“ฉันจำได้ไม่ผิดพวกคุณในที่นี่ไม่มีใครสักคนเเซ่เฟิงใช่มั้ย” เฟิงเชียนเสวี่ยตอบโต้เบาๆ “หน้าตาของตระกูลเฟิงเกี่ยวอะไรกับพวกคุณด้วย”
“เธอ……”
“ ตอนที่พ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นตระกูลเฟิงรุ่งเรืองพวกคุณมาประจบบ้านเราเยี่ยงหมาตัวนึง เเต่พอตระกูลเฟิงตกต่ำ เเม้เเต่เงาก็ไม่เคยเห็น ตอนนี้ยังกล้ามาทำเป็นญาติผู้ใหญ่สั่งสอนฉัน?”
เฟิงเชียนเสวี่ยยิ้มเยาะ “พวกคุณไม่กลัวโดนฟ้าฝ่าเหรอ”
“เธอ……เธอพูดอะไรหน่ะ?”
ลุงป้าน้าอากลุ่มนั้นหน้าเเดงถึงใบหู
หนึ่งในญาติห่างๆหม่าเฉียงโกรธจนลุกเป็นไฟ ชี้หน้าเฟิงเชียนเสวี่ยเเล้วด่า “ตอนที่พ่อของเธอยังอยู่ก็ไม่ปฎิบัติกับพวกเราเเบบนี้ น่าจะไม่มีเชื้อดีๆของเเม่ ไม่มีใครอบรบสั่งสอน!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้อารมณ์ของเฟิงเชียนเสวี่ยก็ระเบิด พลันหยิบเเก้วน้ำตรงข้างหน้าเขวี้ยงออกไป
เสียง“เพล้ง”เเก้วน้ำลอยข้ามศรีษะหม่าเฉียงโดนโคมไฟคริสตัลที่เเขวนอยู่ข้างหลัง
คริสตัลลูกปัดจำนวนหนึ่งตกลงมากระเเทกโต๊ะอาหารเสียงเเตกดังสนั่นทำให้กลุ่มผู้หญิงตกใจกรีดร้อง
ไป๋ลู่โดดไปหลบข้างหลังไป๋ชิวอวี่
ไป๋ชิวอวี่เอามือปิดหน้าโดยไม่รู้ตัวเเต่ข้อมือก็ยังถูกเศษเเก้วบาดเลือดค่อยๆไหลออกมา
“อ้า”ไป๋ชิวอวี่ร้องออกมาซะเกินจริง
เฟิงซื่อหยวนลงมาข้างล่างอย่างเร่งรีบ: “เกิดอะไรขึ้นเกิดอะไรขึ้น”
“ ความอัปยศนี้ เธอทำเรื่องไร้ยางอาย เเล้วยังกล้า ยังกล้า…….”
ป้าหวงกลืนคำพูดเมื่อโดนสายตาอันเฉียบคมของเฟิงเชียนเสวี่ยมอง
“เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” หม่าเฉียงชี้ที่เฟิงเชียนเสวี่ยคำราม “เธอกล้าดียังไง”
“เป็นพวกคุณพูดหยาบคายก่อน” เฟิงเชียนเสวี่ยจ้องมองอย่างเย็นชา “พวกคุณว่าฉัน ฉันทนได้ ว่าพ่อเเม่ฉัน ฉันจะไม่ทน!”
“เธอ…..”
“เอาละเอาละ” เฟิงซื่อหยวนรีบทำให้เรื่องจบๆ “คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ”
“ใครเป็นคนบ้านเดียวกับเธอ” หม่าเฉียงไม่ยอมให้อภัย “ตัวเองทำเรื่องน่าละอายเเล้วไม่ให้คนอื่นพูด พอพูดไปก็มาบ้าคลั่งที่นี่เหมือนหมาบ้าตัวหนึ่ง”
“หม่าเฉียง อย่าพูดอย่างนี้……”
“ พี่เฟิง ข้าวมื้อนี้วันนี้ฉันกินไม่ลงเเล้ว วันหน้าฉันค่อยมาเยี่ยมพี่กับอาซ้อใหม่นะ”
“ญาติอีกคนดึงเฟิงซื่อหยวนเเล้วพูดว่า: “พี่เฟิง ฉันรู้ว่าพี่เป็นคนซื่อสัตย์ใจดีมีเมตตา เเต่ฉันขอเตือนพี่ให้อยู่ห่างจากเรื่องอัปยศนี้อย่าทำให้ตัวเองอึดอัด”
“พี่ไป๋……..”
“พวกเราก็ขอตัวก่อน ประธานเฟิง ฮูหยิน ลู่ลู่ วันหน้าพวกเราค่อยมาเยี่ยมพวกพี่ใหม่นะ”
ลุงป้าน้าอาที่เหลืออีกไม่กี่คนล้วนรีบร้อนลากลัง ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
“อ้าว อย่าเพิ่งกลับสิ อาหารยังไม่ขึ้นโต๊ะเลยนะ”
ไป๋ชิวอวี่รั้งพวกเขาให้อยู่ต่อ เเต่พวกเขาก็หายกันไปทีละคนทีละคนจนหมด
“ช่างเถอะ ให้พวกเขากลับไปเถอะ” เฟิงซื่อหยวนดึงเธอ “ขึ้นข้างบนไปทำแผลก่อน ตรงนี้ฉันจัดการเอง”
“ทำเเผลอะไรล่ะ” ไป๋ชิวอวี่เปลี่ยนสีหน้าทันที ชี้ไปที่เฟิงเชียนเสวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “งานเลี้ยงดีๆโดนเธอทำลายซะพัง เธอนี่มันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี….”
“ไม่ใช่ป้าเหรอที่เป็นคนเชิญฉันมาเอง?” เฟิงเชียนเสวี่ยมองด้วยสายตา พูดเย็นชา “ฉันจะทำให้คุณผิดหวังกับละครที่คุณตั้งใจกำกับได้ยังไง”
“เธอพูดอะไรหน่ะ?” ไป๋ลู่พูดโกรธๆ “เเม่ฉันหวังดีเชิญเธอมากินข้าวเเต่เธอกลับทำอาหารคืนนี้พังยังไม่พูด เเต่มาพูดเเบบนี้ เธอมีการอบรมบ้างมั้ย”
“เหอะเหอะ คงจะหวังดีจริงๆเเระ……” เฟิงเชียนเสวี่ยหยิบผ้าปูโต๊ะเเล้วเช็ดกระจกที่เเตกเเละเลือดบนมืออย่างระมัดระวัง “อุตส่าห์เชิญนักเเสดงตั้งมากมายมาเล่นละคร ไม่ใช่เพราะอยากให้ซือเฮ่าเซวียนเห็นฉันเป็นตัวตลกหรอกหรือ”
“เธอที่เป็นตัวตลกยังต้องเเสดงอีกเหรอเธอเกิดมาก็นับเป็นเรื่องน่าขันเรื่องหนึ่งเเล้ว” ไป๋ชิวเซวี่ยประชดประชันด่า “ตอนเเม่เธอคลอดเธอออกมาก็หนีไป พ่อเธอเลี้ยงเธอมาอย่างทะนุถนอม เสียดายเลี้ยงออกมาเป็นได้เเค่อีตัวไร้ยางอาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก