บทที่ 23 ช่างแสดงละครเก่ง
เฉินเป่ยเห็นร่างที่งดงามนั้น มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เขาค่อยๆเดินเข้าไปตรงหน้าหลีชิงเยียน ยกอ่างล่างเท้ามา
เฉินเป่ยถอดรองเท้าส้นสูงสีแดงของหลีชิงเยียนออก สองมือนวดเฟ้นเรียวขายาวสวยซึ่งถูกถุงน่องสีดำรัดแน่น
เฉินเป่ยค่อยๆดึงถุงน่องสีดำอย่างเบามือ รูดลงมาทีละน้อย
ไม่นานก็ไหลลงมาตามขาเรียวยาวนั้นลงมา ไม่อะไรมาขัดขวาง
เฉินเป่ยเกาะกุมขาเรียวสวยเอาไว้ ผิวที่ขาวราวกับน้ำนมนั้น งดงามไร้ตำหนิ ทำให้เฉินเป่ยจิตใจฟุ้งซ่าน ไม่อาจสงบจิตใจได้อยู่นาน
มือที่ใหญ่หยาบของเฉินเป่ยลูบคลำอยู่บนผิวนวลเนียน เฉินเป่ยเห็นผู้หญิงสวยๆที่ต่างประเทศมามาก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นขาใครที่ยาวเรียวขาวนวลเนียนอย่างนี้!
ไม่แปลกที่คนโบราณมักจะชอบพูดว่า “เท้ารูปดอกบัว” ขาของหลีชิงเยียนไม่มีกลิ่นเหม็นเหงื่อแม้แต่น้อย แต่กลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เฉินเป่ยไม่อยากปล่อยมือออก
เฉินเป่ยนำเท้าของหลีชิงเยียนแช่ในน้ำอุ่น น้ำที่อุ่นให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้คิ้วที่ขมวดแน่นของหลีชิงเยียนคลายออกจากกัน
หลีชิงเยียนที่ยังอยู่ในความฝัน ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเฉินเป่ยกำลังนวดเฟ้นเรียวขายาวของตนอยู่ ส้นเท้าค่อยๆชา หลายจุดบนฝ่าเท้าถูก เฉินเป่ยนวดเฟ้น ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าบนตัวหลีชิงเยียนก็ค่อยๆมลายหายไป……
เฉินเป่ยเงยหน้า มองไปที่ใบหน้างดงามนั้น ที่เวลานี้แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ทำให้เฉินเป่ยเจ็บปวดใจมาก
แม้ปกติหลีชิงเยียนจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรเสียก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น
ช่วงนี้มีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน ทำให้เธอเหนื่อยมากเกินไป
เฉินเป่ยค่อยๆนวดคลึงเบาๆ นวดให้หลีชิงเยียนนานครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งมือของเฉินเป่ยแช่อยู่ในน้ำจนขาวซีดหมดแล้ว
หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป นั่งยองนวดครึ่งค่อนชั่วโมงแบบนี้ คงจะปวดเมื่อยขา แย่ไปนานแล้ว,จะมีก็แต่เฉินเป่ย ที่นั่งยองอยู่แบบนี้ตั้งนาน กลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ท่าทางของเฉินเป่ยในเวลานี้ หากถูกบรรดาหัวหน้าใหญ่ของโลกมืดแห่งตะวันตกรู้เข้า ตาคงแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า! พวกเขานึกภาพไม่ออกเลยว่าท่านราชาหลง จะทำเพื่อนักธุรกิจหญิงธรรมดาคนหนึ่งขนาดนี้ ยอมคุกเข่านวดตามวิธีไม่ได้รับการตกทอดมานาน!
หน่วยงานทางการแพทย์ระดับแนวหน้าหลายแห่งในต่างประเทศ เคยติดต่อขอให้ราชาหลงแสดงวิธีการนวด แต่ก็ไม่สำเร็จ……
ไม่นาน ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าของหลีชิงเยียนก็ค่อยๆมลายหายไป เฉินเป่ยได้ยินเสียงลมหายใจที่ผ่อนคลายลงของหลีชิงเยียน จึงยกขาเรียวยาวนั้นขึ้นมาเบาๆ หยิบผ้ามาเช็ดให้แห้ง อุ้มหลีชิงเยียน เดินขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสอง……
รอจนเฉินเป่ยลงบันไดมาจากชั้นสอง ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ค่ำคืนที่มืดมิดลึกล้ำและไม่มีที่สิ้นสุด…..
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงกระหึ่มดังมาไม่ไกล รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำคันหนึ่งขับเข้ามา จอดที่ประตูของคฤหาสน์
ประตูรถเปิดออก ไต้ห้าวหนานที่เจ็บปวดจนเหงื่อท่วมตัว ล้มลุกคลุกคลานออกมาจากรถบีเอ็มดับเบิลยู ลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง หยิบของชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกมาจากท้ายรถ เดินตามติดไต้ห้าวหนานมาทางด้านหลัง
ไต้ห้าวหนานพุ่งตรงมาที่หน้าประตูคฤหาสน์ กดกริ่งอย่างบ้าคลั่ง เสียงกริ่งแหลมบาดหูดังก้องอยู่ภายในบ้าน ทำให้เฉินเป่ยแตะหูอย่างรำคาญ ตะโกนถามออกมาข้างนอกว่า “ใครวะ”
ไต้ห้าวหนานได้ยินเสียงเฉินเป่ย ร่างก็สั่นเทา ชั่วพริบตานั้นเองก็ไม่เหลือความหยิ่งยโสแบบเมื่อก่อน เอ่ยอย่างเคารพอ่อนน้อม "คุณเฉิน ผมมาปรึกษาเรื่องที่จะร่วมมือทางธุรกิจกับชิงเยียนครับ"
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว ท่านประธานหลีหลับแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาคุย” ภายในคฤหาสน์ มีเงาของร่างหนึ่งสะท้อนออกมา
ไต้ห้าวหนานร้อนใจ “คุณเฉิน ผมเตรียมของขวัญมาให้คุณ ขอให้คุณช่วยรับเอาไว้ด้วยนะครับ"
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ค่อยให้เมียฉันเถอะ” ด้านในคฤหาสน์ เฉินเป่ยได้ยินเสียงไต้ห้าวหนาน เบะปากใส่ เขารู้ดีว่าไต้ห้าวหนานต้องการส่งของมาเพื่อขอโทษ แต่เขาจะใส่ใจของพวกนั้นหรือ
“อย่างนั้นวันนี้ผมขอลากลับก่อน หากก่อนหน้านี้ผมเสียมารยาทอะไรกับคุณ ขอให้คุณเฉินอย่าถือสาคุณอย่างผมเลยนะครับ……คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง……” ไต้ห้าวหนานสีหน้าดูไม่ได้ เฉินเป่ยไม่อยากแม้แต่จะพบหน้าเขา!
แต่เขาก็ไม่กล้าโวยวายอะไรแม้แต่น้อย เพราะถ้าปัญหาที่สำนักงานใหญ่ในต่างประเทศประสบอยู่ตอนนี้เป็นฝีมือของเฉินเป่ย…… เช่นนั้นอำนาจของเฉินเป่ย ไม่ใช่ไต้ห้าวหนานคนอย่างเขาจะต่อต้านได้!
แม้ว่าไต้ห้าวหนานจะไม่กล้าสงสัยในคำพูดของเฉินเป่ยก่อนหน้านี้ เพราะถ้าหากเขาอยากให้บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยฟื้นคืนชีพก็สามารถทำได้จริง!
ไต้ห้าวหนานแม้จะยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในตัวเฉินเป่ย แต่เขาก็ไม่กล้าเดิมพัน เพราะถ้าหากแพ้ พ่อของตนและสำนักงานงานใหญ่ต่างก็พังพินาศ!
“ไปโรงพยาบาล”ไต้ห้าวหนานนั่งลงบนรถบีเอ็มดับเบิลยู เร่งเครื่องยนต์ พุ่งทะยานออกไป
ด้านในคฤหาสน์ เฉินเป่ยยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองรถบีเอ็มดับเบิลยูที่ค่อยๆหายลับไปด้านนอกหน้าต่างมุมปากค่อยๆยกขึ้น ควักโทรศัพท์มือถือออกมา พูดว่า “พอแล้ว ให้บทเรียนกับพวกมันแค่นี้พอแล้ว”
“ลูกพี่ ไต้ห้าวหนานมันยอมก้มหัวให้แล้วจริงเหรอ ในต่างประเทศ บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย ถือว่ามีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ผมกลัวว่ามันจะยังไม่เลิกรา กลับไปเล่นงานพี่สะใภ้อีกนะครับ…..” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นห่วง
“ ฉันเห็นแก่ที่บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยมักจะทำความดีอยู่ไม่น้อยในต่างประเทศ ดังนั้นจึงให้โอกาสเขาสักครั้ง” เฉินเป่ยเอ่ยอย่างแผ่วเบา ดวงตาคู่นั้นเย็นเยือก “ ถ้ามีครั้งต่อไปอีกล่ะก็ ฆ่าไม่เว้น!”
…………
วันนี้ ที่อาคารอาคารตระกูลหลี ภายในห้องทำงานของท่านประธาน
จู่ๆ เลขาหลินเฉว่ก็ผลักประตูเข้ามาพูดว่า “ท่านประธานหลีคะ คุณไต้มาขอพบค่ะ”
“เชิญเขาเข้ามา” หลีชิงเยียนเงยใบหน้าที่สวยหมดจดนั้นขึ้นมา น้ำเสียงชวนฟัง
ไม่นาน ไต้ห้าวหนานก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน มองเห็นร่างที่งดงาม มุมปากยกขึ้นทำมุมเป็นรอยยิ้ม ยกมือโบก “ประธานหลี น้ำใจเล็กๆน้อยๆ อย่าเกรงใจเลยนะครับ”
หลีชิงเยียนเห็นลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของไต้ห้าวหนานวางของขวัญชิ้นใหญ่น้อยลง หน้าตางุนงง “ห้าวหนาน นี่คุณจะทำอะไร”
“เป็นขวัญปลอบใจ ที่เมื่อวานทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย ผมไม่ได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ดี วันนี้จึงมาขอโทษ สองคือต้องการมาทำความร่วมมือกับบริษัทของคุณ…..”
รอจนไต้ห้าวหนานจะออกจากบริษัท หลีชิงเยียนมาส่งไต้ห้าวหนานถึงหน้าประตูบริษัท
“ห้าวหนาน ฉันดีใจมากค่ะที่ได้ทำงานร่วมกับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย ” หลีชิงเยียนเอ่ยอย่างนุ่มนวล ใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยความปีติยินดี มีรอยยิ้มอ่อนๆ ช่างมีเสน่ห์ชวนหลงใหล
ไต้ห้าวหนานไม่ได้ลืมคำเตือนเมื่อวานแม้แต่น้อย ยิ้มบางๆ “ประธานหลี ครั้งนี้ได้ร่วมงานกับคุณ อันที่จริงแล้วเพราะติดค้างคนๆหนึ่งอยู่”
“ยังมีคนอื่นอีกเหรอคะ” หลีชิงเยียนยกมือกอดอก ขมวดคิ้วแน่น
“ไม่มีเขา บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยก็คงไม่ยอมร่วมงานกับใครรวดเร็วขนาดนี้” ไต้ห้าวหนานทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค แล้วนั่งลงบนรถบีเอ็มดับเบิลยู ขับออกไป
“เขาเหรอ” หลีชิงเยียนสีหน้าตื่นตะลึง เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า การร่วมงานกันของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปกับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย จะต้องมีบุคคลที่สามคอยช่วยเหลือ
เป็นบุคคลลึกลับคนไหนกันอีกนะ
หลีชิงเยียนคิดใคร่ครวญในใจ บุคคลลึกลับคนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะคอยแอบช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา
“ประธานหลีคะ” ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านข้าง หลีชิงเยียนหันมา ไม่รู้ว่าซูเหลยมาปรากฏตัวอยู่ข้างเธอตอนไหน
“ทำไมหรือ” สีหน้าหลีชิงเยียนกลับสู่ปกติในทันที
“เรื่องที่คุณให้ฉันสืบ ฉันมีเบาะแสแล้ว” ซูเหลยเอ่ยปากทำให้หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อวานแม้เธอจะแจ้งความกับตำรวจแล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าอัตราการปิดคดีของเมืองเมืองหู้ไห่เป็นอย่างไร ดังนั้นจึงให้ซูเหลยไปสืบดู
เช้าวันนี้ ซูเหลยก็มาพร้อมเบาะแส
กลับมาที่ห้องทำงานท่านประธาน หลีชิงเยียนนั่งลง ใบหน้าสวยนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียด
“พูดเถอะ”หลีชิงเยียนเสียงดังกังวาน
“ประธานหลี วันนั้นที่การลอบทำร้ายครั้งแรก สามีของคุณเฉินเป่ย หายตัวไปหรือเปล่าคะ”ซูเหลยถาม
“ใช่”หลีชิงเยียนพยักหน้า
“เมื่อคืนเขาก็มาช้าตอนที่คุณถูกลอบทำร้าย และยังไม่บอกเหตุผลที่ตนเองมาด้วย”ซูเหลยพูดต่อ
“ความหมายของคุณก็คือ……เขาคือคนร้าย”หลีชิงเยียนขมวดคิ้ว
“ไม่อาจตัดความสงสัยนี้ไปได้ ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ”ซูเหลยพูด
“คุณวางใจได้ค่ะ เขาไม่มีทางเป็นคนร้ายที่วางแผนทำเรื่องพวกนี้”หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะ ออกตัวแทนเฉินเป่ย
“ฉันแต่งงานกับเขามาหลายเดือน เขาไม่ต่างอะไรกับคนใช้ในบ้านฉัน ความอดทนของเขานั้น จะมีปัญญาไปวางแผนอะไรแบบนี้ได้อย่างไร”หลีชิงเยียนเอ่ย
ซูเหลยนึกถึงเมื่อคืนที่เฉินเป่ยทำหน้ากวนประสาทไม่มีความเกรงกลัวอะไร พยักหน้า พูดว่า“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าประธานหลี ฉันอาจจะต้องพักอยู่ที่บ้านคุณ มาคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้คุณ24ขั่วโมง และยังต้องใช้บอดี้การ์ดสักบริษัท เพื่อความปลอดภัยของคุณ”
“นี่ไม่มีปัญหาค่ะ ที่บ้านฉันยังมีห้องว่างอยู่มากคุณเห็นเขาทำงานบ้านตามปกติทุกวัน คุณก็จะรู้ว่าเขาไม่มีทางไปวางแผนทำเรื่องอะไรพวกนั้นได้เลย” หลีชิงเยียนพยักหน้า
รถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำค่อยๆจอดลงที่หน้าโรงแรม ค่อยๆลดกระจกรถลงมา เผยให้เห็นใบหน้าที่ดุร้ายน่ากลัว
ไต้ห้าวหนานจับโทรศัพท์มือถือ เสียงจากปลายสายดังมา “สำนักงานใหญ่ปลอดภัยแล้ว แต่เมื่อคืนสูญเสียไปกว่าแสนล้าน ตกลงว่าช่วงนี้แกไปผิดใจกับใครมา ทำไมถึงได้มีอำนาจมากขนาดนี้”
“พ่อ ก็ครั้งก่อนผู้ชายคนนั้นที่ถูกหมายจับที่ฝรั่งเศส เดิมผมคิดว่าเขาก็แค่เศษสวะคนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า ตัวตนที่แท้จริงของเขานั้นจะน่ากลัวขนาดนั้น” ไต้ห้าวหนานก้มหน้ามองนิ้วกลางของตนที่ขาดไป เขาจะคิดไม่ถึงได้อย่างไร ผู้ชายที่ดูภายนอกไร้ความสามารถ แต่กลับทำให้ สำนักงานใหญ่เกือบจะพังพินาศ!
เมื่อคืน เหมือนกับเป็นฝันร้าย ฝันร้ายที่ไต้ห้าวหนานไม่อยากหวนคิดถึง!
“แน่ในนะ หากสถานะของไม่ได้น่ากลัวแบบนั้นจริง ราชสำนักฝรั่งเศสทำไมต้องเชิญเขาไป” เสียงจากปลายสายดังมา ทำให้ไต้ห้าวหนานอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“พ่อ ความหมายของพ่อก็คือ ไม่ใช่ฝีมือเขา”ไต้ห้าวหนานเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สายเปย์เบอร์หนึ่ง