บทที่ 12 คือใครที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหรือ
เติ้งหลุนพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ ทำให้ หลีชิงเยียนกังวลใจ จ้องเขม็ง เฉินเป่ย ทั้งโมโหทั้งจนใจ
ไอ้หมอนี่ ที่มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ ล้วนแต่หาเรื่องสร้างปัญหาให้ตัวเอง! หลีชิงเยียน แอบดึงเสื้อผ้าของ เฉินเป่ย ส่งสัญญาณให้เขา หยุดต่อล้อต่อเถียงกับ เติ้งหลุน ได้แล้ว ถ้าเขายังโต้เถียงต่อไป เพียงแต่จะให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้าเท่านั้น!
เมื่อเทียบกับ เฉินเป่ย หลีชิงเยียนก็เชื่อในสิ่งที่ เติ้งหลุนพูดโดยธรรมดา ถ้า เฉินเป่ย มีความสามารถจริงๆ ก็จะไม่แต่งเข้าบ้าน ตระกูลหลีแล้ว กลายเป็นลูกเขยที่ไร้สาระ ที่โดนคนหัวเราะเยาะมากมายจนนับไม่ถ้วน!
เติ้งหลุนเม้มริมฝีปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม มองไปที่หลีชิงเยียน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ “ชิงเยียน ฉันรู้สึกเสียใจกับคุณจริงๆ คุณดูสิ หาสามีแบบไหนกัน แม้ว่าจะเป็นการแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็ควรจะมีดูเป็นผู้เป็นคนบ้าง? แต่เขาล่ะ ถือเป็นตัวอะไรกัน?”หลีเซียงหานที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้ส่งเสียงมานานก็พูดขึ้นอย่างประนีประนอม “ก็แค่ไวน์ขวดหนึ่งเอง ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อย อย่าให้เสียความรู้สึกเลย กินกับข้าวๆ”
เติ้งหลุน สองมือกอดอก มองเฉินเป่ยด้วยสายตาเย้ยหยัน แล้วพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องไวน์ขวดหนึ่งแล้ว คือเขาดันจะเสนอหน้า คนที่แม้แต่ไวน์ยังชิมไม่เป็น แต่ดันจะสอนจระเข้ว่ายน้ำอีก!”
“เหลวไหลสิ้นดี” ทันใดนั้น เฉินเป่ยที่สีหน้านิ่งสงบ มุมปากยกขึ้นอย่างลึกลับ มองไปที่เติ้งหลุนค่อยๆพูดว่า “คุณ...... รู้เรื่องไวน์จริงๆหรือ?”
สายตาของเฉินเป่ย จ้องมองที่ เติ้งหลุน แววตาลึกล้ำ ราวกับดาบอันแหลมคม แทงทะลุ เติ้งหลุน......ทำให้เติ้งหลุนสะดุ้งตัวสั่น แข็งทื่อไปทั้งตัว!
ในวินาทีนั้น เติ้งหลุน เกิดภาพหลอนขึ้น เหมือนว่าตัวเองกำลังโดยสัตว์ร้ายสุดขั้วจ้องจะเขมือบ!
เติ้งหลุนจ้องไปที่ เฉินเป่ย สีหน้ามืดมนราวกับน้ำนิ่ง ตัวเองอยู่ต่อหน้าเฉินเป่ย เสมือนไม่มีความลับใดๆเลย!
เติ้งหลุนรู้สึกขาดความมั่นใจแล้ว ...... เขาจะรู้เรื่องไวน์จริงๆได้อย่างไร มากสุดเขาก็แค่มีความรู้งูๆปลาๆเท่านั้น ......
เฉินเป่ยมองไปที่ เติ้งหลุน “ไวน์แดงลาฟิตในปี1982 ในบรรดาไวน์แดง ก็ถือเป็นไวน์ชั้นเลิศจริงๆ รสชาติยอดเยี่ยม แต่ ไวน์แดงลาฟิต ในปี 1983 กับ ไวน์แดงลาฟิตในปี1982 นั้น มีรสชาติที่คล้ายคลึงกันมาก แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์แดง ก็ยังสับสนได้ง่ายยิ่งนะ คุณใช้ ไวน์แดงลาฟิต ในปี 1983 แอบอ้าง ไวน์แดงลาฟิตในปี1982 นำด้อยเสริมดี คุณยังมีสิทธิ์บอกว่าตัวเองเป็นคนชั้นสูง?”
เสียงของ เฉินเป่ย ไม่ดังมาก แต่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ สามารถได้ยินอย่างชัดเจน สีหน้าของ หลีชิงเยียน เปลี่ยนไปเล็กน้อย และ หลีหยางกำลังครุ่นคิด
“ไวน์แดงลาฟิต ในปี 1983 นี่นายกำลังดูถูกฉันหรือ? ฉันจะเอามันมามอบให้คุณอาหลีหรือ?” เติ้งหลุนนิ่งชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชา นี่สำหรับเขาแล้ว คือการเหยียดหยามแบบซึ่งหน้า?
“ในบรรดาไวน์แดงลาฟิต ไวน์แดงลาฟิตในปี1982นั้นดีที่สุด รสชาติที่เข้มข้นละมุน สง่ายาวนาน ไวน์แดงลาฟิตในปี1983 แม้ว่าจะเป็นของชั้นเลิศเหมือนกัน แต่ในระดับความหวาน จะไม่เทียบเท่า โดยรวมแล้วจะเปรี้ยวอมฝาด ไวน์แดงลาฟิตขวดนี้ของคุณ เห็นได้ชัดเป็นขยะในปี1993 ที่คนชนชั้นสูงใช้มาหลอกคนที่ไม่รู้เรื่อง” เฉินเป่ยเอ่ยขึ้น น้ำเสียงสงบราบเรียบ ราวกับว่ากำลังอธิบายความจริง ที่ไม่สามารถโต้เถียงได้
เติ้งหลุนยิ้มเยาะ “ยังคงจะตอแหลอีก หากไม่ใช่เห็นแก่หน้าของคุณอาหลี ได้เปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของไอ้บ้านนอกคอกนา ที่แกล้งทำตัวสง่าของนายนานแล้ว”
หลีชิงเยียน ขมวดคิ้วมุ่น มองไปที่ เฉินเป่ย “รสชาติของไวน์ ต้องค่อยๆชิมอย่างช้าๆ เมื่อกี้นายดื่มเต็มคำขนาดนั้น จะตัดสินออกมาได้อย่างไร ว่านี่เป็นของปี1983?”
เฉินเป่ย หัวเราะเบาๆ ไม่ได้อธิบาย เมื่อกี้เขาได้ดื่มไวน์แดงลาฟิตในปี1983 ราวกับเป็นน้ำเปล่า ล้วนเป็นเพราะว่า เมื่อเขาได้กลิ่นหมอละมุนของไวน์แดงแก้วนี้ ที่กระจายออกมา ก็ได้ประเมินอายุของไวน์แล้ว
ไวน์แดงลาฟิตในปี1982เขาคุ้นเคยยิ่งนัก ในตอนที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศษ มีช่วงเวลาหนึ่งที่หมดอาลัยตายอยาก เขาดื่ม ไวน์แดงลาฟิตในปี1982 แทนน้ำดื่ม และยังมีครั้งหนึ่ง ที่ดื่มจนเมา เอามาแช่อาบน้ำ!
สำหรับกลิ่นหอมของไวน์แดงลาฟิตในปี1982 เฉินเป่ย คุ้นเคยกว่าทุกคนในเหตุการณ์......ดังนั้นเขาจึงตัดสินออกมาตั้งนานแล้ว ว่านี่ไม่ใช่ ไวน์แดงลาฟิตในปี1982!
เฉินเป่ยมองไปที่ หลีหยาง ”ฉันจำได้ว่า พ่อครัวทุกคนของมิชลินสามดาว มีความเชี่ยวชาญในส่วนผสมของอาหารอย่างมาก มีความสามารถในการประเมินไวน์ยิ่งนัก เอาไวน์แดงลาฟิตขวดนี้ ให้พวกเขาชิมดีกว่าไหม ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้ว ตัดสินว่ามันคือ ไวน์แดงลาฟิตในปี1982หรือเปล่า ยิ่งนิดเดียว”
“นี่......” ใบหน้าที่งดงามของ หลีชิงเยียน พาดผ่านความกังวล ขมวดคิ้วมุ่น เธอจ้องมอง เฉินเป่ย อย่างไม่ละสายตา เธอไม่เข้าใจ ว่า เฉินเป่ยกำลังจะทำอะไรกันแน่?
แสร้งทำสักพักก็ได้แล้ว ดันจะทำเรื่องให้กระจ่างรู้ถึงความจริง ตัวเองค่อนข้างมั่นใจว่า นี่คือ ไวน์แดงลาฟิตในปี1982 ไวน์แดงลาฟิตอื่นไม่ได้มีรสชาติที่ละมุนเข้มข้นแบบนี้ ไอ้หมอนี่ คงจะไม่ให้บีบตัวเองจนตรอกใช่ไหม?”
เดี๋ยวความจริงกระจ่าง สิว่าเขาจะกู้สถานการณ์อย่างไร!
“ได้ วันนี้ก็ให้ไอ้บ้านนอกอย่างนาย รู้จักคำคำหนึ่ง ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแปลว่าอะไร!” เติ้งหลุนตอบตกลงทันทียังกลัวว่าเฉินเป่ยจะเปลี่ยนใจ
เขาเชื่อในไวน์แดงสองขวดนี้มาก เพราะเขาใช้เงินจำนวนมาก เพื่อขนส่งทางอากาศจากประเทศฝรั่งเศษโดยเฉพาะ วันนี้จะต้องให้คนชั้นต่ำ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้ อับอายขายหน้าแน่นอน!
และจะให้หลีชิงเยียนให้ดูว่า สามีไม่เอาถ่านที่เธอตาบอดเลือกมา มีจุดจบอย่างไร?
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบงันในทันที ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเงียบสงบทั่วทิศ ชั่วครู่หลีหยางก็พยักหน้า “ถ้าอย่างนั้น ก็เทบางส่วนส่งไปที่ห้องครัว ก็ถือว่าได้เพิ่มความรู้”
ในไม่ช้า แก้วไวน์เปล่าถูกยกจากห้องครัว คนรับใช้คนหนึ่ง โน้มตัวกระซิบบางอย่างข้างหูหลีหยาง
หลังจากฟัง หลีชิงเยียนฟังแล้ว หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ผลก็ไม่สำคัญนะ รีบกินข้างเถอะ”
เฉินเป่ย พยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้ว พูดผลที่ได้ออกมา ไม่ดีสำหรับทุกฝ่าย ทำให้เลิกราอย่างไม่สบอารมณ์ คือผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด”
“ไม่ คุณอาหลี ประกาศผลที่ได้ดีกว่า เพื่อให้ใครบางคนได้รู้ว่า ตกลงใครกันแน่ ที่เป็นกบในกะลา” เติ้งหลุนบอกกะทันหัน น้ำเสียงแข็งกร้าว
หลีหยางมองไปที่ เติ้งหลุน ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ค่อยๆพูดขึ้น “เติ้งหลุน จะ ประการผลลัพธ์จริงๆหรือ?”
“แน่นอน” เติ้งหลุนยิ้มอย่างมั่นใจ สายตามองไปทาง เฉินเป่ย “เพราะคนบ้านนอกบางคน ไม่รู้จักตัวเองเลย แค่ไวน์ยังดื่มไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าอ่านจากหนังสือเล่มไหนมาไม่กี่คำ ก็เริ่มแสร้งทำเป็นคนชนชั้นสูงแล้ว แต่ตัวเขาเองไม่รู้เลย คนจรจัดยังไงก็เป็นคนจรจัด!”
หลีหยางถอนหายใจ เงยหน้าขึ้น มองเติ้งหลุนด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง และพูดว่า “เจ้าหลุน เมื่อกี้พวกเชฟทั้งหลายระดับมิชลินสามดาวในครัว ได้ดื่มไวน์แก้วทั้งหมดนี้ ผลการประเมินของพวกเขา ล้วนบอกว่า นี่เป็น ไวน์แดงลาฟิตในปี1983”
เงียบ!
คำพูดของ หลีหยาง ทำให้งานเลี้ยงอาหารค่ำเงียบงันดั่งป่าช้า!
รอยยิ้มแสยะบนใบหน้าของเติ้งหลุนก็ชะงักนิ่งค้างในทันที สีหน้าเปลี่ยนไป โต้กลับด้วยความไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นไปไม่ได้ที่จะใช่ ไวน์แดงลาฟิตในปี1982!”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฉินเป่ย พูดแดกดัน เติ้งหลุน ที่น่ารำคาญหรือเปล่า หลีชิงเยียนรู้สึกว่า เฉินเป่ยดูเหมือนจะไม่น่ารำคาญมากขนาดนั้นแล้ว
หลีหยางพยักหน้าเบาๆ ล้มเลิกความหยั่งเชิงที่มีต่อเฉินเป่ย “ได้เห็นนายเห็นค่าเอ็นดู ชิงเยียนของเรามากขนาดนี้ ฉันก็โล่งอกแล้ว!”
“พ่อ!” ใบหน้าสวยงามของ หลีชิงเยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตะโกนเรียกขึ้น
และ หลีหยาง เพิกเฉยท่าทีของหลีชิงเยียน พูดกับ เฉินเป่ยอย่างกระตือรือร้น “เฉินเป่ยนายก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของเรามาหลายเดือนแล้ว ดังนั้นเราก็อย่าห่างเหินกันแบบนี้ นายควรจะเปลี่ยนสรรพนามคำเรียกหน่อยไหม?”
เฉินเป่ย ตอบสนองได้ทันที ยิ้มอย่างดีใจ เรียนด้วยความเคารพและเอาใจ “พ่อ”
หลีหยางพยักหน้า “ต่อไปฉันก็เรียกนายว่า เจ้าเฉิน แล้วกัน มาๆๆ กินกับข้าว”
หลีหยางตักเนื้อวัวพริกไทยดำใส่ลงในชามของ เฉินเป่ย ส่วน หลีชิงเยียนคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะอีกข้างหนึ่ง ด้วยอารมณ์กลัดกลุ้ม จ้องเขม็งเฉินเป่ย ที่อยู่อีกข้างหนึ่ง ราวกับว่าไอ้หมอนี่มีความแค้นอย่างรุนแรงกับเธอ
เฉินเป่ย เพิกเฉยต่อสายตาที่เย็นชาโหดร้ายปรารถนาสังหารคนของ หลีชิงเยียน ขยันเรียกต่อหน้าหลีหยาง.......เพราะนั่นคือพ่อตาของตัวเอง เฉินเป่ยจะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร!
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ทั้งครอบครัวนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น นอนดูทีวีบนโซฟาที่หรูหรากว้างขวาง
เฉินเป่ย หั่นแอปเปิ้ลให้พ่อแม่ของ หลีชิงเยียน อย่างกระตือรือร้น ส่วนหลีชิงเยียนอยู่ข้างๆ ดูทีวีด้วยความโกรธ แผนที่วางไว้ในใจก่อนหน้านี้ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าเฉินได้ยินมาว่า วันนี้ชิงเยียน ถูกลอบสังหารโดยนักฆ่า?” หลีหยาง นึกขึ้นได้กะทันหัน แล้วถามว่า
“ใช่ แต่ชิงเยียนไม่เป็นอันตราย......” ทันทีที่เฉินเป่ย ถูกขึ้น ก็ถูกหลีชิงเยียนขัดจังหวะ “ไม่มีอะไร! ทั้งหมดเป็นแค่ข่าวลือ!”
“ชิงเยียน อย่าขัดจังหวะที่เจ้าเฉินพูด” หลีหยางเหลือบมองหลีชิงเยียน หลีชิงเยียนจ้องเขม็ง เฉินเป่ย อย่างดุเดือด เป็นนัยว่า ให้เขาอย่าพูดไปเรื่อย
“พ่อ พ่อไม่ต้องกังวล ฉันจะใช้ชีวิตของตัวเอง เพื่อปกป้อง หลีชิงเยียนแน่นอน” ทันทีที่เสียงของ เฉินเป่ย จบลง หลีชิงเยียน ก็คำรามเสียงต่ำ เหยียบรองเท้าแตะไว้ แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนทันที
หลีชิงเยียน รู้สึกจริงๆว่า ในโลกนี้ เฉินเป่ย หน้าด้านที่สุด ทั้งๆที่เขาทิ้งตัวเองไว้ ในช่วงที่อันตรายวิกฤตที่สุด แต่ตอนนี้กลับมาประจบเอาผลงานอยู่ได้
เฉินเป่ย เดินตามขึ้นไปในทันที ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอน เห็นหลีชิงเยียน กำลังหันหลังให้ตัวเอง
“ชิงเยียน ......” เฉินเป่ยกำลังอยากจะยื่นมือเข้าไป ทันใดนั้น หลีชิงเยียนก็จับไหล่ของเขาไว้ หันกลับมา เหวี่ยงตัวทิ้งอย่างสวยงามคมเฉียบ!
ตูม!
ใครจะไปคิดว่า ราชาหลงผู้ซึ่งคนควบคุมทุกสถานการณ์ ชื่อเสียงโด่งดังในต่างแดน เฉินเป่ยผู้ซึ่งมีชื่อเสียงน่าเกรงขาม ในการต่อสู้ที่ปกคลุมไปด้วยระเบิดลูกปืนนับไม่ถ้วน แต่ได้ล้มลงกับพื้น ในวินาทีนี้ น่าอับอายมากยิ่งนัก......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง