สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 29

บทที่ 29 เขาไม่ต้องการท่านแล้ว

บทที่ 29 เขาไม่ต้องการท่านแล้ว

หลังจากที่มู่ซืออวี่พูดจบแล้วพบว่าลู่อี้ไม่ยอมขยับตัวไปไหน นางจึงคว้าของในมือของชายหนุ่มมาแล้วผลักร่างสูงของเขาไปทางห้องนอน

สีหน้าของลู่อี้บ่งบอกว่าตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกไปหมดแล้ว

หลังจากที่สามีเข้าไปในห้อง หญิงสาวก็เป็นคนปิดประตู พร้อมลงสลักจากด้านนอก นั่นทำให้ดวงตาของชายหนุ่มพลันฉายแววอบอุ่นขึ้นมาเป็นครั้งแรก

ลู่เซวียนลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง เมื่อเห็นลู่อี้ยืนอยู่ที่ประตูก็เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ท่านพี่ ท่านไปยืนทำอะไรตรงนั้น?”

“เปล่า เจ้านอนเถอะ” ลู่อี้ตอบอย่างนุ่มนวล

มู่ซืออวี่ไล่ลู่อี้กลับไปนอน แต่นางไม่ได้กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง หญิงสาวไปค้นของจนพบกระดาษเก่า ๆ อยู่ จึงเริ่มร่างแบบลงไปในนั้นด้วยแท่งถ่าน

สำหรับมู่ซืออวี่ นี่เป็นอาชีพเก่าของนาง ทุกครั้งที่เริ่มออกแบบเครื่องเรือน เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

ท้องฟ้าสว่างจนเป็นสีขาว มองเห็นเมฆสีแดงสะท้อนแสงพระอาทิตย์ วันใหม่มาถึงพร้อมกับความหวังใหม่ ๆ ที่เวียนมา

หญิงสาวยืดกายบิดขี้เกียจ หาอะไรมาทับแบบที่วาดเอาไว้กับโต๊ะ จากนั้นก็ปลดสลักประตูที่ห้องของลู่อี้

ทันทีที่นางนำมันออกมา เสียงฝีเท้าจากด้านในก็ดังขึ้น เจ้าของห้องเป็นคนเปิดประตูออกมา ทั้งสองยืนสบตากันนิ่ง

มู่ซืออวี่โบกมือไปมาผ่านหน้าเขา “เช้าแล้ว เจ้าหลับสบายดีหรือไม่?”

ลู่อี้ตอบเสียงเบา “สบายสิ”

ลู่เซวียนเบียดมาจากด้านหลังแล้วมองทั้งคู่อย่างเคือง ๆ “เหตุใดพวกเจ้าถึงมายืนขวางประตู”

มู่ซืออวี่จึงหมุนตัวกลับไปที่ห้องครัว

ในตอนนี้ลู่ฉาวอวี่ ลู่จื่ออวิ๋น และมู่เจิ้งหานก็ทยอยตื่นขึ้นมาทีละคน

เมื่อมู่ซืออวี่พบหน้าน้องชายก็ทักทายขึ้น “หานเอ๋อร์ ช่วยพี่สาวจุดไฟทีสิ”

มู่เจิ้งหานลนลานตกใจในตอนแรก แต่ก็รีบตรงเข้ามาตามคำสั่งของนาง

พี่สาวผู้นี้ยังไม่สามารถทำให้เขาสบายใจได้ในครั้งเดียว แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เขาคงไม่มีทางออกจากบ้านหลังนั้นมาได้ ในครอบครัวนี้ เขาต้องพึ่งพานางเท่านั้น

จากนั้นลู่อี้ก็ออกไปตักน้ำ

สุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงทำให้ลู่เซวียนไม่ได้มีหน้าที่อะไรเป็นพิเศษในบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายนอนสบาย ๆ ให้คนอื่นคอยรับใช้ อะไรที่สามารถช่วยเหลือได้ก็จะช่วยทำเสมอ อย่างเช่นงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ กวาดพื้น เช็ดโต๊ะ หรือเก็บกวาดใบไม้ที่ลานบ้าน

ทุกคนในบ้านยุ่งอยู่กับการทำหน้าที่ของตัวเองและไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่ก็ร่วมแรงกันทำงานอย่างดีไม่มีปัญหา

ระหว่างที่กำลังทอดปิ่ง มู่ซืออวี่ก็ถามมู่เจิ้งหานที่เป็นคนดูแลไฟว่า “เจ้าเก็บหนังสือรับรองการหย่าและการแยกบ้านไว้แล้วหรือยัง ของสำคัญเช่นนั้นต้องเก็บให้ดี อย่าเอาให้ใครแม้แต่ท่านแม่ นางเป็นคนหัวอ่อน คนมายุยงอะไรก็จะคล้อยตามได้ง่าย ระวังว่าจะโดนใครมากล่อมให้กลับไปได้”

“มันก็แค่หนังสือหย่ากับหนังสือแยกบ้าน จะมีใครมาเกลี้ยกล่อมอะไรอีก คนพวกนั้นดูอยากจะไล่เราออกมาจนตัวสั่น ท่านแค่พูดแบบนั้นเพราะกลัวว่าข้าจะเสียใจใช่ไหม” มู่เจิ้งหานพูดอย่างเศร้าใจ

คนพวกนั้นที่ว่ามีพ่อของตนรวมอยู่ด้วย มีหรือที่เขาจะไม่เสียใจ

แม้ว่าบิดาผู้นั้นจะไม่เคยปกป้องเขากับแม่เลยตลอดหลายปีมานี้ แต่ความรู้สึกที่ลูกมีต่อพ่อย่อมต่างจากที่มีต่อย่า สำหรับชายผู้นั้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นคนอย่างไร แต่เด็กชายก็ยังอดไม่ได้ที่จะคาดหวังในตัวอีกฝ่าย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรเสียก็ยังคงเชื่อมาตลอดว่า… อย่างน้อย ๆ ลูกชายคนนี้ก็ยังจะพอครองพื้นที่ในหัวใจของพ่อได้บ้าง แต่ผลที่ได้รับกลับมีเพียงความเลอะเลือนของเขา แทบลืมไปหมดแล้วว่าความเป็นพ่อเป็นลูกคืออะไร

“หานเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้อะไร” มู่ซืออวี่พูดอย่างใจเย็น “พนันได้เลย ภายในหนึ่งปี เขาจะเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะมารบกวนท่านแม่กับเจ้าอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย