สามี....เซ็นใบหย่าไปเลย นิยาย บท 200

เนื่องจากใกล้จะสิ้นปี อากาศจึงหนาวขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจของออฟฟิศก็ดีขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ในออฟฟิศนอกจากจะทำเองส่วนตัวแล้ว ยังมีเครื่องประดับเล็กๆที่ประดิษฐ์ขึ้นมาอีกมากมาย ไม่เพียงแค่ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น แต่ยังเป็นที่พึงพอใจในด้านราคาอีกด้วย

หร่วนซิงหว่านถึงขั้นได้รับการเชื้อเชิญจากบริษัทลงทุนหลายๆแห่ง บางแห่งต้องการโปรโมทแบรนด์โดยใช้คำว่าRuan บางแห่งต้องการดันแบรนด์เพื่อเพิ่มฐานการผลิต

แต่เธอปฏิเสธไปทั้งหมด

ตอนนี้ออฟฟิศยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น ที่ต้องให้ความสำคัญก็คือการทำแบรนด์ออกมาให้ดีๆ ส่วนเรื่องอื่น ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า

ช่วงบ่าย หร่วนซิงหว่านวาดแบบร่างอยู่ทั้งวัน เธอยืนขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ จากนั้นก็เดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อสูดอากาศ

เปิดออกไปได้ไม่ทันไร หร่วนซิงหว่านก็เห็นดอกยิปโซที่เรียงรายอยู่ข้างนอก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อากาศแถวนี้ดีมากจริงๆ

เธอมองไปยังแปลงดอกยิปโซเหล่านั้นอย่างเหม่อลอย

ตั้งแต่คราวนั้น ก็ผ่านมาแล้วครึ่งเดือน หมาบ้านั่นแวะมาหาเป็นครั้งคราว แต่ว่าไม่ได้ตามมาวอแวเหมือนเมื่อก่อน เขามาสักพัก ก็กลับไป

บางทีเขาก็ส่งคนเอาของมาให้ มีทั้งของกินและเครื่องดื่ม

หร่วนซิงหว่านไม่เคยแตะเลยสักครั้ง แต่นำไปแจกจ่ายให้พนักงานกินแทน

ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่โจวฉือเซินมาหา เขาบอกว่าต้องไปดูงานที่อิตาลี อย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ถึงจะกลับมา

แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้อยู่แบบเงียบสงบสักที

ในตอนที่หร่วนซิงหว่านเตรียมกลับไปร่างแบบต่อ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะโวยวาย

เธอปิดหน้าต่าง แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน

ด้านนอก ผู้หญิงวัยกลางคนกำลังจับแขนเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนพร้อมกับด่าทอเสียงดัง "พวกแกหลอกเอาเงินเด็ก พวกแกนี่มันไร้คุณธรรมจริงๆ เด็กเพิ่งเรียนอยู่แค่ม.ปลาย จะไปมีเงินได้ยังไง ที่มีอยู่ก็เป็นเงินที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของผู้ปกครองอย่างพวกฉันทั้งหมด พวกแกทำธุรกิจยังไงทำไมไม่มีอะไรดีสักอย่าง พวกแกมันจิตใจมืดบอด! ข้างในเน่าเฟะหมดแล้ว!"

คู่กรณีของเธอคือพนักงานหญิงคนหนึ่งในออฟฟิศ และยังเป็นนักศึกษาจบใหม่ พอถูกคนชี้หน้าด่าอย่างเจ็บแสบอย่างนี้ จึงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่รู้ว่าควรรับมือยังไง

หญิงวัยกลางคนเห็นอย่างนั้น ก็ยิ่งขึ้นเสียงใส่ "อย่ามาทำตัวน่าสงสารตรงนี้ ฉันไม่สนหรอกนะ คืนเงินฉันมา!"

หญิงสาวพูดอย่างอึกอัก "คุณลูกค้าใส่สร้อยคอกับต่างหูมาหลายครั้งแล้ว แถมยังมีรอยขีดข่วน คืนเงินไม่ได้จริงๆค่ะ....."

ได้ยินดังนั้น หญิงวัยกลางคนก็ตบหน้าเธอฉาดใหญ่

หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งรับ จึงเซถลาไปชนกับตู้ข้างๆ

หร่วนซิงหว่านรีบเดินเข้าไปพยุงหญิงสาวคนนั้น ขมวดคิ้วถามว่า "ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"

หญิงสาวส่ายหน้า พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา

หร่วนซิงหว่านสังเกตดีๆ ถึงได้พบว่าหน้าผากของเธอแตก จนมีเลือดไหลซิบ

เธอเม้มปากเล็กน้อย แล้วหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่ไม่มีแววรู้สึกผิดเลยแม้แต่นิด "ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ คุณมีปัญหาอะไรก็มาบอกฉัน ทำไมต้องตบตีคนอื่นด้วย?"

"แล้วจะทำไม!" หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมผลักไหล่หร่วนซิงหว่านหลายครั้ง "พวกแกมันไร้จิตสำนึก หาเงินด้วยวิธีสกปรก ก็สมแล้วที่พวกแกโดนตบ แกเป็นเจ้าของที่นี่ก็ดี รีบเอาของพังๆพวกนี้คืนไป แล้วชดใช้ค่าทำขวัญมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ไม่จบแน่!"

เธอพูดพร้อมกับปาของลงข้างเท้าของหร่วนซิงหว่าน

หร่วนซิงหว่านก้มหน้ามอง จากนั้นก็เหลือบมองเด็กผู้หญิงที่หลบอยู่ข้างหลังหญิงวัยกลางคน แล้วหันไปถามหญิงสาวที่อยู่ข้างหลัง "เธอซื้อกับเราเหรอ?"

หญิงวัยกลางคนได้ยินคำพูดนี้ ก็ปรี๊ดแตก ตะคอกเสียงดังว่า "แกหมายความว่ายังไง แกคิดว่าฉันโกหกแกเหรอ?"

พนักงานสาวเอ่ยเสียงเบา "แต่ละวันมีลูกค้าตั้งมากมาย ฉันเองก็จำไม่ได้หรอกค่ะ แต่ว่าฉันกล้ารับประกัน ฉันไม่เคยขายให้เด็กนักเรียนสักครั้ง....."

เครื่องประดับที่วางขายอยู่ในร้านราคาทั่วไปอยู่ที่หลักสิบถึงหลักร้อย ราคาถือว่าไม่แพง แต่กับเด็กนักเรียนที่ยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่นั้น เป็นราคาเกินมาตรฐานในการจับต้องได้อยู่ดี

ที่สำคัญคือตำแหน่งของร้านไม่ได้ตั้งอยู่ในละแวกโรงเรียน ไม่มีนักเรียนคนไหนเคยมาซื้อแน่นอน

หญิงวัยกลางคนถุยน้ำลาย "แกหุบปากไปเลย ไม่งั้นเธอจะไปซื้อที่ไหนได้ล่ะ เจ้าข้าเอ๊ย มาดูนี่เร็ว ที่นี่มีพวกต้มตุ๋นไม่ยอมรับความจริง ของชิ้นนี้ซื้อมาจากร้านของพวกเธอแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมรับว่าเป็นของตัวเอง!"

ก่อนหน้านี้ที่หญิงวัยกลางคนโวยวาย ก็ดึงดูดสายตาของลูกค้าคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจึงเริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์รอบๆ

พนักงานเอ่ยเสียงเบา​ "ฉันสาบานได้ ฉันไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนเข้ามาในร้านสักครั้ง ถ้ามีเข้ามาจริงๆ ฉันต้องจำได้อย่างแน่นอน"

"ดูดู๊พูดเข้า ใครมันจะไปใส่ชุดนักเรียนตลอดเวลายะ เธออาจจะมาซื้อในวันที่หยุดเรียนก็ได้"

"งั้นฉันต้องทำยังไง ของสองสามร้อย ต้องดูบัตรประชาชนไหม"

"ฉันไม่สนหรอกว่าจะยังไง วันนี้พวกแกต้องให้ฉันคืนของ ถ้าไม่ยอมล่ะก็ ฉันจะพังร้านพวกแก เอาให้ถึงหูตำรวจ แล้วมาดูกันว่าเหตุผลของพวกแกกับฉันอันไหนจะฟังขึ้นมากกว่ากัน แม้แต่เด็กที่ยังเรียนอยู่ยังหลอกเอาเงินได้ลงคอ ไม่ช้าก็เร็วร้านพวกแกได้เจ๊งแน่!"

เมื่อโวยวายออกมาแบบนี้ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เริ่มถกเถียงกันขึ้นมา คนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าหญิงวัยกลางคนเป็นฝ่ายผิด

แต่ก็มีอีกส่วนที่ต้องการคืนของ

หร่วนซิงหว่านมองเด็กหญิงที่เอาแต่ก้มหน้า เอ่ยพูดช้าๆว่า "น้องคะ พี่ขอคุยกับน้องหน่อยได้ไหม"

หญิงวัยกลางคนเห็นดังนั้น ก็รีบดึงลูกสาวให้หลบหลัง "มีเรื่องอะไรก็พูดกับฉันตรงๆ อย่าข่มขวัญเด็ก"

หร่วนซิงหว่านเอ่ยพูดว่า "ฉันแค่อยากถามอะไรเธอนิดหน่อย ถ้าเป็นความผิดของพวกฉันจริงๆ พวกฉันจะรับผิดชอบแน่นอน"

"แกจะรับผิดชอบยังไง?"

"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเป็นเจ้าของที่นี่"

หญิงวัยกลางคนกลอกตาไปมา ราวกับกำลังคาดเดาว่าเจ้าของร้านคนนี้มีทุนหนาเท่าไหร่

ผ่านไปพักใหญ่ เธอก็พูดขึ้นมาว่า "ฉันให้เวลาแกห้านาที และต้องให้ฉันอยู่ข้างๆด้วย ใครจะไปรู้ว่าแกจะทำอะไรลูกฉันบ้าง แล้วก็ นอกจากคืนสินค้าพวกนี้แล้ว แกต้องชดใช้ค่าทำขวัญและค่าเสียเวลาให้ฉันด้วย แล้วก็...."

หร่วนซิงหว่านยิ้ม "ได้สิ"

พนักงานสาวกระตุกเสื้อของเธอ "คุณหร่วน....."

หร่วนซิงหว่านหันกลับไปพูดปลอบใจ "ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง เธอไปหาหมอก่อนเถอะ"

"เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ค่ะไม่เป็นไร"

ตอนนี้พนักงานในร้านมีเธอแค่สองคนเท่านั้น ถ้าหากเธอไป หร่วนซิงหว่านคงรับมือไม่ไหว

"ไม่ต้องห่วง ซานซานคงใกล้จะกลับมาแล้ว"

"ก็ได้ค่ะ"

ก่อนที่หญิงสาวจะออกไป ก็ทำการสลายคนที่มามุงดูออกไปด้วย

หญิงวัยกลางคนนั่งลงบนโซฟา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส "ถามมา"

หร่วนซิงหว่านมองไปทางเด็กหญิงคนนั้น เอ่ยพูดเบาๆว่า "น้องคะ น้องมาซื้อของที่ร้านพี่เมื่อไหร่เหรอ?"

เด็กหญิงเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ "เดือน....เดือนที่แล้วค่ะ ไม่สิ น่าจะครึ่งเดือนที่แล้ว...."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามี....เซ็นใบหย่าไปเลย