แต่ว่าพอพวกเธอเปิดข้อมูลผู้ซื้อขายจนหมดแล้ว ก็ไม่เจอข้อมูลไหนที่จะสามารถมาประกบเข้าด้วยกันได้เลย
พอเห็นหร่วนซิงหว่านหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่พูดอะไร เพ้ยซานซานก็เปิดกลับไปที่หน้าเมื่อกี้อีกครั้ง
บันทึกข้อมูลซื้อขายแสดงให้เห็นว่า ชื่อของหลินจื้อหย่วน ได้ซื้อนาฬิกาพกไปสองอัน
ซึ่งก็หมายความว่า นอกจากอันที่อยู่ในมือหร่วนซิงหว่านแล้ว ในมือเขาก็น่าจะมีอยู่อีกอันหนึ่ง
พอผ่านไปครู่หนึ่ง เพ้ยซานซานถึงได้ลองเปิดปากพูดขึ้นว่า "ซิงซิง......"
หร่วนซิงหว่านตั้งสติกลับมาได้ "อะไรเหรอ?"
เพ้ยซานซานอ้าปากเล็กน้อยเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็กลืนลงไป เพียงแต่แค่ปิดสมุดบันทึกลง "ข้างบนนี้มีชื่อคนตั้งเยอะแยะ พวกเราดูกันอยู่แบบนี้ก็ดูอะไรไม่ออก หรือไม่เราเอาสมุดบันทึกนี้กลับบ้านกันดีไหม แล้วค่อยๆ มาหากัน ยังไงก็น่าจะหาเบาะแสที่เป็นประโยชน์ออกมาได้บ้างแหละ"
พอได้ยินแบบนี้ หร่วนซิงหว่านก็พยักหน้าขึ้นเบาๆ "ได้"
หลังจากที่เก็บเอกสารอย่างอื่นเข้าที่เดิมแล้ว หร่วนซิงหว่านก็เอาสมุดบันทึกการซื้อขายเก็บเข้าไปในกระเป๋า แล้วก็ออกจากโกดังไปพร้อมกับเพ้ยซานซาน
พอเธอล็อกประตูเสร็จ ที่ไม่ไกลนักก็มีแสงไฟที่แยงตาแสงหนึ่งส่องมา และก็ได้ส่องความมืดมิดที่หนาแน่นนี้จนสว่างขึ้นมา
หร่วนซิงหว่านหรี่ตาลงอย่างอัตโนมัติ และอย่างรวดเร็ว ก็มองเห็นเงาร่างที่สูงสง่าร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสายตา
โจวฉือเซินเดินมาถึงตรงหน้าเธอ แล้วจ้องมองดูโกดังทีหนึ่ง "มาหาอะไรที่นี่เหรอ?"
ริมฝีปากของหร่วนซิงหว่านเม้มเข้าหากันแน่น แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า "ไม่มีอะไรค่ะ"
พอเพ้ยซานซานเห็นแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า "เอ่อ คือว่าอะไรนะ......ซิงซิง ในเมื่อประธานโจวมารับเธอแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ"
พอพูดจบ ก็ไม่รอให้หร่วนซิงหว่านตอบกลับ แล้วก็รีบขึ้นรถและขับหนีไปเลย
หลังจากที่เพ้ยซานซานไปแล้ว หร่วนซิงหว่านก็ถอนหายใจอย่างไม่มีเสียงขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวไปล็อกประตูโกดังให้เรียบร้อย
โจวฉือเซินจ้องมองเธอ และใช้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากบางไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ดวงตาดำสนิทหรี่ลงเล็กน้อย และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว หร่วนซิงหว่านเองก็พิงอยู่กับหน้าต่างรถและไม่พูดอะไรเลย ดูไปเหมือนกับว่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ระหว่างทาง หลินหนานรับสายโทรเข้ามาสายหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า "ประธานโจวครับ ระยะนี้ตระกูลหลินได้เปิดโครงการใหม่ขึ้นมาอันหนึ่ง และกำลังจะเปิดประมูล ดูท่าพวกเขาเหมือนอยากจะยืมเรื่องนี้มากลบเกลื่อนพวกเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปครับ"
โจวฉือเซินตอบอืมไปคำหนึ่ง ถึงแม้ว่าครั้งนี้พลังของตระกูลหลินจะเสียหายไปอย่างมาก แต่ในเมื่อมีทุนหนา และพละกำลังก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะล่มสลายไปได้ง่ายขนาดนั้นหรอก
แต่ว่าดูแล้วน่าจะอยากจะรีบกู้ความเสียหายกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ไม่งั้นก็คงจะไม่มีทางรีบเปิดโครงการใหม่ขึ้นมาเร็วขนาดนี้หรอก
แล้วในเวลานี้ อยู่ๆ หร่วนซิงหว่านก็เปิดปากพูดขึ้นว่า "ประธานโจว เกี่ยวกับตัวหลินจื้อหย่วน คุณรู้จักมากแค่ไหนคะ?"
โจวฉือเซินมองไปที่เธอ "รู้เขารู้เรา ถึงจะรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไม่มีอะไรที่ผมไม่รู้เรื่อง คุณอยากจะถามอะไร"
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ คำพูดที่มาถึงปากแล้วของหร่วนซิงหว่านก็ไม่รู้ว่าจะถามยังไงต่อแล้ว พอผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงพูดขึ้นว่า"เหมือนกับว่าฉันจะไม่เคยได้เห็นแม่ของหลินจืออี้เลย ประธานโจวรู้ไหมคะว่าเรื่องมันเป็นมายังไงคะ?"
ขายาวของโจวฉือเซินค่อยๆ ไข้วไว้ด้วยกัน แล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า "หลินจื้อหย่วนมีน้องชายฝาแฝดคนหนึ่ง ชื่อว่าหลินจื้ออาน หลินจื้ออานนั้นไม่เหมือนกับหลินจื้อหย่วนที่โดนตระกูลหลินคาดหวังไว้สูงมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก เวลาส่วนใหญ่มักจะพักอาศัยอยู่คนเดียวที่หลังสวนของบ้านตระกูลหลิน พอเป็นอย่างนี้นานๆ เข้า ในใจของเขาค่อยๆ มืดมนและแปลกประหลาด และเริ่มอิจฉาทุกอย่างที่หลินจื้อหย่วนได้ไป"
แต่ก็เป็นเพราะว่าหลินจื้อหย่วนถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นผู้สืบทอดมาตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าหลินจื้ออานจะเริ่มเกิดใจโกรธแค้น แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนการที่หลินจื้อหย่วนจะขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งประธานตระกูลหลินได้
จุดเปลี่ยนของเรื่องมาเริ่มต้นจากตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาไปคุยธุรกิจที่ต่างประเทศ แล้วเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเป็นต้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามี....เซ็นใบหย่าไปเลย
ไม่เชื่อใจคนอื่นเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ก็เอาตัวเองไม่เคยจะรอด ก็มั่นหน้าให้คนรอบตัวเดือดร้อนต่อไปค่ะซิงซิง...
ใครที่อ่านเรื่องนี้อยู่ไปอ่านต่อให้จบได้ ในชื่อเรื่อง สามีเก่า....มาขอแต่งงานอีกแล้ว นะคะเป็นเรื่องดียวกันค่ะ...
รออัพเดทตอนต่อไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบทีค่ะ...
รออ่านตอนไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบด้วยค่ะ...
เรื่องนี้สนุกค่ะ แต่ทำไมลงไม่จบเรื่องคะ ช่วยลงให้จบได้ไหมคะ รอติดตามอยู่นะ...