สักวารัก อาบแผ่นดิน นิยาย บท 5

ใบหน้าอันสง่างามของมู่หรงเซียวนั้นแฝงเต็มไปด้วยความอึมครึมเคร่งเครียด คาดไม่ถึงไม่เจอนางมาสามปี เฟิ่งหมิงซีกลับมากความสามารถขึ้นถึงเพียงนี้เชียว

ทว่าเมื่อวานนางยังเป็นแค่คนบ้าใบ้อยู่มิใช่หรือ!

ใยผ่านไปคืนเดียวก็กลับกลายราวคนละคนเช่นนี้?

มู่หรงเซียวนึกอย่างไรก็ไม่เข้าใจ

เสิ่นชิวเยว่ก็สงสัยคลุมเครือ,ครุมเครือใจยิ่ง สามปีมานี้นางเป็นคนจับตาดูเองแท้ๆ

เฟิ่งหมิงซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยทอดมองไปที่มู่หรงเซียวกับเสิ่นชิวเยว่ กระตุกมุมปากยิ้มเย็นชา จากนั้นดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วคุกเข่าเอ่ยขึ้น “เสด็จปู่เพคะ หมิงซีถูกคนใส่ร้าย เรื่องนี้หมิงซีจักต้องสืบสาวอย่างถึงที่สุด มิยอมให้เสื่อมเสียเกียรติราชวงศ์เป็นอันขาดเพคะ”

ไท่ว่างหวงประคองตัวนางขึ้นมาอย่างกรุณา “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นลงไปอย่างแน่นอน ข้าจักตัดสินเรื่องนี้ให้เจ้าแน่”

เฟิ่งหมิงซีมิได้ลุกตัวขึ้น ยังเอ่ยต่อว่า “เสด็จปู่ หมิงซียังมีเรื่องอยากร้องขออีกอย่าง

เพคะ”

ไท่ว่างหวงวรกายรู้สึกสบายขึ้นมาก ราวกับตายแล้วได้คืนชีพ ทอดเนตรไปที่นาง แล้วแย้มสรวลเอ่ย “เจ้าว่ามาสิ เจ้าขอข้ามาอีกรอบ ความดีความชอบก็ยังมิหมด ข้าจักประทานรางวัลให้เจ้าอย่างสมควรเลย ”

“ช่วยพระชนม์เสด็จปู่เป็นเรื่องที่หมิงซีสมควรกระทำเพคะ หมิงซีมิต้องการสิ่งตอบแทน แต่ขอเพียงเสด็จปู่ทรงโปรดให้หมิงซีได้หย่ากับเลี่ยอ๋องเถิดนะเพคะ”เฟิ่งหมิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสก้องไปทั่วท้องพระโรง

ทำเอาผู้คนต่างตะลึงถ้วนหน้า!

มู่หรงเซียวเบิกตาค้าง จนเป็นรอยทั่วใบหน้า อารมณ์เกรงกลัวอย่างเย็นชา

ไท่ว่างหวงทรงขมวดคิ้ว “เจ้าหนูเฟิ่ง ในเมื่อเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิด สืบให้แน่ชัดก็เพียงพอแล้ว ครั้นถึงยามที่ความจริงปรากฏ ข้าจักลงโทษเขา เฆี่ยนตีให้หนัก เพื่อระบายโมหะให้เจ้าเอง”

เฟิ่งหมิงซีส่ายหน้าเอ่ยขึ้น “สามปีมานี้ในที่สุดหม่อมฉันก็ได้แจ้งแก่ใจแล้ว อ๋องเลี่ยรักใคร่คุณหนูเสิ่นอย่างลึกซึ้ง หมิงซีควรเข้าใจแต่แรก มิควรเอาแต่ใจแต่งกับอ๋องเลี่ย สามปีผ่านมาแล้วอ๋องเลี่ยก็ยังคงใคร่แต่งกับคุณหนูเสิ่นดังเดิม หมิงซีแจ้งแก่ใจแล้ว ฉะนั้นจึงขอหย่าเพื่อให้พวกเขาได้สมปรารถนาเพคะ”

“หลังหย่าร้างหมิงซีขอเพียงอยู่รับใช้ข้างกายเสด็จปู่เท่านั้น มิมีความปรารถนาอย่างอื่นใดอีกเพคะ”

ไท่ว่างหวงทอดพระเนตรที่นางแล้วพลันรู้สึกถึงจิตกตัญญูเสียจนนึกซึ้งพระทัย “ลุกขึ้นมาเถิด เจ้าเป็นเลี่ยหวางเฟยที่ข้าแต่งตั้งเองกับมือ หากข้ามิอนุญาตเจ้าเจ็ดก็มิมีทางหย่าเจ้าได้หรอก”

เฟิ่งหมิงซีนัยน์ตาแดงขึ้น แล้วเอ่ย “แต่ว่า?อ๋องเลี่ยใคร่แต่งกับคุณหนูเสิ่น แทนที่จะเฝ้ามองพวกเขาพลอดรักกันทุกคืนวัน หมิงซีปวดใจ มิสู้รีบหนีจากไปในเร็ววันเพคะ?”

มู่หรงเซียวนึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก เขาจ้องมองเฟิ่งหมิงซีนึกอยากลุกไปขย้ำนางให้ตาย “เฟิ่งหมิงซี เจ้าหุบปากไปซะ!”

“เจ้าเจ็ด อยู่ต่อหน้าข้า เจ้าก็บังอาจถึงเพียงนี้เชียวรึ?”

“เจ้าหนูเฟิ่งนั้นตบแต่งกับเจ้าอย่างเป็นทางการ หรือว่าเจ้าไปเห็นนางบำเรอที่ไหนดีกว่าภรรยาตนงั้นรึ?”

ไท่ว่างหวงครั้นเห็นว่ามู่หรงเซียวมิอาจยอมรับเฟิ่งหมิงซีถึงเพียงนี้ ในพระทัยก็ทรงกริ้วเจ้าเด็กไม่รู้ความผู้นี้นัก

มู่หรงเซียวพลันคุกเข่าเอ่ย “เสด็จปู่ระงับโทสะ?หลานชายมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ว่างหวงทรงตรัสขึ้นเสียงดัง ทอดพระเนตรมองมู่หรงเซียวอย่างไม่พอพระทัย ก่อนจะทอดมองไปที่จิ้งโหว แย้มสรวลขึ้นเบาๆ แล้วตรัส “คุณหนูเสิ่นเป็นหญิงฉาวโฉ่ของจวนจิ้งโหว แต่งเป็นเซ่อเฟยให้เลี่ยอ๋องนั้นจักทำเขาแปดเปื้อน พอดีอานอ๋องกำลังเลือกหาสนมอยู่พอดี เมื่อสองวันก่อนได้ยินว่าทูลขอสมรสจากฮ่องเต้ งั้นก็ให้นางสมรสเป็นสนมของอานอ๋องเถิด!”

เสิ่นชิวเยว่สีหน้าพลันซีดเผือด ชำเลืองมองไปที่อานอ๋อง อานอ๋องเป็นท่านอ๋ององค์ที่สามตบแต่งสนมไปนานแล้ว อานหวางเฟยถึงแก่กรรมไปเมื่อสองปีที่แล้ว นางแต่งออกไปในฐานะหวางเฟย แต่แท้จริงนั้นกลับเป็นภรรยาใหม่ของพ่อหม้ายต่างหาก

จะไปเทียบกับเลี่ยอ๋องได้อย่างไร?!

อานอ๋องเปรียบดั่งถุงฟางไร้ประโยชน์ รูปลักษณ์ก็งดงามมิได้ครึ่งของมู่หรงเซียว

“เสด็จพี่เจ็ดเจ้าคะ......”

นางแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นนี้ไม่ไหว จึงพลันน้ำตาเอ่อล้นออกมาทันที

นัยน์ตามู่หรงเซียวเผยความมืดหม่นขึ้น แล้วก้าวไปข้างหน้าเอ่ย “เสด็จปู่......”

“หุบปากซะ!”

ไท่ว่างหวงยังมิทันได้เอ่ยตรัส ฮ่องเต้ก็ทรงเกรงว่าพระอาการประชวรของพระองค์จะกำเริบ ดังนั้นพระองค์จึงทรงดุด่ามู่หรงเซียวขึ้นทันที พลางทอดพระเนตรไปที่จิ้งโหวกับเสิ่นชิวเยว่ “ทำไมหรือ? อานอ๋องมิคู่ควรกับคุณหนูเสิ่นหรือ?”

จิ้งโหวพลันรีบประสานมือเอ่ยขึ้น “ได้แต่งเป็นสนมให้อานอ๋อง นับเป็นบุญอย่างยิ่งของบุตรสาวกระหม่อม ขอบพระทัยไท่ว่างหวงทรงประทานสมรสพ่ะย่ะค่ะ”

ตระกูลเสิ่นมิกล้าขัดขืนต่อฮ่องเต้

จิ้งโหวส่งสัญญาณเป็นนัยให้บุตรสาวตนรีบรับพระบัญชา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สักวารัก อาบแผ่นดิน