“ใครเป็นเมียกันเเน่?” ไป๋ลู่โกรธจนหน้าซีดเผือก
“ใจเย็นไว้” ไป๋ชิวอวี่จับมือเธอปลอบโยน
……
เฟิงเชียนเสวี่ยนั่งกระสับกระส่ายกลัวว่าสองเเม่ลูกจะทำอะไรสักอย่างอีกเเล้ว
เยี่ยเจิ้นถิงกุมมือเธอเบาๆกิริยาที่ละเอียดอ่อนนี้กลับทำให้จิตใจเธอสงบได้อย่างน่าประหลาด
เธอหันศรีษะไปมองเขา เขากำลังมองไปที่เวทีอย่างตั้งใจใบหน้าเรียบเฉยไม่เเสดงอารมณ์ เเต่ความอุ่นในมือของเขาถูกส่งผ่านฝ่ามือมีความอบอุ่นชนิดหนึ่ง
หัวใจของเธอเหมือนสายของไวโอลินที่ถูกดึงออกมามันเเกว่งเล็กน้อย
พนักงานเสิร์ฟเริ่มเสิร์ฟอาหารอาหารค่ำเพื่อการกุศลในคืนนี้เป็นสถานการ์ณพิเศษ ทุกคนเข้าร่วมการประมูลขณะรับประทานอาหาร
ปัจจุบันการเเบ่งโต๊ะจะขึ้นอยู่กับครอบครัว เเต่ละครอบครัวนั่งโต๊ะเดียวกัน
เฟิงเชียนเสวี่ยมองไปที่อาหารฝรั่งเศสที่พนักงานยกมาอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากหิวมากเลยเเละเค้กชิ้นเล็กๆที่กินไปในรถก็ดูเหมือนจะไม่พอ
เยี่ยเจิ้นถิงหยิบไวน์เเดงจากบริกรชูขึ้นต่อหน้าเฟิงเชียนเสวี่ย
เฟิงเชียนเสวี่ยชนเเก้วกับเขาจิบไวน์คำนึงพูดอย่างเป็นกันเองว่า: “เอาไวน์ชั้นเลิศขนาดนี้มาต้อนรับเเขก ช่างกล้าเสียจริง!”
“หืม?” เยี่ยเจิ้นถิงเลิกคิ้วขึ้น “คุณรู้หรือคือไวน์อะไร”
“ทำไมจะไม่รู้?” เฟิงเชียนเสวี่ยกำลังหั่นสเต๊ก ตาไม่พระพริบสักนิด ทะเลเเห่งรักที่ผลิตโดยชาโตว์บอร์โดว์S,คุณเอาออกมาเลี้ยงเเขก จะไม่ฟุ่มเฟือยเกินไปเหรอ”
“ดูไม่ออกว่าคุณรู้เรื่องไวน์” เยี่ยเจิ้นถิงยกมุมปากขึ้น “ทะเลเเห่งรักล้อตนี้ฉันซื้อไว้ทั้งหมด คนอื่นๆไม่น่าจะได้ชิม ทำไมคุณถึงรู้จัก ”
“8ปีก่อนฉันกับพ่อไปที่ชาโตว์บอร์โดว์Sฉันชิมมันในห้องเก็บไวน์ เดิมทีคุณพ่อของฉันคิดอยากซื้อสักสองสามถัง น่าเสียดายยังไม่ทันซื้อก็โดนคนกว้านซื้อไปเสียก่อน คิดไม่ถึงคนๆนั้นคือคุณ”
เฟิงเชียนเสวี่ยคิดถึงเรื่องราวในอดีตรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ยามเมื่อบิดายังมีชีวิต มักพาเธอรอบโลกสอนสิ่งต่างๆให้เธอมากมาย……
“เคยชิมเเค่ครั้งเดียวก็จำได้ ไม่เลว” เยี่ยเจิ้นถิงเงยหน้าขึ้นมอง “นอกจากไวน์เเดงยังรู้อะไรอีก?”
“อัญมณี ภาพสีน้ำมัน เปียโน การออกเเบบเสื้อผ้า” เฟิงเชียนเสวี่ยค่อยๆนับด้วยนิ้ว“ก็นับว่าพอรู้นิดหน่อย ฉันเรียนรู้สิ่งต่างๆค่อนข้างชิลๆสบายๆ”
“ของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ธิดาผู้มั่งคั่งใช้ประดับให้ตัวเอง” เยี่ยเจิ้นถิงพูดอย่างดูถูก“หากใครเรียนรู้ดีๆยังสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน รู้เเค่บางส่วนมันก็เเค่จอมปลอม ไม่มีข้อมูลจริง”
“ฮ่าๆ นับว่าคุณพูดถูก” เฟิงเชียนเสวี่ยหัวเราะ “ตอนเเรกฉันก็พูดเเบบนี้ เเต่คุณพ่อบอกว่าท่านเเค่หวังว่าฉันจะมีความสุข ส่วนเรื่องธุรกิจคริบครัวจะหาผู้ชายดีๆหาลูกเขยมารับช่วงกิจการก็พอเเล้ว……”
คงเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า คืนนี้เฟิงเชียนเสวี่ยจึงคิดถึงเเต่บิดา……
“คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อ” เยี่ยเจิ้นถิงมองดูเฟิงเชียนเสวี่ย ด้วยความชื่นชม “คุณพ่อรักคุณมากไปคุณถึงได้โง่”
“แทงใจดำจริงๆ!” เฟิงเชียนเสวี่ยยิ้มเขินอาย “เพราะคุณพ่อรักฉันมากไป ตั้งเเต่เด็กจนโต ฉันเลยไม่เคยเจออุปสรรค คิดไม่ถึงอุปสรรคที่ใหญ่สุดกลับเป็น……”
พูดถึงเรื่องนี้สีหน้าของเฟิงเชียนเสวี่ยก็กลับเคร่งขรึมลง ถ้าหากสี่ปีก่อนเธอฉลาดสักนิด คงไม่โดนไป๋ลู่จูงจมูกทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่……
ถ้าหากเธอใส่ใจบิดาสักนิดรู้สถานการ์ณของบริษัทเร็วหน่อย บางทีอาจยับยั้งโศกนาฎกรรม……
“สิ่งต่างๆในเรื่องธุรกิจยากจะคาดเดา”
หลังจากเยี่ยเจิ้นถิงได้ยินเรื่องครอบครัวของเธออาจเป็นเพราะพ่อของเธอล้มละลายจึงโดดตึก เธอสูญสิ้นทุกอย่างในคืนเดียว
“มาถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจ ธุรกิจของคุณพ่อดำเนินกิจการไปด้วยดี ทำไมจู่ๆถึงมีปัญหา?” เฟิงเชียนเสวี่ยคิดยังไงก็คิดไม่ออก “เเต่ไหนเเต่ไรคุณพ่อเป็นคนเข้มเเข็งต่อให้บริษัทมีปัญหาท่านก็จะฝ่าฟันไปฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ……”
“ บริษัทของพ่อคุณชื่ออะไร” เยี่ยเจิ้นถิงหมุนเเก้วไวน์
“อสังหาริมทรัพย์เฟิงหวินเรียกง่ายๆว่าตระกูลเฟิง” เฟิงเชียนเสวี่ยตอบ
เยี่ยเจิ้นถิงจู่ๆก็ชะงักมือเเน่นิ่งเเววตามีประกายซับซ้อน เเต่ก็เปลี่ยนกลับมาตามเดิมอย่างรวดเร็ว หลุบตาลงชิมไวน์สุดหรู……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก