บทที่ 803 ต้องการดินแดนสุขาวดี
บทที่ 803 ต้องการดินแดนสุขาวดี
“ท่านอาจารย์อายุเก้าสิบปีแล้ว เขาย่อมต้องการหาลู่ทางให้กับศิษย์และลูกหลานของเขา” อินอิ๋งจู๋เอ่ย “ฮูหยินชื่อเสียงโด่งดัง ถึงแม้พวกเราจะอยู่ในหุบเขาเทพโอสถซึ่งเป็นเอกเทศจากโลกภายนอกก็ยังเหมือนกับฟ้าร้องที่ดังก้องหู ฮูหยินเชี่ยวชาญด้านกลไก หากมีกลไกที่ฮูหยินเป็นผู้ออกแบบเป็นโล่กำบัง แม้หุบเขาเทพโอสถของพวกเราต้องการอยู่รอดไปอีกนับร้อยปี นั่นก็เป็นเพียงเรื่องง่ายดาย”
“เทพโอสถต้องการให้ข้าออกแบบกลไกให้หุบเขาเทพโอสถหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“มิได้เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ต้องการย้ายทั้งหุบเขาเทพโอสถมาอยู่ในอาณาเขตเมืองถงหยางของท่าน ขอให้ฮูหยินกำหนดเขตแดนให้หุบเขาเทพโอสถของเรา และเขตแดนนั้นต้องเป็นของหุบเขาเทพโอสถข้า ผู้ใดก็ตามที่ไม่ได้รับอนุญาตจากหุบเขาเทพโอสถไม่อาจล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนได้ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจฮูหยิน ทุก ๆ ปีพวกเราหุบเขาเทพโอสถจะตรวจรักษาให้ชาวเมืองถงหยางโดยไม่เก็บค่ารักษาเป็นเวลาห้าวัน”
“หากกล่าวถึงเรื่องกลไก ผู้ที่มีชื่อเสียงก้องโลกคือสกุลโม่ นอกจากนี้ผู้ที่ข้ารู้จักก็มีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านกลไกอยู่ เหตุใดเทพโอสถถึงเชื่อใจข้าเพียงนี้” มู่ซืออวี่หัวเราะออกมาเบา ๆ
“ท่านอาจารย์กล่าวว่า ในโลกนี้นักปราชญ์มีมาก นักบุญกลับมีน้อย ฮูหยินเป็นนักปราชญ์ อีกทั้งยังเป็นนักบุญ ความฉลาดมากความสามารถของฮูหยินไม่มีบุรุษใดเทียบเทียม” อินอิ๋งจู๋เอ่ย “ฮูหยินคงทราบดี หุบเขาเทพโอสถมีกฎข้อหนึ่ง นั่นคือเราจะรักษาเพียงผู้ที่เป็นโรครักษายากปีละร้อยคนเท่านั้น หากเป็นโรคทั่วไปไม่รักษา อันที่จริงผู้ใดบ้างไม่อยากเป็นหมอผู้มีเมตตาเล่า? เพียงแต่หุบเขาเทพโอสถมักจะอยู่ในที่ที่ลมโหมคลื่นถาโถม*[1] เสมอ หากไม่มีกฎดังกล่าว เกรงว่าจะไม่ได้สงบแม้เพียงวันเดียว ถึงแม้จะมีกฎเช่นนั้น หุบเขาเทพโอสถของข้าก็ไม่เคยสะอาดบริสุทธิ์ สกุลเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลก เพียงอยากเป็นหมอรักษาผู้คนเท่านั้น ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความขัดแย้ง หากอยู่ที่นี่กับฮูหยิน ย่อมมีโอกาสได้รับสิ่งที่ปรารถนา”
“ข้าได้รับการยกย่องจากเทพโอสถ เป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก หากจะย้ายมายังเมืองถงหยางนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ให้ข้าออกแบบกลไกก็ไม่ได้เกินความสามารถ เพียงแต่ข้าคิดว่าสิ่งที่พวกท่านต้องการไม่ได้มีเพียงเท่านี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าจะเขียนฎีกาเล่มหนึ่ง มอบดินแดนสุขาวดีให้กับหุบเขาเทพโอสถ ไม่มีผู้ใดบีบบังคับหุบเขาเทพโอสถให้รักษาผู้ที่ไม่ต้องการรักษาได้ อีกทั้งข้ายังจะขอให้ฝ่าบาทประทานป้ายทองคำให้ด้วย ถ้ามีป้ายทองคำชิ้นนั้น ผู้ที่คิดจะใช้อำนาจบีบบังคับพวกท่านคงต้องชั่งน้ำหนักดูอีกที”
“ขอบคุณฮูหยิน”
“ถึงตอนนี้แม่นางอินคงทานอาหารให้อิ่มหนำได้แล้วกระมัง? ข้าได้ยินจากซางจือว่า นับตั้งแต่พวกท่านมาถึงก็งานรัดตัว แม้กระทั่งเวลาดื่มแก้กระหายยังแทบไม่มี”
“คนไข้มีมากเกินไปจริง ๆ จริงสิ ฮูหยิน อาการของคนไข้เหล่านี้ค่อนข้างแปลกพิกล ดูไม่เหมือนโรคทั่ว ๆ ไป พรุ่งนี้พวกเราจะลองตรวจสอบโดยละเอียดแล้วจะรายงานให้ท่านทราบอีกครั้ง”
“ได้”
คล้อยหลังอินอิ๋งจู๋ มู่ซืออวี่ก็หยิบฎีกาออกมาจากลิ้นชักแล้วเริ่มลงมือเขียน
ฉานอีฝนหมึกอยู่ข้าง ๆ นาง
ส่วนซางจือขยับไส้ตะเกียงให้ทั่วทั้งห้องสว่างมากขึ้น
“เจ้าค่ะ”
หลังจากซางจือออกไปแล้ว ฉานอีจึงเปิดปากเอ่ยว่า “เมืองถงหยางมีที่เล่าเรียนที่ดีที่สุด บัดนี้ยังมีหุบเขาเทพโอสถที่ดีที่สุด นึกภาพได้เลยนะเจ้าคะว่าภายหน้าที่นี่จะต้องเป็นที่ที่ผู้คนใฝ่ฝันถึงเป็นแน่”
“เรื่องภายหน้าภายหน้าค่อยว่ากัน ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงตัดสินใจไปตามสถานการณ์ หากคิดจะโอบรับแสงอันเรืองรอง ต้องขจัดความมืดมิดเสียก่อน ทางใต้เท้าฉีเป็นอย่างไรบ้าง? ”
“ได้ยินว่าผู้ที่เผยแพร่ข่าวลือหลายคนถูกจับกุมแล้วเจ้าค่ะ บัดนี้กำลังเค้นคำสารภาพจากปากพวกเขา!” ฉานอีเอ่ย “ท่านก็รู้วิธีการของหน่วยลับดี หากตกไปอยู่ในมือของใต้เท้าฉีแล้ว จะมีสักกี่คนที่รอดไปได้?”
“เกรงว่าคนที่เขาจับได้จะเป็นเพียงลูกสมุนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น เมืองถงหยางนี้ต้องเพิ่มพลเมือง เมื่อคนมากขึ้น ภูตผีปีศาจเดรัจฉานทุกชนิดย่อมหลั่งไหลเข้ามา นอกจากนี้ พวกเขาย่อมต้องหลบซ่อนอยู่ในหลืบลึก คิดจะหาตัวออกมาไม่ง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะเห็นนักว่าองค์กรที่ว่ายังจะมีลูกไม้อะไรอีก”
เมื่อฉีเซียวเดินออกมาจากคุกก็เห็นมู่ซืออวี่ในชุดสีม่วงยืนหันหลังให้ เมื่อเขาออกมา สาวใช้ก็เอ่ยเตือน นางจึงค่อย ๆ หมุนตัวกลับมามอง
“เหตุใดวันนี้เจ้าเมืองถงหยางถึงได้มีเวลาว่างมาหาข้าได้?” ฉีเซียวยิ้มบาง ๆ
“ท่านแม่ทัพตรากตรำทำงานมีความชอบใหญ่หลวง เจ้าเมืองผู้นี้ย่อมตอบแทนท่านเป็นอย่างดี และตั้งใจว่าจะพาท่านไปเยี่ยมชมร้านเป็ดย่างที่เพิ่งเปิดใหม่” มู่ซืออวี่กล่าว
“ได้ยินมาว่าตำรับอาหารของร้านเป็ดย่างในเมืองเป็นใต้เท้าเจ้าเมืองที่ปรับปรุงให้ จากนั้นเถ้าแก่ผู้นั้นจึงแบ่งส่วนแบ่งให้ท่านเจ้าเมืองสองส่วน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงแล้ว”
“ท่านรู้มากเกินไป เช่นนี้ไม่ดีแน่ เพราะหากรู้มากไปจะถูกปิดปากเอาได้” มู่ซืออวี่เอ่ยสัพยอก
ณ ร้านเป็ดย่าง เถ้าแก่ยกเป็ดย่างมาให้ คนงานในร้านข้างหลังก็ยกอาหารมากมายหลายชนิดและน้ำจิ้มต่าง ๆ มาวางเต็มสองมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะแอด รบกวนอัพแอดตอนต่อไปด้วยนะคะ...
แอดรบกวนอับตอนที่ 994 ใหม่หน่อยค่ะ เพราะไม่เนื้อหา มีแค่ตอนมาอย่างเดียว เป็นตอนที่กำลังสนุกเลยแอด รบกวนหน่อยน้าาาาาา...
ไม่นะๆๆ เราจองน่องให้ฉาวอวี่น๊า...
เข้าใจสอน เรืดๆๆ...
แอด รออัพเดทตอนต่อไปน๊าาาาาพลีสสสสสสส...
ท่านแม่สอนลูกดีมากเลย...