สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1052

บทที่ 1052 คำสั่งของบิดามารดา

บทที่ 1052 คำสั่งของบิดามารดา

มีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวออกมาจากข้างนอก จากนั้นก็มีเจ้าก้อนเกี๊ยวสีชมพูวิ่งเข้ามา ตามมาด้วยพี่เลี้ยงของนาง

“ท่านแม่ ได้ยินว่าใบเฟิงเป็นสีแดงแล้ว ข้าอยากชมใบเฟิง”

เจ้าเกี๊ยวอายุเพียงหกเจ็ดขวบ หลังจากถอนกู่พิษแล้วก็กินข้าวเก่งยิ่ง ผิวพรรณเป็นสีชมพูขาวนวล กลายเป็นก้อนกลม ๆ ในเวลาสั้น ๆ

หลี่หงซูมองอยู่นานแล้วกล่าวว่า “นี่ลูกสาวของเจ้าหรือ หน้าตาสะสวยจริง ๆ เลย”

เด็กน้อยมองหลี่หงซู “ท่านน้า ท่านก็หน้าตาดีเช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องอิจฉาข้า”

หลี่หงซูหัวเราะออกมา “ลูกสาวผู้นี้ของเจ้าเหมือนเจ้าตอนเด็ก ๆ เลย ข้าเห็นนางก็ชอบแล้ว”

“ข้าตอนเด็ก ๆ จะไม่รักษาหน้าอย่างนี้ที่ใดกัน?” เจิ้งซูอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านแม่ ข้ากล่าวความจริง ไยต้องยิ้มเล่าเจ้าคะ?” เด็กน้อยเริ่มไม่พอใจแล้ว

“ท่านน้าชอบเจ้า คิดว่าเจ้าน่ารัก ถึงได้ยิ้ม” เจิ้งซูอวี้ลูบผมของนาง “เด็กดี แม่รู้สึกไม่สบาย เกรงว่าจะไปไม่ได้แล้ว เจ้าไปหาแม่บุญธรรม ขอให้นางพาเจ้าไปเล่นเถิด”

“แม่บุญธรรมยุ่งยิ่งกว่ายุ่งอีกนะเจ้าคะ ทุกวันมีเรื่องให้ทำมากมาย”

“หากเจ้าไปหาแม่บุญธรรม นางจะไปกับเจ้าอย่างแน่นอน แม่บุญธรรมยุ่ง ทว่านางก็ต้องพักผ่อนด้วย จะทำงานยุ่งทุกวันได้อย่างไร? เจ้าไปเกลี้ยกล่อมแม่บุญธรรมให้นางพักร่างเสียบ้าง อย่าโหมทำงานอย่างนี้”

เด็กน้อยได้ฟังก็รู้สึกว่าสิ่งที่มารดานางเอ่ยมามีเหตุผล

อันที่จริง เด็กน้อยชอบแม่บุญธรรมมาก หากได้ออกไปเที่ยวเล่นกับนาง จะต้องมีความสุขมากขึ้นเป็นแน่

แม่บุญธรรมไม่เหมือนท่านแม่ นางไม่ห้ามยามเล่นสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น แม่บุญธรรมมักจะอยู่ข้าง ๆ นาง คอยเล่นด้วยกันกับนางเสมอ

แม่นมพาเด็กน้อยออกไปแล้ว

หลี่หงซูเอ่ยถาม “แม่บุญธรรมที่ยัยหนูเอ่ยถึงคือ…”

“เจ้าก็รู้จัก” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “พี่หญิงซืออวี่”

“พระชายาลู่หรือ!” หลี่หงซูเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้ามีเรื่องไม่สบายใจกับนาง ภายหลังยังได้รับความช่วยเหลือจากนาง ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริง ๆ ได้ยินมาว่าตอนนี้นางอยู่ที่เมืองฮู่เป่ย ข้าควรไปคารวะนางเสียหน่อย”

“กล่าวว่าคารวะไม่คารวะอะไรกัน? เพียงแต่ไม่ได้พบกันนานหลายปี ถึงเวลารวมตัวกันเสียทีมากกว่า น่าเสียดายที่ร่างกายข้าไม่สู้ดี ไม่เช่นนั้นคงเป็นโอกาสเหมาะสมที่จะได้ออกไปชมใบเฟิงด้วยกัน”

“นางคือพระชายาลู่ สถานะสูงศักดิ์ ไม่อาจดูเบา ข้าควรไปคารวะเสียหน่อย” หลี่หงซูกล่าว “เอาอย่างนี้ ข้าจะเตรียมของขวัญไปคารวะนางพรุ่งนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่านางจะยินดีพบหรือไม่?”

“ซืออวี่เป็นคนเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า ๆ ที่สุด จะไม่พบได้อย่างไร?” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “เจ้าไม่ใช่จะไปขอตำแหน่งขุนนางจากนางหรือไปสร้างปัญหาให้นางเสียหน่อย เพียงแค่ไปรำลึกคืนวันเก่า ๆ กันเท่านั้น”

หลี่หงซูยิ้มแล้วเอ่ยว่า “นึกว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ที่แท้ยังคงคิดมากอยู่ดี ไม่ต้องห่วง ข้าเป็นม่ายไม่มีสามี เลี้ยงลูกสาวลูกชายเพียงลำพัง ข้าเพียงแค่อยากจะมีน้ำใจต่อผู้อื่น ไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใด นางคือพระชายาลู่ อยู่ที่นี่ก็ปิดฟ้าได้กว่าครึ่ง หากได้เป็นสหายกับนาง ชีวิตในเมืองฮู่เป่ยของข้าก็จะสะดวกสบาย พวกเราล้วนไม่ใช่เด็กสาวใจร้อนในตอนนั้นแล้ว ย่อมไม่กระทำการบุ่มบ่าม”

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว เห็นได้ชัดว่าเกลือหลายปีมานี้ไม่ได้กินไปอย่างสูญเปล่า ตอนนี้เจ้ากระจ่างแจ้งกว่าเมื่อก่อนมาก หากเจ้ากระจ่างเช่นนี้ตั้งแต่แรก ๆ เจ้าคงทุกข์น้อยลงหน่อย”

“เจ้าสบโอกาสก็ว่าข้า แสดงให้เห็นว่านิสัยชอบเอาชนะของเจ้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย หลายปีมานี้นายท่านฉินของเจ้าทนเจ้าได้อย่างไรกันนะ?”

ทั้งสองพูดคุยสรวลเสเฮฮากัน

ในเวลานี้เอง ลูกชายลูกสาวของหลี่หงซูก็เข้ามา

“ท่านแม่ ได้ยินมาว่าใบเฟิงสวยยิ่งนัก ข้ากับน้องสาวก็อยากชมใบเฟิงเช่นกัน” หยางจือจวิ้นลูกชายของหลี่หงซูกล่าว

“ท่านแม่ ข้าก็อยากชมใบเฟิงเช่นกันเจ้าค่ะ” หยางอีฮุ่ยก็ขอร้องเช่นกัน

“ปีศาจน้อยทั้งสอง พวกเรามาเยี่ยมน้าเจิ้ง มีที่ใดอยากชมใบเฟิงทันทีที่มา?” สิ้นคำ หลี่หงซูก็เอ่ยกับเจิ้งซูอวี้ “ข้าจะให้บ่าวพาพวกเขาไปที่นั่น จะได้ไม่เสียงดังรบกวนความสงบสุขของเรา”

“ในเมื่อพวกเขาชอบใบเฟิง เช่นนั้นก็ให้พวกเขาไปดูพร้อมกับยัยหนูเถอะ ยัยหนูไปที่นั่นมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว เมื่อก่อนไม่ได้เป็นสีแดงจึงไม่อยากไปเล่นสนุก นางรอให้ใบเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดงมาตลอด” เจิ้งซูอวี้กล่าว “พวกเขาเพิ่งมาเมืองฮู่เป่ย ไม่คุ้นเคยกับที่นี่นัก นอกจากนี้เด็ก ๆ น่าจะเข้ากันได้ดี เช่นนี้ภายหน้าจะได้มีเพื่อนเล่น”

“อย่างนี้จะรบกวนเกินไปหรือไม่?”

“ไม่ได้รบกวนอะไร” เจิ้งซูอวี้กล่าว “พาบ่าวรับใช้ไปหลายคนหน่อย พวกเราจะได้ไม่ต้องห่วง”

เจิ้งซูอวี้จัดเตรียมแม่นมหลายคนไปปรนนิบัติรับใช้ กำชับสองสามคำให้พวกเขาเตรียมของไปให้มากหน่อย

เด็ก ๆ ออกไปเล่นแล้ว เจิ้งซูอวี้ไม่มีอะไรทำ จึงออกไปอาบแดดที่สวนกับหลี่หงซู

ดอกไม้ในสวนกำลังเบ่งบานสวยงาม ยามสายลมพัดผ่านมา กลิ่นหอมของดอกไม้ซึ่งเป็นความรู้สึกบริสุทธิ์และสบายใจอย่างหาได้ยากก็โชยมา

“ซูอวี้ เจ้าว่าจือจวิ้นบ้านข้าเป็นอย่างไร?” จู่ ๆ หลี่หงซูก็เอ่ยถามขึ้นมา

เจิ้งซูอวี้หันกลับมามอง “หมายความว่าอย่างไร?”

“เจ้ากับข้ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เราเป็นสหายกันมานานหลายปี ข้าไม่ได้หลอกล่อให้เจ้ารับปาก ข้าชอบยัยหนูบ้านเจ้าจริง ๆ เห็นนางแล้วก็เหมือนได้พบกับเจ้าตอนยังเด็ก รู้สึกผูกพันเป็นพิเศษ จือจวิ้นของเราอายุไม่ห่างจากยัยหนูของเจ้ามากนัก หากเจ้ายินดี พวกเรามาเป็นญาติเกี่ยวดองกันเป็นอย่างไร?”

เจิ้งซูอวี้ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

นางนึกถึงรูปลักษณ์ของหยางจือจวื้น

หากหลี่หงซูไม่เอ่ยถึงลูกชาย เจิ้งซูอวี้ก็คงไม่นึกถึงเขา

เมื่อนางเอ่ยขึ้นมา เจิ้งซูอวี้ก็พยายามนึกถึงรูปลักษณ์ของหยางจือจวิ้น พบว่าเด็กคนนี้หน้าตาดี ทว่า… ดูเหมือนจะไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ อย่างไรเสียก็เพิ่งได้พบหน้า อีกทั้งเด็กคนนั้นยังค่อนข้างเก็บตัว

“หงซู เจ้าชอบยัยหนู ข้าก็ดีใจมาก…”

“เอาละ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการเอ่ยอะไร” หลี่หงเอ่ยอย่างขมขื่น “เป็นข้าที่คิดมากไป ข้าสูญเสียสามี จือจวิ้นสูญเสียบิดา ทั้งสกุลไม่มีผู้ใดให้พึ่งพาได้ ไม่ใช่สกุลที่ดีอะไรนัก”

“เจ้าเอ่ยเช่นนั้นได้อย่างไร?” เจิ้งซูอวี้ขมวดคิ้ว “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนั้นการแต่งงานของเราถูกควบคุมจากสกุล ทั้งเจ้าและข้าต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานมามาก บัดนี้เราเป็นแม่คนแล้ว ยังจะปล่อยให้ลูกเดินเส้นทางเดิมได้อย่างไร?”

“เจ้าพูดถูก ข้าเพียงแค่ล้อเล่น” หลี่หงซูจิบชา “นี่ก็เย็นแล้ว ข้าไปก่อนละ”

“ได้” เจิ้งซูอวี้เอ่ย “เช่นนั้นข้าไม่ส่งเจ้าแล้ว เจ้าก็รู้ว่าร่างกายข้า…”

“พักผ่อนเถอะ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล” หลี่หงซูเอ่ย “เรื่องเมื่อครู่เจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจ ข้าพูดผิดไปเอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย