“คุณหมอเหลย เดี๋ยวพอรถจอดพวกคุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันเข้าไปคนเดียวก็พอเเล้ว”
เฟิงเชียนเสวี่ยรู้ว่าไป่ชิวอวี่ตั้งใจจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้น เชิญเเขกเหรื่อมาเพื่อทำให้เธอได้รับความอับอาย
เธอไม่อยากให้พวกของเหลยอวี่ได้เห็นละครฉากนี้
ยิ่งไม่อยากให้พวกเขารู้เรื่องที่ผ่านไปของเธอ ยังมีเรื่องของลูกๆที่ยังมีชีวิตอยู่อีก
“คุณหนูเฟิง คุณเข้าไปคนเดียวได้เหรอ……”
“ฉันบอกว่าได้ก็ต้องได้” เฟิงเชียนเสวี่ยยืนยัน “เเค่ส่งฉันที่ประตูก็พอ”
“ได้ค่ะ”
รถจอดเหลยอวี่เเละเจ้าหน้าที่การเเพทย์ลงจากรถก่อนจากนั้นจึงไปเปิดประตูรถ
ตอนนี้ซือเฮ่าเซวียนรีบเดินมาทักทายด้วยความเกรงอกเกรงใจ: “ยินดีต้อนรับประธานเยี่ย”
“สวัสดีค่ะประธานเยี่ย ฉันคือคุณผู้หญิงของตระกูลซือ ฉันชื่อไป๋……”
ไป๋ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ประตูรถก็เปิดออกจากข้างใน ใบหน้าที่บริสุทธิ์งดงามของเฟิงเชียนเสวี่ยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า……
ไป๋ลู่ตกตะลึงไปชั่วครู่: “เฟิงเชียนเสวี่ย?”
“เสวี่ยเอ๋อร์?ทำไมเป็นคุณ” ซือเฮ่าเซวียนก็ตกใจเช่นกัน
“คุณน้าเชิญฉันมา”
เฟิงเชียนเวี่ยตอบเบาๆยกมือขึ้นพยาบาลทั้งสองคนรีบประคองเธอลงจากรถ
อีกด้านเหลยอวี่ได้นำรถเข็นลงมาประคองเฟิงเชียนเสวี่ยนั่งลงบนนั้น
“ทำไมเธอถึงนั่งรถดีๆเเบบนี้ได้?” ไป๋ลู่เยาะเย้ยอย่างเย้ยหยัน “เช่ามาล่ะสิ ยังจ้างคนใช้มาด้วย เล่นซะเหมือนเชียว”
เหลยอวี่ปรายตามองเธอไม่ได้พูดอะไร
ซือหย่วนรีบเตือนเสียงต่ำ: “ฮูหยิน นี่เป็นรถของตระกูลเยี่ย บอดี้การ์ดที่ขับรถมาผมเคยเจอมาก่อน เขาเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัวของประธานเยี่ย”
“เป็นไปได้ไง” ไป๋ลู่เเสดงความสงสัย “รถของตระกูลเยี่ยทำไมถึงส่งเฟิงเชียนเสวี่ยมาได้ ตอนนี้เธอก็ไม่มีฐานะอะไร…….”
“คุณผู้หญิงซือ” สุดท้ายเหลยอวี่ก็อดที่จะเปิดปากพูดออกมาไม่ได้ “คุณหนูเฟิงเป็นเเขกผู้มีเกียรติของประธานเยี่ยของพวกเรา”
“คุณหมอเหลย” เฟิงเชียนเสวี่ยขัดจังหวะคำพูดของเหลยอวี่ “ขอบคุณพวกคุณที่ส่งฉันมานี่ พวกคุณกลับไปก่อนได้”
“พวกเรารอคุณที่ลานจอดรถนะคะ”
เหลยอวี่รู้ว่าเฟิงเชียนเสวี่ยคงไม่อยากให้มีปัญหาใหม่เพิ่มมาอีก จึงไม่ได้พูดอะไรต่อเเละพาคนขับรถเเละนางพยาบาลขึ้นรถ
“เฟิงเชียนเสวี่ยเธอนี่ร้ายมากนะ หาประธานเเก่ๆเกาะได้เร็วดีนี่……” ไป๋ลู่เย้ยหยันดูถูก “ความสามารถอะไรก็ไม่มีเเต่หาผู้ชายเรื่องนี้ถนัดนัก”
“หุบปาก” ซือเฮ่าเซวียนตวาดด้วยความโกรธ
“คุณตะโดนใส่ฉันทำไม” ไป๋ลู่โกรธจนหน้าเเดงไปถึงใบหู “ฉันพูดผิดหรือไง”
“ประธานเยี่ยไม่ใช่คนที่คุณจะเอามาพูดได้ตามใจชอบ” ซือเฮ่าเซวียนขมวดคิ้วพูดเตือน “คุณคิดจะหาเรื่องให้ตระกูลซือตายหรือไง”
ไป๋ลู่เห็นท่าทางที่จริงจังของเขาเเละได้ยินมาว่าเยี่ยเจิ้นถิงไม่ใช่คนที่จะไปล้อเล่นได้จึงได้เเต่หุบปาก
“ฉันได้รับบาดเจ็บ ขยับอะไรไม่ค่อยถนัด”เฟิงเชียนเสวี่ยอธิบาย “เพราะเป็นการบาดเจ็บในที่ทำงาน ดังนั้นเจ้านายเลยให้คุณหมอส่งฉันมาเรื่องมีเเค่นี้”
เธอไม่ต้องการใช้ชื่อของเยี่ยเจิ้นถิงทำเรื่องอะไรพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
หากเปิดเผยในภายหลังกลัวว่าจะยิ่งน่าเกลียด
เธอเป็นเเค่คนธรรมดาคนนึง ที่คิดเเค่อยากใช้ชีวิตธรรมดาด้วยตัวเอง ไม่เคยคิดอยากเกาะใคร
นอกจากนี้เยี่ยเจิ้นถิงก็ไม่ใช่คนที่ใครก็จะไปเกาะได้ตามใจชอบ
ไปเเหย่เขามีเเต่เสียมากกว่าได้!
“ที่เเท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง…..” ไป๋ลู่พอได้ยินคำอธิบายรู้สึกโล่งใจ “นึกว่าเธอจะมีความสามารถอะไร ที่เเท้ก็คิดจะยืมเเสงของคนอื่นมาทำให้ตัวเองส่องประกาย จอมปลอม!”
“คุณพูดให้มันน้อยๆหน่อยได้มั้ย” ซือเฮ่าเซวียนเบื่อเธอมาก
“ทำไมคุณถึงว่าฉันอยู่เรื่อย” ไป๋ลู่กระทืบเท้าอย่างโมโห
“อุ้ยตาย นี่เชียนเสวี่ยใช่มั้ย” ไป๋ชิวอวี่ทักทายอย่างอบอุ่นเเต่หน้าซื่อใจคด “ไม่ได้เจอหลายปียังสวยเหมือนเดิม โอ้ ทำไมนั่งรถเข็นล่ะ เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณบาดเจ็บเข็นเธอเข้าไปก่อนเถอะ”
ซือเฮ่าเซวียนทำท่าทาง
ซือหย่วนรีบเข็นเฟิงเชียนเสวี่ยเข้าข้างใน
ไป๋ลู่ลากเเม่ไปอีกทาง ต่อว่าอย่างไม่พอใจ: “เเม่ ดีจริงๆ ทำไมเเม่ต้องเชิญมันมา?นี่เเม่จะให้หนูอารมณ์เสียเหรอ”
“เด็กโง่ เเม่ต้องการระบายความเเค้นเเทนหนูไง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก