สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 370

บทที่ 370 การเตรียมการของลู่อี้

บทที่ 370 การเตรียมการของลู่อี้

ตอนที่ข่าวลือเรื่องตระกูลโหยวเกิดโรคฝีดาษแพร่ออกไป ลู่อี้เพิ่งกลับมาถึงศาลาว่าการ

ไม่นานมานี้เกิดคดีขโมยขึ้น ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองฮู่เป่ยถูกขโมยขึ้นบ้าน แต่หลังจากตรวจสอบอย่างต่อเนื่องหลายวันกลับไม่พบเบาะแสใด

เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นและยังแก้ไม่ตก จู่ ๆ โรคฝีดาษที่เป็น ‘ภัยธรรมชาติ’ ก็โผล่ขึ้นมาอีก สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ยุ่งยากยิ่งกว่าคดีขโมยขึ้นบ้านมาก

“ลู่เซวียนเข้าไปในจวนตระกูลโหยวขอรับ” นักการเกาบอกสิ่งที่ได้ยินมาให้ลู่อี้ฟัง

ลู่อี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ “ไปตรวจสอบที่มาของโรคฝีดาษซะ”

“ที่เมืองเตียนอวี้ หมู่บ้านเถาฮวากำลังเกิดโรคฝีดาษขอรับ ไม่รู้ว่าโรคฝีดาษจากตระกูลโหยวจะมีความเกี่ยวข้องกับที่นั่นหรือไม่”

“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้คือข่าวแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว ผู้คนล้วนตื่นตระหนก” นักการเกาเอ่ย “หากยังไม่ทำสิ่งใดอีก เกรงว่าราษฎรคงจะไม่ยอม”

“ตอนนี้เราทำได้เพียงดูแลคนตระกูลโหยวก่อน หากย้ายพวกเขาไปที่อื่นจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ง่าย” ลู่อี้กล่าว “ท่านเตรียมคนไปให้มากหน่อยแล้วจัดการย้ายคนที่อยู่ละแวกตระกูลโหยวไปอยู่ที่อื่นสักสองสามวัน หากปัญหาโรคฝีดาษแก้ไขได้แล้วค่อยให้พวกเขาย้ายกลับมา ค่าอาหารและค่าที่พักระหว่างนั้น ศาลาว่าการจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”

“เช่นนี้ก็จัดการง่าย ผู้ใดบ้างไม่กลัวตาย? ใต้เท้าจัดการเช่นนี้ พวกเขาคงแทบรอไม่ไหวแล้ว”

“แต่ก่อนก็เคยเกิดโรคฝีดาษเช่นกัน ทุกคนจึงพอรู้อยู่บ้างว่าควรจัดการกับโรคนี้อย่างไร ก่อนอื่นให้ท่านหมอเขียนเทียบยาให้แล้วนำไปพ่นบริเวณรอบ ๆ จวนโหยวเสีย จากนั้นก็คอยสังเกตการณ์สักพัก ระหว่างนี้ก็ให้นักการพุ่งความสนใจไปที่การตรวจสอบว่ายังมีผู้ป่วยคนอื่นอีกหรือไม่”

เมื่อมู่ซืออวี่ได้ยินเรื่องโรคฝีดาษ นางก็พยายามเค้นความรู้ทุกอย่างที่มีเกี่ยวกับโรคนี้ในหัว นางต้องเป็นผู้ข้ามเวลาตัวปลอมแน่ ๆ จึงไม่รู้ว่าควรจัดการกับสิ่งนี้อย่างไร

หากในยุคปัจจุบันเกิดโรคติดเชื้อขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือสวมหน้ากากอนามัย ที่เหลือล้วนต้องรอฟังคำสั่งแพทย์ น่าเสียดายที่นางไม่ใช่แพทย์ ดังนั้นจึงได้แต่ทำตามคำแนะนำเท่านั้น

“นายท่านรองลู่อยู่ที่ตระกูลโหยวงั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว!” จื่อซูพยักหน้า “ข้าได้ยินนักการเกาเอ่ย”

“เขาช่างให้ความสำคัญกับมิตรภาพจริง ๆ แต่เขาไม่ใช่ท่านหมอ เขาวิ่งไปที่นั่นทำไมกัน? หรือว่าแค่เขาโผล่ไปที่นั่น โรคฝีดาษก็จะหาย?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“นายท่านรองให้ความสำคัญกับมิตรภาพนะเจ้าคะ!” จื่อเยวี่ยนกล่าว “บุรุษเช่นนี้สามารถพึ่งพาได้เป็นอย่างยิ่ง”

“สำหรับสหายนั้น จริงอยู่ที่ว่าพึ่งพาได้ ทว่าสำหรับคู่ชีวิตในอนาคตของเขาแล้วบางทีนี่อาจไม่ใช่เรื่องดี แต่เขาเข้าใจเรื่องความเหมาะสม ย่อมรู้ว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องกังวล” มู่ซืออวี่กล่าว “ช้าก่อน โรคฝีดาษไม่ใช่โรคที่ท่านหมอผู้อื่นกล้าแตะต้อง ท่านหมอที่รักษาคุณหนูโหยวตอนนี้เป็นผู้ใด?”

“ในใจฮูหยินคาดเดาได้แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” จื่อซูตอบ

มู่ซืออวี่ลุกขึ้นแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ข้าหวังเหลือเกินว่าข้าจะเดาผิด ไปเถอะ ตอนนี้ไปเรือนลู่เพื่อดูท่านแม่ข้าก่อน นางอยู่เพียงลำพังจะไม่คิดไปไกลแล้วหรือ?”

เมื่อถงซื่อได้ยินว่าท่านหมอจูไปรักษาโรคฝีดาษ ก็รู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มทลายลงมา

มู่ซืออวี่มาเฝ้ามารดา คอยให้กำลังใจและปลอบประโลม ทว่าใจถงซื่อไม่ได้สงบลงนัก

“ไม่เช่นนั้นท่านมาอยู่กับข้าสักสองสามวันเป็นอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยกับถงซื่อ “ข้าจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ทาน หากท่านหมอจูกลับมา เห็นว่าข้าขุนท่านจนอ้วนกลมขาวนวลจะต้องดีใจเป็นแน่”

วันต่อมา เมื่อมู่ซืออวี่มาถึงเรือนกรุ่นฝัน คนงานก็บอกว่าเถ้าแก่เนี้ยฉีมาหา

“เชิญนางเข้ามา”

หร่วนฉีเดินถือกล่องใบหนึ่งเข้ามา

มู่ซืออวี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “กล่องกลไกลับนั่นของเจ้าข้ายังไขไม่ได้ ระยะนี้อาจไม่มีเวลาว่าง เจ้าอดทนรอสักนิด”

“เรื่องนั้นไม่รีบร้อน” หร่วนฉีเปิดกล่องออก “เมืองฮู่เป่ยเกิดโรคฝีดาษ เผอิญว่าข้ามียาป้องกันโรคอยู่เล็กน้อย เจ้านำไปสองขวดแล้วให้คนรอบกายเจ้าเสีย หากไม่พอข้าจะหาวิธีให้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย