สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 140

บทที่ 140 ชาติกำเนิดครอบครัวของนางจะต้องไม่ย่ำแย่

บทที่ 140 ชาติกำเนิดครอบครัวของนางจะต้องไม่ย่ำแย่

ลู่อี้คุยกับนักการเกาอยู่ชั่วครู่ หลังจากแยกกันจึงตรงกลับไปยังห้องทำงานของตน ทว่าเห็นถังซานอวี่กำลังพูดคุยกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง

ถังซานอวี่สัมผัสได้ถึงบางสิ่งจึงหันกลับมา แววตาของเขาลุ่มลึกขึ้นเมื่อเห็นลู่อี้

มุมปากของลู่อี้หยักยิ้มขึ้น ก่อนจะเผยสีหน้าเย้ยหยันออกมา

อุบายเล็กน้อยเช่นนี้…

ไม่ควรค่าที่จะเห็นจริง ๆ

ถังซานอวี่สะบัดมือ ส่งสัญญาณให้เด็กหนุ่มออกไปก่อน

เขาเดินเข้ามาหาลู่อี้ “เสมียนลู่ช่างมีความสามารถจริง ๆ”

“เสมียนถังต่างหากที่เก่งกาจมากกว่า อย่างไรเสียก็ไม่มีผู้ใดมีมือยาวเท่ากับท่านแล้ว เสมียนถัง หากยืดมือยาวเกินไป ระวังจะโดนตัดเข้าล่ะ” ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ

“ลู่อี้ เจ้าอย่าได้ผยองเกินไป” ถังซานอวี่เอ่ยอย่างเยือกเย็น “เจ้าไปล่วงเกินใต้เท้า หากใต้เท้าต้องการสร้างความลำบากให้ แม้กระทั่งนายอำเภอฉินก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้”

“เช่นนั้นก็มารอดู” ลู่อี้หมุนตัวเดินจากไป

สายตาราวกับงูพิษของถังซานอวี่จับจ้องอยู่ที่ร่างของลู่อี้

ตะวันเคลื่อนคล้อยลง วันยุ่ง ๆ ค่อย ๆ สิ้นสุด

“สหายลู่ พวกเรากลับก่อนนะ” เวินเหวินซงพูดขึ้น

“ได้” ลู่อี้ยิ้มจาง ๆ “อีกเดี๋ยวข้าก็จะกลับ”

“ฮ่าฮ่า เจ้าจะไปรับเมียใช่หรือไม่?” เสมียนที่อยู่ถัดจากเขาแกล้งล้อขึ้นมา “พวกเจ้าดูไปดูมาแล้วไม่เหมือนแต่งงานมาหลายปี ราวกับคู่ข้าวใหม่ปลามันเสียมากกว่า”

“จริงสิ บอกเคล็ดลับข้าหน่อย เหตุใดหลายปีเช่นนี้ยังรักใคร่เหมือนเดิม ข้าแต่งเมียมาสองปี ความหวานชื่นตอนแต่งงานใหม่ ๆ เหือดหายไปนานแล้ว ตอนนี้เมียข้าเสียงดังกว่าข้าเสียอีก เห็นนางแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย”

“ฮูหยินลู่เพรียบพร้อมด้วยคุณธรรม สะใภ้ของพวกเจ้ามีฝีมือเช่นฮูหยินลู่หรือไม่?”

“ไม่แปลกใจที่ได้ยินว่าสะใภ้เจ้าทำงานไม้อะไรนั่น” เสมียนข้าง ๆ ลู่อี้อยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “เรื่องเช่นนี้สตรีทำได้ด้วยหรือ? เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ข้าเห็นสตรีเป็นช่างไม้”

“ตราบใดที่นางชอบก็ดีแล้ว ข้าคิดว่าสตรีทำงานไม้ก็ไม่แปลก” ลู่อี้เอ่ยเรียบ ๆ

“แต่นี่มัน…”

“ความคิดของสหายลู่ พวกเราเทียบไม่ติดจริง ๆ”

ลู่อี้ไม่อยากพูดให้มากความ หลังจากเก็บข้าวของแล้วเขาจึงหาข้ออ้างกลับไป

“พี่ใหญ่ลู่” เฟิงเจิงออกมาเทฝุ่นผงทิ้ง เมื่อเห็นลู่อี้ก็ยิ้มแล้วทักทาย “ท่านเลิกงานแล้วหรือ?”

“อืม แล้วนางเล่า?”

“เฮ้อ!” เฟิงเจิงถอนหายใจ “ยังยุ่งอยู่เลย พี่ใหญ่ลู่ ท่านไม่รู้อะไร…”

เฟิงเจิงจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้คร่าว ๆ

“นางไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

“ไม่เป็นไร” เฟิงเจิงตอบ “พี่ใหญ่ลู่วางใจเถิด นางมีพลังเปี่ยมล้น ไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่น้อย ท่านรีบเข้าไปดูงานของนางเร็วเข้า สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเชียวล่ะ”

ลู่อี้ตามเฟิงเจิงเข้าไปในร้านด้วยความสงสัย

มู่ซืออวี่กำลังวาดรูปบนผนังด้วยพู่กัน หลังจากหลายสิ่งบนผนังถูกทำลายลง นางก็เปลี่ยนแผนเป็นวาดรูปลงไปแทน ออกแบบแล้ววาดรูปขึ้นมาใหม่อีกรอบ

ภูเขาสูงตระหง่าน มีธารน้ำไหลผ่าน เหนือหุบเขาลึกเป็นนภาสีคราม ทิวทัศน์งดงามรื่นตาเป็นอย่างมาก

ฝีมือวาดภาพของนางช่างล้ำเลิศ

คงเป็นดังคาด ชาติกำเนิดครอบครัวของนางจะต้องไม่ย่ำแย่ มิเช่นนั้นย่อมไม่มีพรสวรรค์ที่ดีเลิศเช่นนี้

“งดงามจริง ๆ” หวังต้าชุนเอ่ย “แม้แต่บัณฑิตในหมู่บ้านของเรายังไม่สามารถวาดภาพออกมาได้ดีเช่นนี้”

“เจ้าคิดว่าบัณฑิตทุกคนล้วนเชี่ยวชาญสีแดงกับสีเขียว*[2] หรือ?” เฟิงเจิงทำงานเป็นคนเฝ้าร้านอาหารมานานหลายปี พบเจอผู้คนมาไม่น้อย ทั้งยังคนพบคนไม่น้อยเช่นกันที่ชอบโอ้อวดความสามารถของตนเอง “วิธีวาดภาพเช่นนี้มีเพียงเจ้าสำนักของสำนักบัณฑิตซูหยวนเท่านั้นที่เทียบได้”

“อย่าได้พูดจาไร้สาระ” มู่ซืออวี่ตวัดเส้นสุดท้าย “ท่านเจ้าสำนักบัณฑิตซูหยวนเป็นมหาบัณทิตแห่งยุคสมัย จะนำเขามาเทียบกับหญิงออกเรือนแล้วตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่งได้อย่างไร ไม่รู้จะน่าขันเพียงใด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย