สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 716

บทที่ 716 กลับไปอีกครั้ง

บทที่ 716 กลับไปอีกครั้ง

หลายคนเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าสบาย ๆ จากนั้นจึงไปปะปนกับชาวบ้านกลับไปยังเมืองซานหลิน

ลู่จื่ออวิ๋นสวมเสื้อผ้าฝ้ายหยาบ ๆ ละเลงแก้มด้วยยางไม้เพื่อปกปิดความงดงามของตนเอง ดูไปแล้วก็เหมือนสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไปขึ้นมาจริง ๆ

เซี่ยเฉิงจิ่นมองนางแล้วอมยิ้มอยู่เป็นนานสองนาน

เดิมทีลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อนางเห็นเข้ายิ้มเช่นนี้จึงเอ่ยว่า “แผลของท่านเพียงพันไว้หลวม ๆ หากท่านยังยิ้มเช่นนี้ต่อไป อีกเดี๋ยวเลือดก็จะไหลซึมออกมา ข้าน่าขบขันเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“ไม่ได้ขบขัน เพียงแต่…” เซี่ยเฉิงจิ่นข่มรอยยิ้มตนเองเอาไว้ “เพียงแต่เมื่อเทียบกับรูปโฉมเกินมนุษย์ของเจ้าแล้ว เช่นนี้น่ารักกว่ามาก”

“ท่านดูเมืองซื่อไห่นี่สิ…” ลู่จื่ออวิ๋นมองทางข้างหน้า “เหตุใดข้ารู้สึกว่าหน้าประตูเมืองมีทหารมากกว่าเดิมเล่า?”

เซี่ยเฉิงจิ่นมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ทหารท้องถิ่นหยุดลูกน้องสองสามคนของเซี่ยเฉิงจิ่นเอาไว้

“พวกเจ้ามาทำอะไร?”

“ใต้เท้า พวกเราเป็นพรานล่าสัตว์ วันนี้พวกเราโชคดีจับเหยื่อได้เล็กน้อยจึงอยากจะเข้าเมืองไปขายสักหน่อย”

ลูกน้องหลายคนยิงหมูป่าได้ที่ชานเมือง สี่คนแบกหมูป่า อีกหนึ่งคนหิ้วกระต่ายมาสองตัว ผู้ที่เอ่ยปากรู้ความเป็นอย่างยิ่ง ยื่นกระต่ายทั้งสองออกไปให้ ทหารจึงปล่อยให้พวกเขาเข้าไปแต่โดยดี

พวกเขาล่าหมูป่ามาก็เพื่อปกปิดกลิ่นคาวเลือดบนร่างกาย เป็นดังคาด เมื่อเห็นกระต่าย ทหารสองสามคนนั้นไม่ได้สร้างความยุ่งยากให้ลูกน้องของเซี่ยเฉิงจิ่นอีก

ชาวบ้านทั่วไปถูกตรวจสอบไปทีละคน โดยปกติพวกเขาถามเพียงไม่กี่คำถามก็จะปล่อยไปแล้ว หากชาวบ้านนำของมามากก็ต้องเชื่อฟัง ด้วยการส่งของจำนวนหนึ่งให้แต่โดยดี ชาวบ้านธรรมดาย่อมไม่กล้าปริปากเอ่ย ขอเพียงแค่เข้าเมืองไปได้อย่างปลอดภัยก็พอ

ในที่สุดก็ถึงคราวของเซี่ยเฉิงจิ่นกับลู่จื่ออวิ๋นแล้ว

ติงเซียงเพิ่งลอบเข้าไปเพียงลำพังเมื่อครู่ ตอนนี้รออยู่ไม่ไกลจากประตูเมืองนัก

ทหารรักษาประตูเมืองหยุดอยู่ตรงหน้าลู่จื่ออวิ๋นและเซี่ยเฉิงจิ่น มองพวกเขาสองคนด้วยสายตาเคร่งขรึม

“พวกเจ้าเป็นผู้ใด?”

“ใต้เท้า พวกเราเป็นชาวบ้านหมู่บ้านใกล้ ๆ นี้เจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเปิดปาก นางเอ่ยด้วยสำเนียงท้องถิ่น

สายตาของเซี่ยเฉิงจิ่นฉายแววประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

สาวน้อยคนนี้…

เฉลียวฉลาดจริง ๆ

“ตัวพวกเจ้าเหตุใดมีกลิ่นเลือด?” ทหารพลันระแวดระวังขึ้นมา

“ใต้เท้า ท่านหมายถึงนี่หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นชี้ไปที่พื้น “เมื่อครู่นี้หมูป่านั้นทิ้งรอยเลือดไว้ ไม่ใช่พวกเรา พวกเราล้วนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้มีรสนิยมเช่นนั้น”

“เอาละ เข้าไปเถอะ!” ทหารรักษาประตูเมืองผ่อนคลายลงทันที รีบโบกมือไปมา

อย่างไรเสียสำเนียงท้องถิ่นก็ฟังดูราวกับเจ้าของสำเนียงเช่นนี้ หากบอกว่าไม่ใช่คนของที่นี่ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ

หลังจากเข้าประตูเมืองมา เซี่ยเฉิงจิ่นจึงเอ่ยถาม “เจ้าเรียนมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อครู่นี้เอง!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ภาษาล้วนมีกฎเกณฑ์ ขณะกำลังต่อแถวเข้าเมือง ข้าตั้งใจฟังคนข้างหน้าพูดคุยกัน ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้เรียนเพียงประโยคสองประโยคไม่ใช่ปัญหา”

“เรียนรู้เพียงผิวเผินย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่เรียนรู้จนคล้ายคลึงแม้กระทั่งทหารท้องถิ่นก็ไม่อาจแยกออก นั่นไม่ง่ายดาย” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “พี่ชายเจ้าควรดีใจที่เจ้าเป็นผู้หญิง ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงเด็กอัจฉริยะนี้ไม่แน่ว่าจะเป็นของผู้ใดแล้ว”

“พี่ชายข้าฉลาดปานนั้น ถูกเรียกว่าอัจฉริยะคงไม่เกินจริงไปกระมัง? ถึงแม้ข้าจะเป็นลูกชาย ผู้อื่นก็จะเพียงกล่าวว่าบุตรสกุลลู่แต่ละคนล้วนเป็นอัจฉริยะ ไม่มีทางกล่าวว่าข้ามีชื่อเสียงเหนือพี่ชาย”

ลู่ฉาวอวี่เป็นพวกบูชาน้องสาว ลู่จื่ออวิ๋นก็เป็นพวกบูชาพี่ชาย ดังนั้นว่านางได้แต่ว่าพี่ชายของนางไม่ได้

“ใช่ พี่ชายของเจ้าร้ายกาจ ร้ายกาจที่สุดในโลกนี้” เซี่ยเฉิงจิ่นรู้สึกอิจฉาขึ้นมาบ้างแล้ว

ชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่มีทางชนะพี่ชายในใจนางไปได้

“จิ่น…”

“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเรียกชื่อข้าเถอะ!” เซี่ยเฉิงจิ่นขัดคำนางขึ้นมา “เจ้าดูสิ มีคนขวักไขว่ไปมามากมาย เพียงแค่ชื่อเรียกก็อาจเผยตัวตนของเราได้ ดังนั้นเปลี่ยนชื่อเรียกจะดีที่สุด”

“แล้วท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย