากำลังคุยโทรศัพท์ขณะเดิน เมื่อเดินผ่านมาที่ประตูเขาก็มองกวาดตาไปรอบๆห้อง
พอดีสบตากับเฟิงเชียนเสวี่ย เขาดูไม่เเยเเสเเละดูมั่นใจ เเต่เธอกลับดูตื่นเต้นเล็กน้อย
สุดท้ายก็เป็นเขาที่ละสายตาก่อนรีบร้อนเดินจากไป
เเต่สายตาของเธอกลับมองตามเเผ่นหลังเขาไปตลอด อยากเเยกเเยะว่าเขาเป็นคนนั้นใช่หรือไม่......
ถึงเเม้ว่าเเผ่นหลังนี้จะเหมือนมากเเต่เธอก็ไม่สามารถเชื่อมโยงเขากับหนุ่มบาร์โฮสต์ที่รับใช้คนรวยทุกวันได้
“คุณหนูเฟิง ตอนนี้ฉันกำลังจะทำเเผลให้คุณ คงจะเจ็บเล็กน้อย คุณอดทนหน่อยนะคะ”เหลยอวี่พูดเตือนด้วยความอ่อนโยน
“อือ มาเลย”
ที่จริงเฟิงเชียนเสวี่ยก็ไม่ได้จริงจังเเต่พอเหลยอวี่ปลดผ้าก๊อตบนคอของเธอออก เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทันที “อ่า เจ็บเจ็บเจ็บ”
พอเยี่ยเจิ้นถิงที่เดินอยู่บนบันไดเวียนได้ยินเสียงร้องก็หยุดฝีเท้า หันศรีษะกลับมาตะโกน: “บอกให้คุณทำเบาๆหน่อย!”
“ค่ะ คุณชายเยี่ย” สาวใช้ที่เฝ้าประตูรีบวิ่งเข้าไปรายงาน
เหลยอวี่เเละเฟิงเชียนเสวี่ยได้ยินที่เยี่ยเจิ้นถิงพูดทั้งคู่ เหลยอวี่ขอโทษซ้ำๆว่า: “ขอโทษค่ะคุณหนูเฟิง ทำคุณเจ็บใช่มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไร”
เหมือนมีกระเเสน้ำอุ่นๆไหลมาในหัวใจ เป็นอีกครั้งที่ยืนยันข้อสรุปของเธอเมื่อวาน: “เจ้านายเเอบชอบฉัน!”
เฟิงเชียนเสวี่ยมีความปราถนาที่สวยงามนั่นก็คือนั่งกินนอนกินรอกองเงินหล่นทับ
เธอคิดว่ารอตอนเเก่ ลูกสามคนเติบโตขึ้น ความปราถนาถึงจะเป็นจริง คิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นตอนนี้
สาวใช้สองคนพยาบาลสองคนหมอหนึ่งคนผลัดกันรับใช้ ข้าวมาก็อ้าปาก เสื้อผ้ามาก็ยื่นมือไปรับ ไม่ต้องพูดเลยว่าจะมีความสุขขนาดไหน
ยิ่งกว่านั้นสาวใช้ตระกูลเยี่ยได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทั้งเก่งแล้วยังสังเกตุสีหน้าเก่งอีกต่างหาก
เฟิงเชียนเสวี่ยมองดูหน้าต่างจากพื้นจรดเพดานถอนหายใจ:“เเสงอาทิตย์ช่างดีจริง”
คนรับใช้ช่วยพยุงเธอนั่งรถเข็น เข็นเธอไปที่สวนดอกไม้อาบเเดด
เมื่อเดินออกจากห้องเฟิงเชียนเสวี่ยถึงเห็นความหรูหราของบ้านกับตา
เเม้ว่าการออกเเบบจะเรียบง่ายเเต่กลับดูเเยบยลยอดเยี่ยม บ้านทั้งหลังใช้สีขาวเป็นหลัก
เฟอร์นิเจอร์เเละของตบเเต่งทุกชิ้นเป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง ภาพวาดสีน้ำมันที่เเขวนอยู่บนผนังเเละเเจกันที่สูงจากพื้นจรดเพดานล้วนเป็นสิ่งล้ำค่า
บิดาของเฟิงเชียนเสวี่ยเคยเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในไฮ่เฉิง เธอในฐานะลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยจึงคุ้นเคยกับการเห็นสิ่งของดีๆ คุ้นกับการเห็นฉากอะไรดีๆ
เเต่บ้านของเยี่ยเจิ้นถิงหรูหรากว่าที่เธอเคยเห็นร้อยเท่า
ออกจากตัวบ้านก็เห็นสวนเเละสนามหญ้าที่เทียบได้กับสวนของราชวงศ์ ยิ่งทำให้เธอประหลาดใจกับความมั่งคั่งของเยี่ยเจิ้นถิง
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคำที่ซือห้าวซวนพูดประโยคนึง: “ดูเหมือนคุณยังไม่เข้าใจถึงความสามารถของประธานเยี่ย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก