สักวารัก อาบแผ่นดิน นิยาย บท 6

เฟิ่งหมิงซีวางแผนออกตามหาพรรคพวกเดิมของจวนอ๋องเฟิ่ง ก่อนจะร่วมกันสืบสวนคดีในปีนั้น

แต่พอสืบหาไปทั่ว พรรคพวกเดิมของจวนอ๋องเฟิ่งต่างก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงกันแล้ว

ฮ่องเต้ปราบปรามจวนเฟิ่งอ๋องอย่างรุนแรง

หากว่าไม่มีไท่ว่างหวง คาดว่าคงถูกฆ่าล้างตระกูลไปตั้งแต่สามปีก่อนเสียแล้ว

ซวงสี่เอ่ยขึ้น “จวิ้นจู่เมื่อสามปีก่อนเหล่าพรรคพวกเก่าของจวนเฟิ่งอ๋องก็เคยมาหาท่าน พวกเขาอยากจะแอบสืบหาความจริงแบบลับๆ เพื่อไขความคับข้องใจแทนตระกูลเฟิ่ง แต่ในครานั้นท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างมากจึงมิได้ตอบสนองพวกเขาไป บัดนี้ไปตามหาพวกเขา พวกเขาก็คงมิสนใจเราแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

เฟิ่งหมิงซีเอ่ยตอบ “ไม่มีทางหรอก หากว่าอยากช่วยตระกูลเฟิ่งอย่างจริงใจ พวกเขาไม่มีทางไม่สนใจพวกเราหรอก เจ้าลองนึกหาเหล่าคนที่สนิทชิดเชื้อกับตระกูลเฟิ่งที่สุดดูสิ?”

“พวกเขาล้วนแต่เป็นพรรคพวกเก่าของท่านอ๋อง ปกติแล้วล้วนอยู่แต่ในค่ายทหาร บ่าวก็ย่อมหารู้จักไม่เจ้าค่ะ มีหลายคนที่ถูกปราบปรามถูกบังคับให้ออกไป ที่เหลือก็เป็นเพราะเส้นสายในตระกูล มิกล้าคบค้ากับตระกูลเฟิ่งอีกเจ้าค่ะ”

เรื่องเหล่านี้ล้วนมิอาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งสิ้น

เฟิ่งหมิงซีครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง “แล้วปีนั้นใครเป็นคนสืบสวนคดีนี้กัน?”

“คดีนี้ขึ้นศาลต้าหลี่เจ้าค่ะ แต่ครานั้นศาลต้าหลี่คือจิ้งโหวเป็นผู้พิพากษา” ซวงสี่เอ่ยตอบ

เฟิ่งหมิงซีฉายแววเย็นชาขึ้นในดวงตา “เฮ่อ! งั้นเรากลับกันก่อนเถิด เรื่องนี้มิอาจเร่งรีบได้”

ล้วนผ่านไปสามปีแล้ว พลาดพลั้งโอกาสที่เหมาะเจาะในการสืบหาหลักฐานไปแล้ว เพียงลงมือคราเดียวก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะสืบหาหลักฐานเจอในทันที

ฉะนั้น เฟิ่งหมิงซีจึงมิได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นกับไท่ว่างหวง

รอยามรวบรวมหลักฐานได้แล้ว จึงค่อยไขความคับข้องใจแทนตระกูลเฟิ่ง

ซวงสี่พยักหน้ารับ ทั้งสองเตรียมจะพากันกลับจวนไป

แต่ในขณะเดียวกัน เสิ่นชิวเยว่ก็พาคนบุกเข้ามา นางอัดอั้นความเคืองโกรธเอาไว้ มองไปที่เฟิ่งหมิงซีด้วยน้ำตาอันเอ่อคลอ “ท่านพี่หญิง?”

เฟิ่งหมิงซียกมือขึ้นยั้งแล้วเอ่ยเย็นชา “คุณหนูเสิ่นท่านอย่าได้เรียกส่งเดช ข้าหาได้เคยมีน้องสาวเยี่ยงนี้มาก่อน”

เสิ่นชิวเยว่ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับว่าโดนกระทบกระเทือนเข้าอย่างจัง มองไปที่นางด้วยความอยากจะเชื่อ ร่ำไห้อย่างโศกเศร้าพลันเอ่ย “ท่านพี่หญิงท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าไปเยี่ยมท่านที่จวนท่านอ๋อง ท่านหาได้เป็นเช่นนี้ไม่?ฮือ ฮือ หรือเป็นเพราะว่าข้าไปทำผิดอันใดให้ท่านไม่พอใจหรือเจ้าคะ?”

เสิ่นชิวเยว่นัยน์แฝงไปด้วยความชั่วร้าย เมื่อวานนี้ เฟิ่งหมิงซียังเพิ่งถูกนางเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า พอเห็นนางก็รีบหวาดกลัวคุกเข่าร้องขอความเมตตาเยี่ยงสุนัขตัวหนึ่ง

นึกไม่ถึงว่าวันนี้กลับกล้าวางแผนให้นางแต่งกับอานอ๋อง?

คาดว่าเฟิ่งหมิงคงจักแอบยั่วยุให้ไท่ว่างหวงประทานสมรสเป็น กลั่นแกล้งไม่ให้นางได้แต่งกับเสด็จพี่เจ็ดผู้เป็นที่รักของนาง เสิ่นชิวเยว่เกลียดชังอยากจะขยี้นางเสียให้ตาย

ทั้งไม่เข้าใจว่าเฟิ่งหมิงซีเล็ดลอดสายตานางไปเรียนวิชาแพทย์มาตอนไหน ปกปิดนางมาได้ตั้งสามปี

เสิ่นชิงเยว่แววตาพลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธ นางก้าวเข้ามาใกล้เฟิ่งหมิงซีแล้วเอ่ยอย่างชั่วร้ายเย็นชา “เฟิ่งหมิงซีนางหญิงเลว กล้าดียังไงมาแย่งผู้ชายของข้า สามปีมานี้เจ้ายังรับความทรมานไม่พออีกใช่หรือไม่?”

ซวงสี่ครั้นเห็นนางเข้าใกล้เจ้านายตนก็พลันรีบวิ่งเข้าไปขวางตรงหน้าเฟิ่งหมิงซี เหมือนราวดั่งแม่ไก่หวงแหนลูกไก่ เพ่งมองไปที่เสิ่นชิวเยว่แล้วเอ่ย “คุณหนูเสิ่น ท่านคิดจะทำอันใดกัน? นี่มันกลางถนนใหญ่เชียวหนาเจ้าคะ!”

สามปีมานี้ เสิ่นชิวเยว่มาข่มเหงรังแกเจ้าของร่างเดิมอยู่ทุกวี่ทุกวัน

ความเวทนาของเจ้าของร่างเดิม ภาพความเจ็บปวดทรมานต่างๆ ล้วนปรากฏขึ้นในหัวของเฟิ่งหมิงซี

เฟิ่งหมิงซีเหลือบมองใบหน้านางอย่างเย็นชา กำลังเตรียมจะลงมือสั่งสอนแม่ดอกบัวขาวจอมอำมหิตนี้แทนเจ้าของร่างเดิม

“โอ๊ย?”

แต่ทันใดนั้น เสิ่นชิวเยว่กลับล้มลงไปกับพื้น น้ำตาอาบนองทั่วใบหน้า เอ่ยขึ้นด้วยความน้อยอกน้อยใจ“ท่านพี่หญิง?ท่านบอกข้ามาทีสิเจ้าคะ เยว่เอ๋อร์ผิดอันใด? ไยท่านต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สักวารัก อาบแผ่นดิน