สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 966

บทที่ 966 การตอบกลับของสกุลหัว

บทที่ 966 การตอบกลับของสกุลหัว

“ท่านยา ท่านดูนางสิ ยังไม่กลับตัวอีก” สิงเจียเวยชี้ตามหลังสิงเจียซือ “วันนี้ในงานเลี้ยง นางก็เป็นเช่นนี้ กล่าววาจากระด้างกระเดื่อง ล่วงเกินหยางเซียงจวินกับคุณชายหัว ถึงแม้ท้ายที่สุดจะไม่ได้ก่อปัญหาอะไร ทว่านางกลับทำให้ใบหน้ากลายเป็นเช่นนี้ หากสกุลหัวคิดว่าสกุลสิงไม่รู้จักอบรมสั่งสอนบุตรหลาน เช่นนั้นจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเราเสื่อมเสียหรือ! พี่รองรับตำแหน่งขุนนางคราวนี้ ยังต้องการสกุลหัวเป็นใบเบิกทางนะเจ้าคะ!”

“พอได้แล้ว เจ้าเสียงดังจนทำให้ข้าปวดหัว” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยขัดนางขึ้นอย่างหมดความอดทน “เจ้าเป็นพี่สาว ในเมื่อเจ้ารู้ว่านางไร้กฎระเบียบ เหตุใดไม่ตักเตือนนางเล่า?”

“น้องห้าตอนนี้มีความคิดแล้ว นางฟังข้าที่ใดกัน? เช้านี้ข้าใจดีมอบเสื้อผ้าเครื่องประดับใหม่ให้นาง นางกลับไม่ชอบและสวมใส่เสื้อผ้าเรียบ ๆ นั่นของนางออกไปข้างนอก ท่านไม่ได้เห็นสายตาของคนบนเรือที่มองนาง ข้าแทบอดใจไม่ให้แทรกหน้าลงไปในรอยแยกบนพื้นไม่ไหว แต่นางกลับไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย ที่ควรกินก็กิน ที่ควรดื่มก็ดื่ม”

สิงเจียเวยพูดอยู่ครึ่งค่อนวัน พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ เล่าเรื่องที่เกิดให้ฮูหยินผู้เฒ่าสิงฟังอย่างเกินความเป็นจริงถึงการกระทำไร้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ นานาของสิงเจียซือ

“คุณหนูสี่ ฮูหยินผู้เฒ่าเหนื่อยแล้ว มิเช่นนั้นวันนี้ท่านกลับไปก่อนดีหรือไม่?” แม่นมเฒ่าที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวเตือน

สิงเจียเวยเห็นว่าสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าไม่สู้ดีนัก จึงรู้ว่าตนมากความ หากยังกล่าวต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหขึ้นมา ไม่แน่ว่าอาจเป็นการทำร้ายนางเอง

“ท่านย่า ท่านอย่าโมโหไปนักเลยนะเจ้าคะ น้องห้าหลายปีมานี้เตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก อาจหลงลืมกฎเกณฑ์ไป แค่เพียงหาแม่นมสอนมารยาทมาอบรมสั่งสอนนางสักหน่อยก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เช่นนั้นหลานกลับก่อนนะเจ้าคะ พรุ่งนี้ค่อยมาคารวะท่านย่า”

หลังจากสิงเจียเวยไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าสิงก็เอนกายลง ขณะที่แม่นมเฒ่านวดคลึงศีรษะให้นาง

“เจ้าว่า สกุลหัวคิดอย่างไร?”

“บ่าวโง่เขลาเจ้าค่ะ”

“ที่นี่ไม่มีผู้อื่น เจ้าเพียงบอกข้ามา ข้ายังจะลงโทษเจ้าได้หรือ?”

“ฮูหยินใหญ่สกุลหัวมาเยี่ยมเยือนฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตนเองเพื่อหยั่งดูท่าที ตั้งใจจะเกี่ยวดองกับแม่นางสกุลเราสักคน บ่าวคิดว่าเป็นเพราะนางคิดถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนกับฮูหยินใหญ่ท่านนั้นเจ้าค่ะ”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นถึงได้หาวิธีพานังหนูห้ากลับมา” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “ถึงแม้คุณชายสกุลหัวผู้นั้นไม่ต้องตานังหนูห้าก็ต้องดูว่าอีกฝ่ายจะชอบพอนังหนูสี่หรือไม่ กล่าวกันตามเหตุผล ชื่อเสียงของนังหนูสี่เทียบแล้วยังดีกว่านังหนูห้ามากนัก ทั้งยังเป็นบุตรสาวของภรรยาเอก”

“เป็นเช่นนี้จริงเจ้าค่ะ”

“นังหนูห้าไม่ยินดีแต่ง ใบหน้านั้นอาจดูสาหัส แต่จริง ๆ เกรงว่าจะไม่ได้สาหัสเพียงนั้น รักษาสักระยะก็หายดีแล้ว เจ้าไปเชิญท่านหมอมาให้รักษานางเถิด อย่าได้ให้นางทำตัวเหลวไหล นางไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้ หาแม่นมสอนมารยาทสักคนมาอบรมมารยาทนาง ไม่อาจให้นางทำตัวอับอายขายหน้าอีก”

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“มารดานางเป็นคนมีกิริยามารยาท เหตุใดถึงให้กำเนิดเด็กดื้อรั้นเช่นนี้มากันนะ?”

“ได้ยินคุณหนูสี่ว่า วันนี้บนเรือมีคุณหนูคุณชายหลายคน คุณชายสกุลลู่ผู้นั้นก็ไปเช่นกัน”

“สกุลลู่พวกเราไม่อาจเอื้อม ไม่ต้องคิดแล้ว ให้ความสนใจกับคุณชายคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้หมั้นหมายสักหน่อย นังหนูสองคนนี้ควรหารือเรื่องการแต่งงานได้แล้ว”

“แล้วแมวตัวนั้น…”

“ข้าเห็นแล้ว คนล้วนไม่เป็นอะไร แมวจะมีเรื่องอะไรได้? นางกล้าเลี้ยง ย่อมไม่มีปัญหาใหญ่โต หากนางอยากเลี้ยงก็ให้นางเลี้ยง คนไม่ให้นางพบ แม้กระทั่งแมวตัวเดียวยังจะไม่ให้นางเลี้ยงอีกหรือ? เช่นนั้นคงไม่รู้ว่านางจะโวยวายอย่างไรแล้ว”

สิงเจียซือกลับไปที่เรือน

สาวใช้สองคนเข้ามาทักทายนาง

“คุณหนู หน้าท่าน…”

สิงเจียซือที่อุ้มแมวกล่าว “ข้ามีเรื่องจะบอกพวกเจ้า”

นางบอกเรื่องที่ควรทราบเกี่ยวกับการเลี้ยงแมวให้ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยฟังหลายอย่าง สิ้นคำนางก็หยิบกระดาษหลายแผ่นออกมาแล้วกล่าวว่า “หากพวกเจ้าจำไม่ได้ก็อ่านให้มาก ๆ พยายามจดจำให้ได้ กระดาษนี้อย่าได้ทำหายเป็นอันขาด ใส่กล่องตรงนั้นเอาไว้ ยามมีเวลาข้าจะอ่าน ข้าเหนื่อยเล็กน้อย อยากพักสักประเดี๋ยว พวกเจ้าอย่ารบกวนข้า”

“ฮูหยินผู้เฒ่าป่วยแล้ว ต้องการพักผ่อน ผู้ใดก็ไม่พบทั้งนั้น” กู่มามาเอ่ย “คุณหนูห้าในฐานะผู้เยาว์ ยามนี้ไปรบกวนนาง นั่นไม่เท่ากับไม่กตัญญูรู้คุณหรือ?”

“กู่มามาคุ้นชินกับการใช้ขนไก่ต่างศรคำสั่ง*[1] หรือ?” สิงเจียซือเอ่ย “ได้ ข้าจะเรียนรู้จากท่าน ทว่าหลังข้าเรียนรู้ได้ดีแล้ว ขอเชิญท่านจากไปด้วย”

“ได้”

ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกำลังทานรังนก เมื่อได้ยินคนของตนมารายงานก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “นางเชื่อฟังจริง ๆ หรือ?”

“กู่มามาอาจมีความสามารถเจ้าค่ะ” แม่นมเฒ่าเอ่ย “ไม่ว่าอย่างไร การที่คุณหนูห้ายินดีเรียนรู้กฎระเบียบ นั่นล้วนเป็นเรื่องดีต่อนาง”

“ในที่สุดก็มีเรื่องให้ยินดีเสียที” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว

“ฮูหยินผู้เฒ่า” ฮูหยินรองสิงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “ยังมีเรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นเจ้าค่ะ! คนจากสกุลหัวมาแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่าสิงผลักมือแม่นมเฒ่าที่กำลังป้อนรังนกออกไป มองไปที่ฮูหยินรองสิง “ผู้ใดมา?”

“ฮูหยินใหญ่สกุลหัวเจ้าค่ะ” ฮูหยินรองสิงกล่าว “เมื่อครู่นี้มีข้อความส่งมา บอกว่าอีกครึ่งชั่วยามจะมาเยี่ยมเยียนเจ้าค่ะ ข้าคาดเดาว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการหมั้นหมายเป็นแน่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “ถึงแม้จะกล่าวว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นข่าวดี บางทีเจ้าห้าอาจหยาบคายเกินไปจึงทำให้พวกเขาไม่พอใจและไม่คิดจะพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว”

“ลูกกลับคิดต่างออกไป” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “หากอีกฝ่ายอยากจะถอนหมั้นก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพียงนี้ มีเพียงตัดสินใจจะแต่งแน่แล้วจึงรีบร้อนรุดมา”

“เตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้สกุลหัวคิดว่าสกุลสิงเราไม่ได้ดีดังแต่ก่อน ต้องให้สกุลหัวรู้สึกมั่นใจว่าอูฐผอมอย่างสกุลสิงเราอย่างไรก็ใหญ่กว่าม้า”

“นี่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ข้าจะเตรียมการให้ดี ไม่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าเสียหน้าเป็นอันขาด” ฮูหยินรองสิงเอ่ย

[1] ใช้ขนไก่ต่างศรคำสั่ง เป็นสุภาษิต หมายถึง ใช้คำที่ไม่ได้สลักสำคัญแต่อย่างใดหรือคำกล่าวโดยกว้างของเจ้านายมาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์แม้แต่น้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย