สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 362

บทที่ 362 สอบผ่านระดับมณฑลแล้ว

บทที่ 362 สอบผ่านระดับมณฑลแล้ว

ลู่อี้ยุ่งอยู่จริง ๆ

เขาสวมชุดขุนนาง เดิมทีเขาก็เป็นคนนิ่งขรึมอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งดูเหมือนดาบคมเข้าไปอีก ให้ความรู้สึกน่ายำเกรงเป็นอย่างยิ่ง

เบื้องหน้าลู่อี้มีคนสองคนยืนอยู่ ผู้หนึ่งถูกมัดตัวไว้ อีกผู้หนึ่งแผ่บรรยากาศอันตรายลึกลับออกมา

“ท่านจอมยุทธ์ ท่านมีนามว่าอะไร?” ลู่อี้เอ่ยถาม

“ท่านเรียกข้าว่าผู้พิพากษาก็พอแล้ว” ชายแข็งแกร่งผู้นั้นตอบ

“ผู้พิพากษาจั่วอวิ๋นหู่”

“ท่านรู้จักข้าหรือ?” สายตาของจั่วอวิ๋นหู่แฝงแววอันตราย

“ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมาบ้าง” ลู่อี้นั่งลงตรงข้ามอีกฝ่าย “ผู้พิพากษา ผู้ที่รับผิดชอบทวงคืนความเป็นธรรมในโลก ตราบใดที่มีความไม่เป็นธรรม แม้จะเป็นขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก ท่านก็ไม่ยอมผ่อนปรน”

“ในเมื่อใต้เท้ารู้จักข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้ตนเป็นที่ขบขันแล้ว” จั่วอวิ๋นหู่กล่าว “ท่านแก้ปัญหาเรื่องภาษีของราษฎร ดังนั้นข้าจึงช่วยท่าน โจรผู้นี้เข่นฆ่าคนมานับไม่ถ้วน คนของท่านจับมันไม่ได้ ข้าจึงช่วยจับมาให้”

“น้ำใจของจอมยุทธ์ ข้าซาบซึ้งยิ่ง แต่การที่ท่านพักไม่เป็นหลักแหล่งตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องดี อีกอย่างท่านเพิ่งฆ่าขุนนางขั้นสอง ตอนนี้จึงกลายเป็นผู้กระทำผิดร้ายแรงของราชสำนัก ไม่สู้ท่านรั้งอยู่ที่นี่เป็นอย่างไร?”

“ท้ายที่สุดท่านก็ไม่แตกต่างจากพวกเขา อยากได้ข้าเป็นบริวารของท่าน”

เซี่ยคุนเดินเข้ามาจากข้างนอก “ได้ยินว่าจับโจรได้แล้วหรือ?”

“เป็นจอมยุทธ์ท่านนี้ที่จับมา” ลู่อี้เหลือบมองจั่วอวิ๋นหู่ที่อยู่ตรงข้าม

“เป็นเจ้า!” จั่วอวิ๋นหู่จำเซี่ยคุนได้ เขาชักกระบี่ออกมาทันที “ข้าตามหาเจ้ามาห้าปี นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมาหลบอยู่ที่นี่”

เซี่ยคุนถามเบา ๆ “เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าเป็นใครน่ะหรือ?” จั่วอวิ๋นหู่ถอดหมวกออก เผยใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นออกมา “เจ้าถามว่าข้าเป็นผู้ใดน่ะหรือ?”

เซี่ยคุนจำจั่วอวิ๋นหู่ได้จากใบหน้านั้น

“ที่แท้ก็เป็นนายน้อยจากเรือนเมฆาคล้อย ตอนนั้นนายน้อยเป็นเพียงบัณฑิตใสซื่อบริสุทธิ์ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลายเป็น…”

“ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณเจ้า”

“นายน้อย คำพูดของเจ้าช่างไร้เหตุผล” เซี่ยคุนเอ่ยเสียงเรียบ “เหตุใดครอบครัวของเจ้าต้องพลัดกระจัดกระจายออกจากเรือนเมฆาคล้อย จนกระทั่งตอนนี้ เจ้าก็ยังไม่กระจ่างอีกหรือ? บางทีแทนที่จะกล่าวว่าไม่กระจ่าง คงต้องกล่าวว่าเจ้าไม่กล้าโกรธแค้นศัตรูที่แท้จริง แต่กลับเกลียดคนผ่านทางผู้หนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อยเสียมากกว่า”

“คนผ่านทางงั้นหรือ? หากตอนนั้นไม่ใช่เจ้าที่นำหายนะมาสู่ตระกูลของข้า เรือนเมฆาคล้อยของพวกเราคงไม่…”

“ตอนนั้น?” เซี่ยคุนเอ่ยเบา ๆ “ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะปู่ข้าช่วยปู่เจ้า เรือนเมฆาคล้อยคงไม่มีอยู่แล้ว ตระกูลของพวกเราผูกมิตรกันมาหลายชั่วอายุคน ตระกูลข้าประสบปัญหา ตระกูลของพวกเจ้าจะรอดพ้นไปได้อย่างไร ข้าบาดเจ็บแต่ก็รุดไปยังเรือนเมฆาคล้อยเพื่อให้พวกเจ้าปลอดภัย ทว่ายังคงช้าไปหนึ่งก้าว หากนายน้อยไม่สูญเสียความทรงจำ คงจำได้ว่าข้าเกือบตายในการกวาดล้างครานั้น”

จั่วอวิ๋นหู่กำกระบี่ในมือแน่น

เซี่ยคุนไม่หยุดและกล่าวต่อ “เจ้าคิดหรือว่าหากข้าไม่ไปเรือนเมฆาคล้อย ตระกูลของพวกเจ้าจะรอดพ้นจากมหันตภัยกวาดล้างตระกูลครั้งนั้น ไร้เดียงสาเสียจริง!”

จั่วอวิ๋นหู่ออกไปจากศาลาว่าการแล้ว

เซี่ยคุนเอ่ยขึ้นว่า “ถึงแม้เรือนเมฆาคล้อยจะล่มสลายไปแล้ว จั่วอวิ๋นหู่ผู้นี้ก็ไม่ใช่ว่าด้อยฝีมือ หากทำให้เขาร่วมมือกับนายท่านได้ งานของนายท่านจะราบรื่นยิ่งขึ้น”

“ไม่รีบร้อน ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองเถอะ” ลู่อี้เอ่ย

“เมื่อครู่นี้เห็นนายท่านรองลู่รออยู่ข้างนอก” เซี่ยคุนบอก “คงอยากให้ท่านกลับบ้านไปทานข้าวเร็วสักหน่อย”

คืนนั้นครอบครัวลู่ตั้งอาหารสามโต๊ะ บรรยากาศดูครึกครื้นมีชีวิตชีวามาก

บ่าวรับใช้ได้ค่าแรงพิเศษเพิ่มหนึ่งเดือน

คนงานที่ร้านก็ได้รับเงินเช่นกัน ทุกคนล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความยินดีกับลู่เซวียน มู่ซืออวี่รับปากพวกเขาว่าจะพาไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารในวันมะรืน เพราะวันนี้เป็นเพียงการทานข้าวภายในครอบครัวเท่านั้น

ส่วนวันพรุ่งนี้ ลู่เซวียนจะจัดงานเลี้ยงสำหรับเหล่าอาจารย์จากสำนักบัณฑิต หากคนงานอยู่ต่อหน้าปัญญาชนเหล่านี้อาจทำตัวไม่ถูก ดังนั้นจึงไม่ได้จัดงานเลี้ยงพร้อมกัน

“ลู่เซวียน…” ฉู่หลิงกวักมือเรียกลู่เซวียน

ลู่เซวียนดื่มสุราไปเล็กน้อย เมื่อมองเห็นอีกฝ่ายจึงวางจอกสุราลง แล้วตามออกไปข้างนอก

“มีอะไรหรือ?”

“อันนี้…” ฉู่หลิงนำแท่นฝนหมึกออกมา “อันนี้ให้เจ้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย