โรลส์-รอยซ์เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ……
เฟิงเชียนเสวี่ยนั่งบนเก้าอี้ชื่นชมสร้อยทับทิมสีเเดงอย่างละเอียด ยกเว้นสีของอัญมณีที่ไม่เหมือน นอกนั้นเหมือนกับสร้อยที่เธอขายไปอย่างกับแกะ
“ยังดูไม่พอ?” เยี่ยเจิ้นถิงเเกว่งเเก้วเหล้าทรงสูงมองดูเธอลึกซึ้ง
ภายใต้เเสงสลัวผิวที่เหมือนไข่มุกของเฟิงเชียนเสวี่ยเปล่งประกายเย้ายวน ใบหน้างดงามไร้ที่ติของเธอทำให้คนหลงใหล ริมฝีปากสีเเดงเผยอเหมือนกลีบของดอกไม้ ทำให้คนอยากลิ้มลอง……
เท้าที่ยื่นออกมาของเยี่ยเจิ้นถิงสะกิดไปที่กระโปรงของเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาก็ออกคำสั่งอย่างคลุมเครือ: “มานี่!”
“เอ่อ……”
เฟิงเชียนเสวี่ยมองไปเห็นเขาหงุดหงิดจึงหลุดออกจากความคิดที่คิดถึงงานประมูล?กระพริบตาเเล้วจัดระเบียบความคิดสักหน่อย รวบรวมความกล้าพูดขึ้น“ประธานเยี่ย นั่นมัน……”
เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากของเธอ เธอรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยคิดถึงวิธีการตอนที่เยี่ยเจิ้นถิงลงมือ หัวใจดวงน้อยของเธอก็ตื่นตระหนก
ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขาน่าจะยังไม่เคยโดนผู้หญิงปฎิเสธมาก่อนนะ?
ถ้าเธอปฎิเสธเขาจะโกรธมากจนรัดคอเธอตายไปเลยใหม?
คิดถึงเรื่องนี้เฟิงเชียนเซวี่ยก็อดสั่นสะท้านไม่ได้……
“หืม?” เยี่ยเจิ้นถิงสะกิดเธออีก
“อันนี้......”เฟิงเชียนเสวี่ยดันสร้อยทับทิมสีเเดงไปตรงหน้าเขา “คืนให้คุณ!”
ดวงตาของเยี่ยเจิ้นถิงหรี่ลงอย่างอันตราย การหยอกล้อที่คลุมเครือเมื่อสักครู่ค่อยๆหายไปเเทนที่ด้วยความหนาวยะเยือก::“หมายความว่าอะไร”
“ประธานเยี่ยฉันเป็นเเค่พนักงานรักษาความปลอดภัยเล็กๆในบริษัทของคุณ” เฟิงเชียนเสวี่ยพูดอย่างระมัดระวัง “ของขวัญล้ำค่าขนาดนี้ฉันรับไว้ไม่ได้”
“เมื่อกี้ตอนกระโจนอยู่ในอ้อมกอดของฉันทำไมไม่พูดเเบบนี้?”
เยี่ยเจิ้นถิงขมวดคิ้วหน้าตาไม่พอใจ
“เมื่อกี้อยู่ในงานถ้าฉันไม่รับไว้ก็เท่ากับหักหน้าคุณซิ?” เฟิงเชียนเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้มเฮฮา “ประธานเยี่ยคุณฐานะสูงส่งฉันไม่คู่ควรกับคุณหรอก!”
ในที่สุดก็พูดออกมาประโยคท้ายนั่นเเม้เเต่คนโง่ยังเข้าใจความหมาย
ร่างสูงเหยียดตรงของเยี่ยเจิ้นถิงเอนหลังพิงผนักโซฟามองเธอด้วยเเววตาเย็นชา:“หมายความว่ายังไง”
ขนาดนี้เเล้วน่าจะเข้าใจยังจะถามว่าหมายความว่าไง?
ต้องให้พูดให้หมดเปลือกหรือไง?
เฟิงเชียนเสวี่ยกรอกตามองบนในใจ เเต่ยังมีรอยยิ้มหวานบนใบหน้า “ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงดีกับฉันขนาดนี้พาฉันกลับบ้านรักษาอาการบาดเจ็บให้ของขวัญราคาเเพงขนาดนี้เเก่ฉัน เเละยังระบายอารมณ์โกรธเเทนฉัน……”
“เรื่องพวกนี้ฉันซาบซึ้งใจมากวันหลังถ้ามีโอกาส ฉันจะต้องตอบเเทนคุณอย่างดี เเต่ว่าฉันไม่สามารถตอบรับคุณได้เพราะว่า เพราะว่า……”
เยี่ยเจิ้นถิงไม่พูดอะไร,เค่มองดูเธอสบายๆรอจนเธอพูดจบ
“เพราะว่าฉันไม่คู่ควรกับคุณ” เฟิงเชียนเสวี่ยพูดต่อ “ฉันไม่มีฐานะไม่มีตำเเหน่งไม่มีชาติตระกูล”
“พวกนี้ไม่สำคัญ” เยี่ยเจิ้นถิงขัดจังหวะเธอพูด “ยังมีเหตุผลอย่างอื่นอีกใหม”
“เอ๋?” เฟิงเชียนเสวี่ยตกตะลึงพูดขนาดนี้เเล้ว?จะทำยังไงดี?หรือต้องพูดเรื่องที่ตัวเองมีลูกสามคน?
ไม่ได้ พูดออกมาจะมีปัญหา?
ถ้าเกิดเขาโกรธขึ้นมาทำร้ายเด็กๆสามคนจะทำยังไง?
คนอย่างเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคาดเดาอารมณ์ไม่ได้เรื่องอะไรก็ทำได้หมดทุกอย่าง
เเต่ว่าถ้าไม่พูดอย่างนี้จะพูดอะไรได้อีก
“หือ?” เยี่ยเจิ้นถิงหมดความอดทนเเล้ว
“ ยังมี……ฉัน ฉัน ฉันเคยซื้อโฮสต์หนุ่มนะ”เฟิงเชียนเสวี่ยโพล่งออกมา หลังจากพูดเสร็จก็นึกขอบคุณตัวเองที่หัวไว “ข้อนี้……คุณก็รับได้เหรอ?”
เยี่ยเจิ้นถิงขมวดคิ้วต่ำในดวงตามีไฟลุกโชน: “เคยซื้อกี่คน?”
“หนึ่งคน” เฟิงเชียนเสวี่ยยกนิ้วขึ้นพูดอย่างขี้ขลาด “เเค่ครั้งเดียวเเถมยังเป็นข่าวพาดหัวเดาว่าคนรู้กันทั่ว……”
“เป็นเรื่องที่เป็นอดีตไปเเล้ววันหลังอย่าซื้ออีกก็พอเเล้ว”เยี่ยเจิ้นถิงใช้ความอดทนครั้งสุดท้าย “ยังมีปัญหาอื่นอีกมั้ย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก