สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 13

บทที่ 13 นางร้ายที่ปอดแหกที่สุด

บทที่ 13 นางร้ายที่ปอดแหกที่สุด

ลู่จื่ออวิ๋นกอดแขนของลู่อี้ ขอบตาของเด็กน้อยพลันอุ่นวาบ เสียงเล็ก ๆ เปล่งออกมาอย่างน่าสงสาร “ขอโทษเจ้าค่ะ”

เด็กหญิงเพียงแค่กล่าวขอโทษ แต่ไม่ได้บอกถึงเหตุผล

นางลอบมองมู่ซืออวี่ เมื่อเห็นสายตาของท่านแม่ก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่

ท่านแม่ป้อนข้าว ต้มยาให้นาง เมื่อครู่นี้ยังหวีผมให้ หมายความว่าตราบใดที่ช่วยท่านแม่ในครั้งนี้ ต่อไปท่านแม่คงจะทำดีกับนางด้วย

ส่วนลู่ฉาวอวี่ยังคงเงียบ

หากในเวลานี้เขายืนขึ้นแล้วกล่าวว่าก่อนหน้านี้มู่ซืออวี่ทำอะไรบ้าง ท่านพ่อที่กำลังโกรธจัดก็จะโยนผู้หญิงคนนี้ออกไปได้อย่างแน่นอน

แต่ช่วงนี้นางไม่ได้ทำอะไรผิด อีกทั้งภาพนางที่กำลังให้ยาก็พลันปรากฏขึ้นในใจ

ลู่อี้กอดลู่ฉาวอวี่ไว้ มือทั้งสองลูบปลอบลูกชาย สายตาก็ยังคงหยุดอยู่ที่ร่างของมู่ซืออวี่ เมื่อมู่ซืออวี่มองกลับไปก็เหมือนเสือสองตัวจ้องมองกันไม่มีผิด มู่ซืออวี่ขนลุกไปทั้งตัว อยากจะหนีออกไปจากที่นี่เสียตรงนี้

แต่หลังจากหนีออกจากที่นี่แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้นางคือมู่ซืออวี่ หญิงสาวที่แต่งงานแล้วในหมู่บ้านที่สงบสุข ตอนนี้กำลังดิ้นรนเพื่อก้าวไปข้างหน้าใต้อำนาจของจักรพรรดิ

เหตุผลที่หญิงสาวผู้เดินทางข้ามเวลาทั้งหลายสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็เพราะพวกนางมีตัวตนที่ชัดเจนทั้งนั้น

“เอาเถอะ ท่านพี่ เข้าไปด้านในก่อนเถิด”

ลู่เซวียนขัดจังหวะสองสายตาที่กำลังประสานกัน ไม่ได้พูดถึงเรื่องการขับไล่มู่ซืออวี่ออกไปอีก

ทั้งลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่ต่างก็ช่วยกันพูดแทนผู้หญิงคนนั้น เห็นได้ว่าไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะน่ารังเกียจมากแค่ไหน แต่เด็กทั้งสองคนนี้ก็ยังไม่อยากสูญเสียแม่อันเป็นที่รักไป

ลู่อี้อุ้มลูก ๆ เข้าไปในห้อง จากนั้นก็วางพวกเขาลงบนเก้าอี้

เขาเข้ามาในครัว พอเห็นเศษโจ๊กที่เหลืออยู่ ความประหลาดใจก็ฉายชัดในดวงตา

เป็นโจ๊กจริง ๆ

เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่อวิ๋นเอ๋อร์พูดจะเป็นความจริง

ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อลูกสาวตัวเอง เพียงแต่มู่ซืออวี่แต่งงานเข้ามาก็เป็นเวลานานมากแล้ว เขาไม่เคยเห็นนางเข้ามาทำกับข้าวในครัวเลย

ตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนที่พวกเขาไม่อยู่นั้นคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้กับคนคนหนึ่งได้อย่างไร

ลู่เซวียนเห็นลู่อี้ยกชามโจ๊กขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างจึงถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวอวี่ทำโจ๊กเป็นรึ?”

เขาไม่เชื่อว่ามู่ซืออวี่ทำ ลู่ฉาวอวี่เป็นเด็กที่โตเกินวัย น่าจะเป็นคนทำเสียมากกว่า

“นี่ท่านแม่ทำเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นพูดขึ้นอีกครั้ง “อร่อยมากเลยนะเจ้าคะ”

เป็นครั้งที่สองที่ลู่เซวียนได้ยินลู่จื่ออวิ๋นเรียกว่าท่านแม่ ครั้งแรกเขาคิดว่านางคงเผลอปาก แต่ครั้งที่สองที่เขาได้ยินนางเรียกมู่ซืออวี่เช่นนี้ เขาก็เริ่มคิดอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับความหมายของคำเรียกนี้แล้ว

มู่ซืออวี่รู้สึกประดักประเดิดที่ต้องยืนอยู่ตรงนี้ สกุลของครอบครัวนี้คือ ลู่ นางเป็นคนเดียวที่มีสกุล มู่ ไม่มีใครปฏิบัติต่อนางอย่างดีเพราะนิสัยเจ้าของร่างเดิม เวลานี้นางจึงรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนหมุดที่มีเข็มทิ่มแทง

“ข้าจะไปซักผ้า” นางพูดออกมาหนึ่งประโยคก่อนจะเดินเข้าห้องไป

ลู่อี้และลู่เซวียนต่างก็มองหน้ากัน ทั้งคู่เห็นความสงสัยในแววตาของกันและกัน

ลู่เซวียนวางชามไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเรียกลู่ฉาวอวี่และลู่จื่ออวิ๋น “อวิ๋นเอ๋อร์ อวี่เอ๋อร์ มากินเร็วเข้า”

“พวกข้ากินไปแล้วขอรับ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้น “ท่านพ่อ ท่านอา พวกท่านกินเถิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย