สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 718

บทที่ 718 เจ้าไม่รู้หรือว่าสัตว์ต้องจำศีล

บทที่ 718 เจ้าไม่รู้หรือว่าสัตว์ต้องจำศีล

ฟ่านหยวนซีมอง ‘ก้อนกลม ๆ’ ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ

เขาเอื้อมมือขาวซีดของตนออกไป ก่อนที่นางจะวางมือแดง ๆ ของตนลงบนฝ่ามือเขา ความอบอุ่นของมือน้อย ๆ แทบจะแผดเผามือเย็นเยียบของเขา ฟ่านหยวนซีดึงนางให้ลุกขึ้น

ซ่างกวนจิ่นซิ่วยืนตัวโอนเอนไปมา

ร่างเบาหวิวของฟ่านหยวนซีพลันล้มหงายหลัง

ตุ้บ! นางล้มทับลงไปบนตัวเขาแล้ว

“ฝะ… ฝ่า… ฝ่าบาท!”

ฟ่านหยวนซีขมวดคิ้วพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก “ลงไป”

“ฮองเฮา…” หลีเซียงรีบร้อนกลับมา เมื่อเห็นภาพตรงหน้านางก็ตกอกตกใจ รีบดึงซ่างกวนจิ่นซิ่วผู้ที่ ‘ขยับเขยื้อนอย่างยากลำบาก’ ขึ้นมาทันที

ฟ่านหยวนซีนอนอยู่บนพื้น เห็นซ่างกวนจิ่นซิ่วมองมาที่ตนเองด้วยความหวาดกลัว

“เจ้า…” ฟ่านหยวนซีมองใบหน้าเล็กราวกับลูกผิงกั่ว “เจ้าอวบขึ้นใช่หรือไม่?”

ดวงตาของซ่างกวนจิ่นซิ่วเบิกกว้าง “ไม่ใช่นะเพคะ!”

ฟ่านหยวนซีมองนางด้วยสายตาระแวดระวัง “หนักปานนี้ เจ้าเกือบฆ่ากันแล้ว เจ้ายังบอกว่าไม่ได้อวบขึ้นอีกหรือ?”

“ไม่ใช่จริง ๆ นะเพคะ ข้าเพียงแต่สวมใส่เสื้อผ้าหนาไปเท่านั้น” ซ่างกวนจิ่นซิ่วรู้สึกราวกับว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม “ระยะนี้ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ จะอวบขึ้นได้อย่างไร?!”

หลีเซียงเอ่ยพึมพำอยู่ข้าง ๆ “บ่าวบอกท่านแล้วว่าท่านเสวยมากเกินไป เอวก็หนาขึ้น แต่ท่านกลับไม่ยอมฟัง”

“หลีเซียง!” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเอ่ยด้วยความอับอาย “เจ้าเป็นนางกำนัลผู้ใดกันแน่?”

“เหตุใดยังไม่รีบพยุงข้าขึ้นอีก?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยอย่างหมดความอดทน “โง่เขลาจริง”

“หลีเซียง เจ้ารีบช่วยพยุงฝ่าบาทขึ้นมาเร็วเข้า”

“ฮองเฮา เป็นท่านพยุงเถิด!” หลีเซียงดันซ่างกวนจิ่นซิ่วออกไป

สีหน้าของฟ่านหยวนซีเริ่มถมึงทึงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

ซ่างกวนจิ่นซิ่วไม่กล้าชักช้าอีก นางค่อย ๆ พยุงฟ่านหยวนซีขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง

“ฝ่าบาท ที่นี่ไม่ใช่ตำหนักเซียวเหยาหรือเพคะ? เหตุใดจึงสงบถึงเพียงนี้? หม่อมฉันคิดว่าจะถูกสัตว์เลี้ยงของท่านกัดตายเสียแล้ว”

ฟ่านหยวนซียื่นมือไปบีบแก้มของซ่างกวนจิ่นซิ่ว

บีบทางซ้ายแล้วก็บีบทางขวา บีบราวกับเป็นซาลาเปา แก้มยุ้ย ๆ นั่นยืดออกเป็นรูปทรงต่าง ๆ

“ฮองเฮา อาณาจักรเฟิ่งหลินของพวกเจ้าคิดจะสังหารเราใช่หรือไม่?”

ซ่างกวนจิ่นซิ่วตื่นตระหนกทันที รีบส่ายหัวโดยเร็ว “มิได้เพคะ!”

“ช่างชั่วร้ายเสียจริง! พวกเขาส่งสตรีโง่เขลาเช่นนี้เข้าวังมาเป็นฮองเฮา ภายหน้าก็คงคลอดองค์ชายโง่เขลาให้เรา พวกเขาจะชนะอาณาจักรเราโดยไม่แม้แต่ทำให้ดาบเปื้อนเลือด”

“ข้าไม่ได้โง่! อีกทั้งข้ายังไม่ได้โง่ที่สุด ถึงแม้ฝ่าบาทจะไม่โปรดปรานหม่อมฉันก็ไม่อาจทำให้หม่อมฉันอับอายเช่นนี้ได้นะเพคะ”

“เช่นนั้น พระนางฮองเฮาที่ไม่โง่เขลาในสภาพอากาศเช่นนี้ เจ้าคิดว่าสัตว์เลี้ยงของเราไม่ต้องจำศีลหรือ?” ฟ่านหยวนซีเชยคางนางขึ้นมา “พวกมันล้วนจำศีลแล้ว มีเวลามากินเจ้าที่ใดกัน?”

ซ่างกวนจิ่นซิ่วพลันตระหนักได้ “จริงด้วย ข้าลืมไปเลยว่าพวกมันต้องจำศีล ดังนั้นย่อมไม่อันตรายแล้ว”

หลีเซียงก้มหน้าก้มตา พยายามทำให้การมีตัวตนของนางเลือนรางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อครู่นี้ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าฮองเฮานึกไม่ถึง นางเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางแม้ไม่งดงาม ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับยอดเยี่ยม ดูจากสีหน้าของฝ่าบาทแล้วคงไม่ได้ทรงกริ้วจริง ๆ

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? หรือกลัวว่าสัตว์เลี้ยงของข้าจะหิวจึงจะมาส่งเนื้อเข้าปากพวกมันถึงที่?”

“พวกเขากล่าวว่าฝ่าบาทหายตัวไป หม่อมฉันจึงมาตามหาเพคะ”

“มาหาข้าด้วยเหตุใด?”

“ได้ยินว่าพระองค์ทรงพระประชวรแล้ว…”

“พวกเขากล่าว ได้ยินว่า… เหตุใดฮองเฮาของเราจึงได้ชอบฟังผู้อื่นพูดถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่มาดูด้วยตาตนเองเล่า?”

“หม่อมฉันไม่ต้องการรบกวนฝ่าบาทเพคะ”

ซ่างกวนจิ่นซิ่วรู้สึกผิดขึ้นมา

“ฝ่าบาท ในที่สุดบ่าวก็หาท่านพบแล้ว” ขันทีเฒ่ารีบรุดมาพร้อมกับทหารยามอีกหลายนาย “ฝ่าบาทยังทรงพระประชวร ไม่อาจออกไปต้องลมด้านนอกได้นะพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเชิญท่านหมอหลวงมาแล้ว อีกไม่นานท่านหมอหลวงก็มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฟ่านหยวนซีวางมือลงบนมือของซ่างกวนจิ่นซิ่ว

ฮองเฮาน้อยพยุงฮ่องเต้กลับไปยังพระตำหนักหย่างซิน

ขณะเข้าไปในพระตำหนักหย่างซิน ลมร้อนก็ปะทะเข้าที่ใบหน้าผู้ครองอาณาจักร เสียงจามดังขึ้น ซ่างกวนจิ่นซิ่วจามออกมาหนึ่งที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย