สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 210

บทที่ 210 โน้มน้าวอวี้ซื่อ

บทที่ 210 โน้มน้าวอวี้ซื่อ

อันอี้หางมองภาพอบอุ่นกลมเกลียวของครอบครัวลู่ แววตาของเขาเจือไปด้วยความอิจฉา

ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่พ่อของเขายังอยู่ อันอวี้ยังมีคนที่รักนางจากใจจริง ตั้งแต่พ่อของเขาเสียไป ท่าทีของแม่ที่มีต่ออันอวี้นับวันยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนคิดว่าอันอวี้ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของนาง

แน่นอนว่าอันอวี้เป็นลูกแท้ ๆ ของนาง เรื่องครั้งนี้นางเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้อันอวี้จะไม่ได้กินอะไร นางเองก็ไม่ได้กินเช่นกัน นางแค่ประเมินร่างกายของอันอวี้ผิดไป

“ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง” อันอี้หางนำถุงเงินออกมาจากแขนเสื้อ “ตอนที่ข้าไม่อยู่ที่บ้าน รบกวนเตรียมอาหารให้อันอวี้หน่อยได้หรือไม่ ข้าจะให้เงินตรงเวลาทุกเดือน”

มู่ซืออวี่หันมองลู่อี้

ลู่อี้เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าแม่ท่านรู้เข้า เกรงว่านางจะไม่พอใจ”

เหตุผลที่อวี้ซื่อกระเบียดกระเสียรขนาดนั้น เกินกว่าครึ่งเป็นเพราะต้องการเก็บเงินไว้ให้อันอี้หาง นางคิดจะเก็บเงินทุกตำลึงไว้เพื่อให้อันอี้หางใช้ศึกษาหาความรู้ หากเอาไปใช้อย่างอื่นถือว่าเป็นการสิ้นเปลือง หากนางรู้เข้าว่าอันอี้หางจ่ายเงินให้เพื่อนบ้านเพื่อหุงหาอาหารให้น้องสาวของเขากิน เกรงว่าจะก่อความวุ่นวายขึ้นมา

แบบนี้ยังทำให้เพื่อนบ้านของพวกเขาดูเป็นคนฉกฉวยประโยชน์ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ในนอกใม่ใช่คน*[1]

“หากนางไม่พอใจ ข้าจะคิดหาวิธีอื่น ถึงตอนนั้นข้าจะอธิบายให้ชัดเจน จะได้ไม่มีใครเข้าใจพวกท่านผิด” อันอี้หางกล่าว “พวกท่านก็เห็นแล้วว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น จะเปลี่ยนความคิดของแม่ข้านั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ชั่วข้ามคืน อีกไม่นานข้าก็ต้องกลับไปที่สำนักบัณฑิตแล้ว ข้ากังวลว่าน้องสาวข้าจะเป็นแบบวันนี้อีก”

มู่ซืออวี่ไม่กล่าวสิ่งใด ลู่อี้ว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น บางทีนางอาจไม่รู้ตัวว่าความสัมพันธ์ของนางกับลู่อี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ตอนนี้นางมักจะฟังความคิดเห็นของลู่อี้เสมอ

“เงินทองไม่จำเป็น พวกเราล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของสำนักบัณฑิตเขาเขียวเช่นเดียวกัน เท่ากับเป็นสหายร่วมเรียนครึ่งหนึ่ง น้องสาวของท่าน พวกเราจะดูแลเท่าที่สามารถทำได้ จะถือว่านางเป็นสหายคนหนึ่ง หากรับเงินคงไม่ดี ถ้าหากท่านไม่สบายใจ รอท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง อนาคตรุ่งโรจน์แล้วค่อยตอบแทนก็ยังไม่สาย ถึงตอนนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน”

อันอี้หางก็ไม่เกรงใจลู่อี้เช่นกัน เขาเก็บถุงเงินของตนคืนไป

เมื่อกลับไปถึงบ้านที่อยู่ข้าง ๆ ก็พบว่าอวี้ซื่อไม่อยู่ที่บ้าน อันอี้หางผลักประตูเดินเข้าไปมองอันอวี้ที่นอนอยู่ แล้วนั่งลงปลายเตียงเพื่อห่มผ้าให้นาง

“ท่านพี่…” อันอวี้ลืมตาขึ้นมากะทันหัน

สายตาที่ไม่จดจ่อที่ใดนั้น ‘มอง’ ขึ้นไปบนฟ้า นางพึมพำเบา ๆ ว่า “เหตุใดท่านต้องช่วยข้าไว้?”

“เจ้ากำลังพูดเรื่องโง่ ๆ อะไร?” อันอี้หางกล่าว “ข้าบอกท่านแม่แล้ว ต่อไปนางจะไม่จำกัดจำเขี่ยเช่นนี้อีก เจ้าหิวก็ต้องบอกนาง อย่าได้กลัวกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อีก”

“หากไม่ใช่เพราะข้า ท่านพ่อคงไม่จากไป ชีวิตของพวกท่านคงไม่ลำบากเช่นนี้ หากคนที่ตายเป็นข้าก็คงดี” อันอวี้ร้องไห้ออกมา “ข้าเป็นตัวหายนะ ข้าทำร้ายทุกคน”

“อย่าเอ่ยคำพูดเช่นนี้อีก ได้ยินหรือไม่?” อันอี้หางมองอันอวี้ด้วยความโกรธ “ท่านพ่อรักเจ้า เจ้าสำคัญกับเขายิ่งกว่าชีวิตของเขาเอง ท่านพ่อช่วยเจ้าไว้ เขาอยากเห็นเจ้าโศกเศร้าเช่นนี้หรือ? เจ้าจะต้องใช้ชีวิตให้ดี ต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเมื่อก่อน แบบนี้ถึงจะสมกับความตั้งใจของท่านพ่อ”

“ท่านพี่ ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่ามีคนมาสู่ขอข้า ท่านแต่งข้าออกไปเถอะ!” อันอวี้ ‘มอง’ พี่ชาย

สีหน้าของอันอี้หางกลับไม่น่ามองทันที

ท่าทีที่อวี้ซื่อมีต่ออันอวี้ ประกอบกับสถานการณ์ของอันอวี้ เกรงว่าจะไม่ใช่การแต่งงานที่ดีอะไร

“เจ้ายังเล็ก เรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ข้าบอกฮูหยินลู่บ้านข้าง ๆ เอาไว้แล้ว ต่อไปพวกเขาจะคอยดูแลเจ้า” อันอี้หางกล่าว “พวกเขาเชื่อใจได้ ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไรก็ขอให้พวกเขาช่วย ไม่ต้องกังวลว่าจะติดหนี้บุญคุณ ข้าไปมาหาสู่กับพวกเขา นับได้ว่าเป็นสหาย รอข้าสอบเป็นขุนนาง มีชื่อเสียงให้ได้เสียก่อน ข้าจะต้องตอบแทนพวกเขาแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย