ได้ยินคำพูดนี้ไป๋ลู่ยิ่งเสียใจ เธอเอามือปิดหน้าเเล้วร้องไห้ “เฮ่าเซวียนไม่รักหนู สายตาเขามีเเต่เฟิงเชียนเสวี่ย เขาไม่เคยรักหนูเลยแม้แต่นิดเดียว”
“เอาล่ะ เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้เเล้ว...” ไป๋ชิวอวี่กอดลูกอย่างปวดใจ “เด็กโง่ เเม่จะต้องเเก้เเค้นให้หนูเเน่”
“พวกเราไปห้องนั่งเล่นดูเท้าก่อนว่าบาดเจ็บตรงไหน”
……
“ฉันอยากกลับก่อน”
งานประมูลกำลังเริ่ม เสียงเพลงดังมาก เฟิงเชียนเซวี่ยพูดออกมาประโยคหนึ่ง เเต่เยี่ยเจิ้นถิงกลับไม่ได้ยิน
เธอทำได้เพียงเอนตัวไปกระซิบข้างหูเขา: “ประธานเยี่ย ฉันอยากกลับก่อน”
“อยู่ก่อนสิ” เยี่ยเจิ้นถิงโอบเเขนไปที่เอวอันบอบบางของเธอดึงเธอเข้ามากอด ริมฝีปากเย็นเฉียบลูบไล้เเก้มนุ่มนวลของเธอ กระซิบข้างหู “โฮสต์หนุ่มน่าเล่นมั้ย หืม?”
“พรวด” เฟิงเชียนเสวี่ยแทบจะกระอักเลือดออกมาเธอกระสับกระส่ายรีบร้อนอธิบาย “ความจริง... ความจริงตอนนั้นฉันแค่...”
“มีคนบอกผมเรื่องนี้หลายคนแล้วนะ” เยี่ยเจิ้นถิงกัดติ่งหูเธอเบาๆ เสียงอันเร่าร้อนและสั่นพร่าของเขาหยอกล้ออยู่ในทันที “เหมือนคุณจะขึ้นชื่อเรื่องซื้อโฮสต์หนุ่มไปแล้วนะ”
เธอรู้สึกเสียวซ่านเหมือนมีไฟฟ้าช๊อตไปทั่วร่าง……
เฟิงเชียนเสวี่ยตัวสั่นไปทั้งตัว ตื่นเต้นเหมือนหัวใจจะหลุดออกมา รีบผลักเขาเเละหนีไปข้างๆ
เห็นท่าทางที่ตื่นตะหนกของเธอ ริมฝีปากของเยี่ยเจิ้นถิงก็กระตุกเป็นเส้นโค้ง…
ความอ่อนไหวของหญิงสาวแสดงถึงความบริสุทธิ์เเละการถูกปลุกเร้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เขาก็พอใจทั้งนั้น!
ไม่ไกลจากตรงนั้นซือเฮ่าเซวียนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หัวใจของเขาเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออก มือที่กำเเน่นกำลังสั่น…
เขาอยากจะบุกไปพาเฟิงเชียนเสวี่ยออกมาซะเดี๋ยวนั้น
“เฮ่าเซวียน ลูลู่กับเเม่เธอล่ะ?”เฟิงซื่อหยวนส่งเสียงถาม
“พักผ่อนอยู่ห้องด้านหลัง” ซือเฮ่าเซวียนขมวดคิ้ว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?ฉันเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดี” เฟิงซื่อหยวนถามอีก
“คุณไปถามพวกเธอเองได้มั้ย? อย่ามากวนผม” ซือเฮ่าเซวียนโพล่งออกมา
เฟิงซื่อหยวนตกตะลึง หลายปีมานี้ซือเฮ่าเซวียนเป็นคนสุภาพ เกรงอกเกรงใจและมีมารยาท ไม่เคยใส่อารมณ์กับใครมาก่อน มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็พูดดีๆ วันนี้เป็นอะไรไป?
“ขอโทษครับ” ซือเฮ่าเซวียนรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท “ พ่อตา เมื่อครู่ผมเสียมารยาทไป”
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร” เฟิงซื่อหยวนยิ้มๆ “สองเเม่ลูกคู่นั้นมากเรื่อง บางทีฉันยังรำคาญ เธออย่าโกรธนะ ฉันจะไปหาพวกนั้น ดูไม่ให้ก่อเรื่องอะไรอีก”
“ได้ครับ”
“เเขกผู้มีเกียรติทุกท่านงานประมูลการกุศลจะเริ่มอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”
บนเวที พอสิ้นเสียงประกาศของพิธีกร พื้นเวลาส่วนกลางก็ค่อยๆ ยกระดับขึ้น
บนโต๊ะคริสตัลใสใต้แสงไฟระยิบระยับนั้น สร้อยคอทับทิมเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นและดึงดูดสายตาของทุกคน
“เเม่ หนูจะเอาอันนี้” ไป๋ลู่กลับเข้ามางานเลี้ยงก็เห็นสร้อยพอดี
“อย่ารีบร้อน” ไป๋ชิวอวี่กระซิบ “”การประมูลวันนี้มีเครื่องประดับ7ชิ้นซึ่งล้วนเป็นสมบัติหากยากของราชวงศ์ฝรั่งเศส มูลค่าสูงเเละไม่ค่อยมีคนได้พบเห็น ของพวกนี้น่าจะเปิดราคามาสูงเสียดฟ้าทีเดียว”
“ราคาสูงเสียดฟ้าเเล้วยังไง?สามีหนูจ่ายได้อยู่เเล้ว”
ไป๋ลู่ลากเท้าที่ช้ำของเธอไปนั่งที่ตระกูลซือ จงใจยื่นเท้าให้ซือเฮ่าเซวียนเห็นอาการบาดเจ็บ บ่นฮึดฮัด “ฉันได้รับบาดเจ็บนะ คุณไม่สนใจฉันเลย ถ้ามู่เฟิงเห็นต้องสงสารเเม่เเน่ๆ”
ซือเฮ่าเซวียนขมวดคิ้ว เเม้ว่าเขาจะไม่อยากสนใจเธอ เเต่พอได้ฟังประโยคนี้ก็คิดถึงลูกเเละในใจก็อ่อนยวบลง เขาจึงเอ่ยปาก “อยากได้อะไร ฉันซื้อให้”
“ฉันอยากได้สร้อยทับทิมเส้นนั้น” ไป๋ลู่ชี้ไปบนเวที
“ ราคาเปิดประมูลอยู่ที่สิบล้าน ทุกครั้งจะเพิ่มขึ้นทีละหนึ่งล้านครับ” พิธีกรประกาศ
“ชอบเหรอ” เยี่ยเจิ้นถิงถามเฟิงเชียนเสวี่ยข้างหู
“ก็พอได้”
เฟิงเชียนเสวี่ยมองไปยังสร้อยทับทิมเส้นนั้น ใจก็คิดถึงพ่อขึ้นมา
ตอนที่พ่อของเธอเกิดเรื่อง เธอไม่มีเงินติดตัวเลย สุดท้ายต้องขายสร้อยคอไพลินที่พ่อให้ออกไปถูกๆ ซึ่งมันก็คล้ายๆ เส้นนี้อยู่เหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก