สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 235

บทที่ 235 เจ้าหลบหนีไม่พ้นแล้ว

บทที่ 235 เจ้าหลบหนีไม่พ้นแล้ว

“ลู่อี้ เจ้าฆ่าพ่อของข้าแล้ว เจ้าไม่รู้สึกผิดสักนิดเลยงั้นรึ?” หลินตงพูดเสียงสั่นเครือ

“รู้สึกผิดรึ? เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” ลู่อี้หัวเราะเยาะ

เขาพลิกหน้าหนังสือในมือตน แล้วกล่าวต่อโดยไม่รอให้หลินตงได้เอ่ยออกมา “ไม่ต้องรีบร้อน อีกไม่นานความจริงก็จะเปิดเผยแล้ว”

หลินตงได้ยินเช่นนั้นก็พลันเหงื่อแตกพลั่ก

นอกโถงพิจารณาคดี ลู่เซวียนเอ่ยกับมู่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆ “หลินตงผู้นี้จะต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่ ท่านเห็นสีหน้าราวกับรู้สึกผิดของเขาหรือไม่?”

มู่ซืออวี่ก็สังเกตเห็นเช่นกัน

ตอนแรกนางคิดว่าหลินตงเพียงแค่อยากกล่าวหาลู่อี้พล่อย ๆ เพื่อเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ใช่แค่นั้นแล้ว เบื้องหลังอาจมีเหตุผลดำมืดซ่อนอยู่

หลังจากผ่านมาสองชั่วยามครึ่ง นักการเกาและเซี่ยคุนก็นำคนแบกโลงเข้ามาในศาลาว่าการ

“ใต้เท้าขอรับ เส้นทางนี้อันตรายจริง ๆ นะขอรับ” นักการเกาเอ่ยกับนายอำเภอฉินที่กลับเข้ามาในโถงพิจารณาคดี “ในตอนที่พี่น้องทั้งหลายแบกโลงศพขึ้นรถม้า จู่ ๆ ม้าก็ตื่นตระหนกขึ้นมา หากเซี่ยคุนไม่ปรากฏตัวขึ้นแล้วไปควบคุมม้าพอดี เกรงว่าหากพวกเราไม่ตายก็คงเนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือโลงนี้คงนำกลับมาไม่ได้แน่ขอรับ”

“บังเอิญอะไรเช่นนี้?” นายอำเภอฉินงุนงง

“ใต้เท้า จะต้องเป็นผีท่านพ่อข้าที่ไม่อยากให้พวกเราเปิดโลงแน่เลยขอรับ ใต้เท้า จะให้คนขุดผู้ตายขึ้นมาจากหลุมได้อย่างไร ให้ท่านพ่อของข้าได้พักผ่อนอย่างสงบเถอะนะขอรับ!” หลินตงคุกเข่าลงร้องไห้กับพื้น

“เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนฆ่าพ่อของเจ้าไม่ใช่หรือ? ในเมื่อพ่อของเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้เขามาหาข้า” ลู่อี้เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อนำโลงมาที่นี่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เปิด”

นายอำเภอฉินสะบัดมือ “เรื่องนี้จบแต่เพียงเท่านี้ เช่นนั้นก็เปิดโลงเถอะ!”

ผู้คนที่เดิมทีจากไปแล้วรีบร้อนมาดูหลังจากได้ยินข่าว พวกเขาล้วนเฝ้ารอให้ความจริงของคดีนี้เปิดเผยออกมา

เมื่อโลงถูกเปิดออก กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งก็ลอยออกมา

ท่านหมอลี่ปิดปากและจมูกเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นสภาพในโลง เขาก็พลันขมวดคิ้ว

จากนั้นเขาก็เริ่มชันสูตรศพด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อย ชาวเมืองต่างรอให้ท่านหมอลี่สรุปผลชันสูตรออกมา

“ศพถูกฝังลงไปในดินแล้ว สิ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ตอนเพิ่งตายย่อมเผยออกมา ผู้ตายมีซี่โครงหักห้าซี่จริง คนที่ทุบตีเขาแข็งแรงมาก แต่ส่วนสูงไม่มาก สภาพการณ์ตอนตีควรเป็นเช่นนี้…”

ท่านหมอลี่ชี้ไปที่นักการคนหนึ่งที่สูงปานกลาง ขอให้เขาเดินออกมา

นักการเกาคนนั้นยืนอยู่ด้านหน้าท่านหมอลี่

ท่านหมอลี่ชี้ไปที่ร่างกายของตน “ท่านตีข้าตรงนี้…”

นักการคนนั้นยกกำปั้นขึ้นมา

“เห็นหรือไม่? สภาพเป็นเช่นนี้ ดังนั้นคนที่ตีผู้ตายจะต้องเตี้ยกว่าผู้ตายครึ่งศีรษะ”

นักการเกาเอ่ยว่า “ลู่อี้สูงกว่าผู้ตายมากนัก”

ท่านหมอลี่อธิบายต่อ “คนผู้นั้นยังกดศีรษะผู้ตายจุ่มน้ำให้เขาขาดอากาศหายใจตาย จากนั้นจึงโยนเขาลงไปในน้ำเพื่อทำลายศพ บนท้ายทอยของเขามีลายมืออยู่ และคนผู้นี้… ถนัดซ้าย”

“นี่จะเยี่ยมยอดเกินไปแล้ว แม้กระทั่งคนผู้นั้นถนัดซ้ายก็ยังดูออก?” ชาวบ้านที่มายืนดูพูดกันเซ็งแซ่

“ไม่เพียงเท่านั้น เวลาตายของผู้ตายยังไม่ใช่เวลาตายที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรบอก ทว่าเป็นเวลาถัดจากนั้นอีกหนึ่งชั่วยาม” ท่านหมอลี่กล่าวต่อ “ก่อนหน้าผู้ตายแช่อยู่ในน้ำจนหมดแรง ตอนที่เขาปีนขึ้นมาริมฝั่งคงถูกผู้สังหารโจมตี”

“ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดา ไม่มีหลักฐาน” มีคนเอ่ยขึ้นมา

มู่ซืออวี่หันกลับไปมอง คนที่โพล่งขึ้นมายืนอยู่ข้าง ๆ เฉินเซียนเฉิง เกรงว่าถ้อยคำเหล่านี้จะมีคนสั่งให้เอ่ยขึ้นมา

“พวกเจ้าเชื่อคำพูดของเจ้าหน้าที่ชันสูตร แต่คำพูดของข้าพวกเจ้ากลับไม่เชื่องั้นรึ งานของข้าก็คือหลักฐาน ทุกคำที่ข้ากล่าวออกไป ข้าล้วนไม่ละอายใจต่อมโนธรรมของตน หากพวกเจ้าคิดว่าไม่ถูกต้อง เช่นนั้นก็ไปหาหมอสองสามคนมาชันสูตรอีกครั้ง หากพวกเขาไม่เห็นตรงกันกับข้า ข้าย่อมฟังเหตุผลของพวกเขา”

“ใต้เท้า ข้าจับผู้สังหารมาได้แล้วขอรับ” จือเชียนผลักชายผู้หนึ่งเข้าไปในโถงพิจารณาคดี

คนมาใหม่เป็นชายวัยกลางคนสูงปานกลางที่ขากำลังสั่นงก ๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองนายอำเภอฉินแม้แต่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย