สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 907

บทที่ 907 ชัยชนะ

บทที่ 907 ชัยชนะ

เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยว่า “ย่อมได้ นี่ท่านกล่าวเองนะ ถึงตอนนั้นอย่าได้เสียใจเล่า!”

“ตบมือเป็นคำสัญญา”

ทั้งสองคนตบมือกัน

คนมากกว่าร้อยคนคุกเข่าอยู่ที่นั่น

ฟ่านหยวนซีเอ่ยขึ้น “ทุกคนยื่นมือออกมา”

คนกว่าร้อยคนยื่นมือออกมา

ฟ่านหยวนซีตรวจสอบทีละคน คัดผู้ที่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเป็นฟ่านเหยี่ยนได้ออกไป ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงยี่สิบคน

ระหว่างนั้น เซี่ยเฉิงจิ่นพลันตะโกนขึ้นมา “อวิ๋นเอ๋อร์! เจ้ามาได้อย่างไร?”

ในบรรดาบุรุษวัยใกล้เคียงกัน หนึ่งในนั้นชะเง้อคอขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ ในตอนนั้นเองเซี่ยเฉิงจิ่นจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา “พ่อตาบุญธรรม ท่านแพ้แล้ว”

เขาชี้ไปยังคนเพียงผู้เดียวที่เคลื่อนไหว

ฟ่านหยวนซีแทงคนผู้นั้นด้วยกระบี่ในมือทันที

เซี่ยเฉิงจิ่นก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน เขาสะบัดหอกในมือไล่ตามไป

คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟ่านเหยี่ยน

เขาเห็นว่าตัวตนของตนถูกเปิดโปงแล้วก็หยุดเสแสร้งทันที จากนั้นจึงตะโกนบอกองครักษ์วังหลวงที่เหลือ “สู้กับพวกมันสุดกำลัง!”

เมื่อคนกล้าหาญที่จงรักภักดีหลายคนได้ยินคำพูดของฟ่านเหยี่ยนก็หมายจะดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ทว่าสำหรับองครักษ์วังหลวงส่วนใหญ่นั้น ความพ่ายแพ้ถูกตัดสินแล้ว ยอมจำนนแต่โดยดีจะดีกว่า เช่นนี้ไม่แน่ว่าอาจรักษาร่างกายให้ครบถ้วนสมบูรณ์

บนคอของฟ่านเหยี่ยนมีกระบี่และหอกเล่มหนึ่งพาดอยู่

“จักรพรรดิฮุ่ย ท่านยอมแพ้ไม่ได้หรือ?”

“เมื่อครู่ไม่ได้กล่าวแล้วหรือ? ผู้ใดหาตัวเขาได้จะได้เพิ่มหนึ่งเมือง ผู้ใดจับเขาได้จะได้เพิ่มพิเศษ บัดนี้จากสถานการณ์นับว่าเราเสมอกัน เจ้าหาตัวเขาได้ก่อน เช่นนั้นก็ได้รับเมืองหนึ่งเพิ่มเป็นพิเศษ” ฟ่านหยวนซีกล่าว “เพียงแต่หากภรรยาของเจ้ารู้ว่าเจ้าใช้ชื่อของนางหาตัวฟ่านเหยี่ยน เจ้าว่านางจะคิดว่าเจ้ากล้าหาญทั้งยังมีไหวพริบ หรือนางจะคิดว่าเจ้าไม่ให้เกียรตินางกันแน่?”

“จักรพรรดิฮุ่ยวางใจ เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์จะไม่โกรธเพราะเรื่องนี้” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “ข้านึกไม่ถึงว่าหลังจากเซวียนอ๋องกลายเป็นฮ่องเต้อาณาจักรเหลียงแล้วจะโง่เขลาปานนี้ แม้กระทั่งคำโกหกที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องยังหลงเชื่อ”

“ข้าอยู่ในมือพวกเจ้าแล้ว คิดจะฆ่าข้าหรือสับเป็นชิ้น ๆ ก็ทำตามที่พวกเจ้าต้องการเถิด เหตุใดยังต้องเอ่ยวาจาไร้สาระเหล่านี้อีก?” ฟ่านเหยี่ยนมองพวกเขาอย่างเยือกเย็น

“เจ้าวางใจเถิด พวกเราจะให้โอกาสเจ้า” ฟ่านหยวนซีเอ่ย “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใต้หล้านี้ไม่มีอาณาจักรเหลียงอีกแล้ว อาณาจักรเหลียงพังทลายลง ล้วนต้องขอบคุณเจ้า ไม่เช่นนั้นพวกเราจะมีโอกาสบุกเข้ามาได้อย่างไร?”

ไม่กี่วันถัดมา พวกเขาไม่เพียงแต่ทำให้ทหารในมือสงบลงเท่านั้น แต่ยังต้องจัดการกับปัญหาของอาณาจักรเหลียงด้วย

เดิมทีทั้งสามอาณาจักรมีสถานะเป็นสามราชอาณาจักร แคว้นเล็ก ๆ อื่น ๆ ล้วนอยู่ภายใต้การปกครอง บัดนี้อาณาจักรเหลียงสูญสิ้นไปแล้ว อาณาเขตที่เดิมทีเคยเป็นของอาณาจักรเหลียงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นของอาณาจักรฮุ่ย อีกครึ่งหนึ่งเป็นของอาณาจักรเฟิ่งหลิน แน่นอนว่าอาณาจักรฮุ่ยที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากเรื่องนี้ได้ส่วนแบ่งมากกว่าอาณาจักรเฟิ่งหลิน เรื่องนี้ได้ทำการตกลงกันมาก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นจึงไร้ซึ่งข้อโต้แย้ง

เมืองหลวงของอาณาจักรเหลียงเป็นบริเวณที่แบ่งสรรได้ยากที่สุด เพราะที่นี่เป็นศูนย์กลางและเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในอาณาจักรเหลียง ไม่ว่าผู้ใดได้ที่แห่งนี้ไป อีกฝ่ายย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ย่อมไม่มีทางถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หลังจากหารือกันถึงสองวัน เมืองหลวงของอาณาจักรเหลียงจึงตกเป็นของอาณาจักรฮุ่ย อาณาจักรเฟิ่งหลินจำต้องใช้เมืองอื่นอีกสองเมืองทดแทนเมืองหลวงของอาณาจักรเหลียงซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจ

หลังจากแบ่งเมืองแล้ว ฟ่านหยวนซีแห่งอาณาจักรฮุ่ยจึงนำกองทัพเดินทางจากไปก่อน

เซี่ยเฉิงจิ่นจำต้องทิ้งกองทัพไว้ประจำการที่นี่ ดังนั้นเขาจึงนำกองทัพทหารเพียงครึ่งเดียวกลับไปกับตนเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย