ในตอนที่หร่วนซิงหว่านอาบน้ำเสร็จออกมา แล้วกำลังเช็ดผมอยู่นั้น ก็เห็นโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียงกำลังสั่นอยู่พอดี เธอจึงรีบฟุบลงไปบนเตียง แล้วพบว่าโจวฉือเซินเป็นคนโทรเข้ามา
พอโทรศัพท์โทรติดแล้ว น้ำเสียงนุ่มต่ำของชายหนุ่มก็ดังลอยมา "ยังไม่นอนเหรอ?"
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้น "ยังค่ะ"
นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเธอก็พูดขึ้นอีกว่า "นอนไม่หลับค่ะ"
ที่เธอพูดเป็นความจริง วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมามากมาย อยากจะนอนก็นอนไม่หลับหรอก
โจวฉือเซินพูดขึ้นว่า "คิดถึงผมจนนอนไม่หลับเลยเหรอ?"
หร่วนซิงหว่าน "......"
เขานี่จำพูดจาปกติได้ไม่กี่ประโยคจริง ๆ
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้น "ด้านคุณเป็นยังไงบ้างคะ"
โจวฉือเซินพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า "เพิ่งประชุมกรรมการบริษัทจบ วางใจเถอะ พวกเขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก"
"แต่ว่าเรื่องราวมันใหญ่โตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ทางตระกูลโจว......"
"นี่มันเป็นการกระทำที่พวกเขามั่นใจมากอยู่แล้ว และพวกเขาก็เป็นคนสร้างเรื่องให้มันใหญ่โตขึ้นมาเองกับมือ"
พอได้ยินแบบนี้ หร่วนซิงหว่านก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง "ตระกูลโจวเป็นคนทำเหรอคะ? แต่ว่าเรื่องอัดเสียง เวินเฉี่ยนน่าจะเป็นคนทำนะคะ"
พอได้ยินคำตอบนี้ของเธอ โจวฉือเซินกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจ และพูดแต่เพียงว่า "งั้นหล่อนก็ฉลาดมากเลยนี่ ยังรู้จักหาคนมาเป็นแพะรับบาปแทนด้วย"
"ความหมายของคุณคือ เวินเฉี่ยนเป็นคนอัดเสียง แต่ว่าหล่อนกลัวขัดใจคุณ ก็เลยไปหาตระกูลโจวเหรอคะ?"
โลกภายนอกต่างก็รู้ ว่าดูภายนอกแล้วท่านใหญ่โจวกับโจวฉือเซินเป็นพ่อลูกกัน แต่ว่าลับหลังนั้น กลับต่างก็เป็นศัตรูที่จ้องจะทำร้ายซึ่งกันและกันอยู่ โดยเฉพาะท่านใหญ่โจว หลังจากที่ผ่านการทดลองมาหลายวิธีแล้วก็ล้มเหลว ตอนนี้ก็เลยยิ่งอยากจะคิดหาทุกวิถีทางมาจับจุดอ่อนของโจวฉือเซินไว้ให้ได้
เวินเฉี่ยนฉลาดมากจริง ๆ แต่ก็กล้าเกินไปหน่อยแล้วมั้ง ถึงได้กล้าเอาความคาดหวังอยู่ที่ตัวท่านใหญ่โจวได้
หร่วนซิงหว่านเงียบไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นอีกว่า "ในเมื่อตอนนี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนสร้างเรื่องทุกอย่างนี้อยู่เบื้องหลัง งั้นพวกเราควรจะตอบกลับยังไงคะ"
"ไม่ต้องรีบร้อน" โจวฉือเซินพูดขึ้นช้า ๆ "รออีกสักสองวัน"
"ได้ค่ะ"
ถ้าหากเธอเดาไม่ผิดละก็ โจวฉือเซินอยากจะใช้เรื่องนี้ มาทำอะไรสักหน่อยแน่
โจวฉือเซินถามขึ้น "หลินจื้อหย่วนมาหาคุณหรือยัง"
"ยังค่ะ"
"รอไปเถอะ อย่างมากก็พรุ่งนี้เช้า"
หร่วนซิงหว่านพยักหน้า เธอเองก็รู้สึกว่า ผ่านการหมักหมมของคืนนี้ไป คืนพรุ่งนี้จะต้องรุนแรงมากกว่านี้แน่
หลินจื้อหย่วนอยากจะจบเรื่องก่อนที่เรื่องจะวุ่นวายใหญ่โตไปกว่านี้ อยากจะทำให้ผลกระทบลดต่ำลงที่สุด ถ้าอย่างงั้นอย่างมากสุดเขาก็จะรอจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้นอีกว่า "คุณยังอยู่ที่บริษัทเหรอคะ?"
โจวฉือเซินตอบอืมไปคำหนึ่ง "วันนี้เสียเวลาไปมาก มีงานเยอะแยะที่ยังไม่ได้จัดการ"
"งั้นจะต้องอดนอนทำโอทีแล้วเหรอคะ?"
"คุณมาอยู่เป็นเพื่อนผมไหมล่ะ?"
หร่วนซิงหว่านพูดขึ้น "อยู่ ๆ ฉันก็ง่วงนอนขึ้นมาแล้ว บายบายนะคะ"
พอวางโทรศัพท์แล้ว หร่วนซิงหว่านก็นอนคว่ำอยู่บนเตียงไปพักหนึ่ง แล้วก็เข้าไปในห้องน้ำแล้วเปล่าผมจนแห้ง
หร่วนซิงหว่านมองดูเวลา เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ถ้าเธอจะออกไปตอนนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
แต่ว่า......อิตาบ้านี่มีนิสัยถ้างานยุ่งขึ้นมาก็จะไม่ชอบกินข้าวนี่ซิ
หร่วนซิงหว่านนอนอยู่บนเตียง แล้วสั่งอาหารเดลิเวอรี่ส่งไปให้เขาชุดหนึ่ง
พอสั่งไปแล้ว เธอก็นึกถึงหลินหนานที่เป็นผู้ช่วยของเขา ก็ต้องมาลำบากทั้งวันเหมือนกัน ก็เลยสั่งให้หลินหนานอีกชุดด้วย
พอสั่งเดลิเวอรี่เสร็จ หร่วนซิงหว่านก็เปิดเวยป๋อขึ้นมา หัวข้อสนทนาที่เกี่ยวกับหร่วนเฉินยังคงพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด ส่วนที่ด่าหลินจืออี้ก็ยังไม่ได้ลดน้อยลงไปเหมือนกัน
ดูท่าคืนนี้คนที่นอนไม่หลับจะมีอยู่เยอะเหมือนกัน
จากค่ำคืนที่ยิ่งมืดมิดลงไปเรื่อย ๆ รอบด้านก็ยิ่งเงียบสงบลงมา บางครั้งก็สามารถได้ยินเสียงลมพัดต้นไม้จนใบไม้ไหวดังวิ้ว ๆ ขึ้นมา
ผ่านไปไม่นาน เสียงฝนที่อื้ออึงก็ดังลอยมา
อุณหภูมิในห้องก็ลดลงไปไม่น้อย
หร่วนซิงหว่านจ้องมองความมืดที่หนักหน่วงนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ก็นึกถึงคืนที่เซ่หรงมาปรากฏตัวที่สำนักงานของเธอโดยมีเลือดเต็มตัวไปหมด แล้วก็......ลุงเวินที่นอนอยู่ในห้องดับจิตโดยที่ไม่มีใครไปรับศพขึ้นมาอีกแล้ว
พอผ่านไปนาน เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทีหนึ่ง ครั้งนี้เธอไม่ได้ติดค้างอะไรพวกเขาอีกแล้ว เพราะฉะนั้นเธอจะไม่มีทางออมมือให้อีกแล้ว
......
และค่ำคืนที่ฝนกระหน่ำนี้ ถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่มีทางสงบลงได้แน่
ตั้งแต่ที่ส่งปากกาบันทึกเสียงไปให้ตระกูลโจวแล้ว เวินเฉี่ยนก็สังเกตข่าวคราวในอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอด พอให้เสียงที่อัดไว้โดนปล่อยออกมา เธอก็แอบโล่งอกได้เปลาะหนึ่ง แล้วก็จะได้รับความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาขนาดนี้ และลากโจวซื่อกรุ๊ปเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายจัดงานหรือว่าโจวซื่อกรุ๊ป ถ้าไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะต้องบอกว่าเนื้อหาในเสียงที่อัดไว้ไม่เป็นความจริง เมื่อเป็นแบบนี้ โอกาสที่จะได้จัดงานพิเศษโดยเฉพาะของแบรนด์ของหร่วนซิงหว่านก็จะต้องหายไปแน่
แต่เวินเฉี่ยนรอมาทั้งคืน ก็ไม่เห็นโจวซื่อกรุ๊ปและฝ่ายจัดงานออกมาชี้แจงอะไร แล้วสิ่งที่รอได้กลับเป็นข่าวที่หลินจืออี้เกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว
ในตอนที่เห็นเรื่องของหลินจืออี้ค่อย ๆ ล้ำหน้าเรื่องของหร่วนซิงหว่านนั้น เธอก็ค่อย ๆ ร้อนรนขึ้นมา
แล้วก็ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา พอมองเห็นเบอร์แปลก ๆ บนโทรศัพท์ เวินเฉี่ยนก็นึกว่าเซ่หรงเป็นคนโทรมา และก็เหมือนกับว่าได้เจอที่พึ่งสุดท้ายแล้ว จึงรีบกดรับสายขึ้น "พี่เซ่ ฉัน......"
"แค่ไม่นานก็เริ่มเรียกฉันว่าพี่แล้วเหรอ?"
พอได้ยินเสียงคลุมเครือของผู้ชายในโทรศัพท์ หัวคิ้วของเวินเฉี่ยนก็ขมวดขึ้นทีหนึ่ง "ทำไมถึงได้เป็นนายได้"
หลี่เฟิงพูดขึ้นว่า "ทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ล่ะ ฉันให้เธอมาหาฉันที่โรงแรม ทำไมเธอไม่มา?"
เวินเฉี่ยนพูดขึ้น "นายนี่โรคจิตหรือเปล่า สิ่งที่ควรให้นายก็ให้นายไปหมดแล้ว ทำไมฉันจะต้องไปด้วย?"
หลี่เฟิงหัวเราะเสียงดังขึ้นมา "เธอพูดอย่างนี้ก็ดูห่างเหินกันเกินไปแล้วนะ อะไรคือสิ่งที่ควรจะให้ฉันก็ให้มาหมดแล้ว? สิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุด ฉันยังไม่ได้เลย ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้งหนึ่งนะ ตอนนี้มาหาฉันที่โรงแรม ไม่งั้นอย่ามาโทษฉันว่าปล่อยเรื่องชั่ว ๆ ของเธอออกไปจนหมดล่ะ"
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ของเวินเฉี่ยนกำเข้าหากันแน่น และก็อดกลั้นความโกรธเอาไว้แล้วถามออกไปว่า "ฉันมีเรื่องชั่ว ๆ อะไร?"
"โอ้โห เราเพิ่งจะร่วมมือกันเสร็จเองนะ เธอลืมไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?" หลี่เฟิงพูดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน "เธอลืมไปแล้วก็ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจที่จะเตือนเธอหรอกนะ"
"ไม่ต้อง!" เวินเฉี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง "นายก็พูดแล้วว่าเป็นการร่วมมือกัน งั้นนายได้เงินไปแล้ว ก็ควรจะหุบปากลงได้แล้วใช่ไหม?"
"ใช่ ใช่ ใช่ เธอพูดไม่ผิดหรอก ฉันได้เงินไปแล้วก็ควรจะหุบปาก แต่ว่าเงินที่ฉันได้ก็เป็นแค่เงินที่ฉันช่วยเธอทำการโกง แต่สำหรับเรื่องที่เธอติดสินบนกรรมการสองคนเพื่อให้ได้เป็นแชมป์นั้น ฉันยังไม่ได้สักแดงเดียวเลยนะ"
เวินเฉี่ยนพูดเสียงเย็นขึ้น "ฉันไม่ได้เป็นคนติดสินบนกรรมการ คือจ้าว......"
หลี่เฟิงพูดขึ้น "นั่นก็เป็นเพราะว่าติดสินบนเพื่อเธอไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วคนที่ได้แชมป์คือเธอ ไม่ใช่ฉัน และไม่ใช่คุณจ้าว เธอว่ามันเป็นเหตุผลนี้หรือเปล่าล่ะ?"
"ตอนนี้นายจะเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ฉันเหรอ?"
"ฉันจะไปข่มขู่เธอได้ยังไงกัน ฉันเคยพูดไว้ตั้งนานแล้วไง ว่าเราเป็นคนประเภทเดียวกันเท่านั้น ถึงได้อยากพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเธอให้ลึกซึ้งกว่านี้หน่อยเท่านั้น" แล้วหลี่เฟิงก็พูดขึ้นอีกว่า "ที่อยู่ของโรงแรมและหมายเลขห้องได้ส่งไปในโทรศัพท์เธอแล้ว ถ้าเธอไม่ปรากฏตัวมาภายในอีกหนึ่งชั่วโมงละก็......"
พูดแล้ว หลี่เฟิงก็พูดเองเออเองขึ้นว่า "ตอนนี้เรื่องที่เกี่ยวกับการประกวดกำลังดังในอินเทอร์เน็ต น่าจะมีสื่อมากมายที่อยากซื้อข่าวจากวงในด้วยราคาสูงแน่ ดูท่าฉันคงจะได้เงินก้อนโตอีกแล้ว"
เวินเฉี่ยนกัดฟันกรอก นิ้วมือกดลงบนหน้าจออย่างแรง แล้วก็วางสายไป
เธอยืนอยู่กับที่ไปหลายนาที แล้วก็โทรหาเบอร์ของเซ่หรงอีก แต่ว่าสิ่งที่แสดงอยู่ก็ยังเป็นสถานะปิดเครื่อง
เวินเฉี่ยนกำหมัดไว้แน่น พอเห็นมีดปอกผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะ ก็หยิบขึ้นมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าด้วย แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากบ้านไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามี....เซ็นใบหย่าไปเลย
ใครที่อ่านเรื่องนี้อยู่ไปอ่านต่อให้จบได้ ในชื่อเรื่อง สามีเก่า....มาขอแต่งงานอีกแล้ว นะคะเป็นเรื่องดียวกันค่ะ...
รออัพเดทตอนต่อไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบทีค่ะ...
รออ่านตอนไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบด้วยค่ะ...
เรื่องนี้สนุกค่ะ แต่ทำไมลงไม่จบเรื่องคะ ช่วยลงให้จบได้ไหมคะ รอติดตามอยู่นะ...