สักวารัก อาบแผ่นดิน นิยาย บท 4

สรุปบท บทที่ 4 ไท่ว่างหวงทรงพระประชวรกำเริบ: สักวารัก อาบแผ่นดิน

อ่านสรุป บทที่ 4 ไท่ว่างหวงทรงพระประชวรกำเริบ จาก สักวารัก อาบแผ่นดิน โดย ดาวตา

บทที่ บทที่ 4 ไท่ว่างหวงทรงพระประชวรกำเริบ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ สักวารัก อาบแผ่นดิน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ดาวตา อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“ไร้สาระสิ้นดี!” ไท่ว่างหวงทรงพิโรธขึ้นทันใด “เจ้ากล้าดียังไงกัน!”

ในขณะเดียวกัน เสิ่นชิวเยว่ก็พลันคุกเข่าลงด้วยความหวาดเกรง พลางเอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนลำบากใจ “ไท่ว่างหวงโปรดระงับโทสะเพคะ นี่หาได้ใช่ความผิดของเสด็จพี่เจ็ดไม่ ทั้งนี้ต้องโทษท่านพี่หญิง นางอยู่กับบ่าวใช้ผู้นั้นที่หลังสวน?ก่อเรื่องผิดต่อเสด็จพี่เจ็ดขึ้นเพคะ”

มู่หรงเซียวเอ่ยต่ออย่างเย็นชา “ก่อเรื่องฝ่าฝืนข้อห้ามทั้งเจ็ด ก็ควรหย่าร้างพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ว่างหวงตกตะลึง แล้วมองไปที่เฟิ่งหมิงซี “เจ้ากระทำเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?”

เฟิ่งหมิงซียังมิทันได้เอ่ยอธิบาย

ไทเฮาก็พลันพิโรธขึ้น “เลี่ยหวางเฟยเจ้าหารู้ถูกผิดหรือไม่!”

เรื่องของคืนวานนางก็รับรู้แล้ว แต่เพราะเกียรติยศของราชวงศ์ นางจึงมิอยากเอ่ยถึง ทว่าเฟิ่งหมิงซีกลับวิ่งเข้ามายั่วโทสะ สีหน้าไทเฮาแฝงเต็มไปด้วยความโมหะ จึงรีบใช้ให้คนมาจับตัวเฟิ่งหมิงซีออกไปทันที

เสิ่นชิวเยว่แอบยิ้มกระหยิ่ม พลันรีบเสแสร้งคุกเข่าลง ทูลขอความกรุณาให้เฟิ่งหมิงซีด้วยไมตรีฉันพี่น้อง “ไทเฮาโปรดระงับโทสะเพคะ หม่อมฉันว่าท่านพี่หญิงนางคงหาได้ตั้งใจ คงหลงผิดไปเพียงชั่วขณะ อย่างไรเสียหลังสมรสเสด็จพี่เจ็ดก็จากไปตั้งสามปี?ท่านพี่หญิงคงยากทนความโดดเดี่ยวน่ะเพคะ”

ไทเฮาฟังจบก็ทรงพิโรธเสียจนเส้นโลหิตปูดโปน ดวงตาแฝงเต็มไปด้วยความดุดันน่ากลัว แล้วตรัสขึ้นอย่างพิโรธว่า “นางเดรัจฉาน! เกียรติยศของราชวงศ์ล้วนถูกเจ้าทำลายแปดเปื้อนจนหมดสิ้นเสียแล้ว บ่าวใช้! ลากนางออกไปโบยให้หนักเสีย!”

เฟิ่งหมิงซีชำเลืองมองเสิ่นชิวเยว่อย่างเย็นชา หญิงผู้นี้ช่างไม่ธรรมดา “เรื่องเมื่อคืนวานนั้น มีคนใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ”

“ครานั้น หม่อมฉันถูกวางยาด้วยกลิ่นธูปอ่อน มิอาจขยับตัวได้ ทั้งยังมีคนตีบ่าวใช้จนสลบแล้วโยนเข้ามาในห้องหม่อมฉัน จากนั้นเลี่ยอ๋องจึงได้พาคนปรากฏเข้ามา”

“กระหม่อมเฟิ่งหมิงซีอภิเษกเข้ามาในจวนอ๋องอย่างบริสุทธิ์ไร้มณทิล หาได้ทำเรื่องอันใดผิดต่อเลี่ยอ๋องไม่เพคะ”

นางเอ่ยพลางมองไปที่ไท่ว่างหวงและคนอื่นๆ “คนผู้นี้ชั่วช้าอำมหิตยิ่งนัก จุดประสงค์ที่ทำเช่นนี้ หนึ่งคือต้องการเอาชีวิตหม่อมฉัน สองคือทำลายชื่อเสียงของจวนอ๋องเลี่ย ทำลายซึ่งเกียรติยศของราชวงศ์ป่นปี้ เห็นได้ชัดเลยว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังนั้นเลวทรามชั่วช้าเป็นอย่างมากเพคะ”

“หมิงซีแม้นตายไม่เสียดายชีพ แต่ชื่อเสียงจวนเลี่ยอ๋อง เกียรติยศของราชวงศ์นั้นมิอาจแปดเปื้อนเป็นอันขาด โปรดผู้อาวุโสในที่นี้สืบสาวหาความจริง ลากคนต่ำทรามที่บงการอยู่เบื้องหลังออกมาให้จงได้เพคะ”

คำพูดของนางทำคนประหลาดใจ ราวกับเกิดสายฟ้าคำรามอยู่ในท้องพระโรง ทุกคนต่างจับจ้องมาที่นางอย่างตกใจชะงักราวกับถูกสายฟ้าฟาด

เมื่อไร้ซึ่งจวนเฟิ่งอ๋องแล้ว ว่ากันว่าเฟิ่งหมิงซีก็เปลี่ยนไปเป็นดั่งราวนกระแวงคันธนู ไร้ซึ่งความยโสโอหังเยี่ยงกาลก่อน แต่งกับเลี่ยอ๋องก็หาใช่ปลายทางที่ดี เข้าจวนมาก็กลายเป็นนางสนมถูกทิ้ง รูปโฉมอัปลักษณ์ขึ้นเป็นอย่างมาก มิเคยได้อยู่เป็นสุข กลายเป็นเศษสวะ ใครๆ ล้วนรุมรังแกได้

สามปีมานี้ ยกเว้นไท่ว่างหวงผู้เอาแต่รักษาพระวรกาย ใครๆ ต่างก็พากันทราบเบื้องลึกเบื้องหลังของนางดี

โดนใส่ร้ายรังแกมาก็ไม่น้อย

แต่ทว่าถูกรังแกมาสามปีเต็มๆ แต่ก็ไม่เคยเอ่ยฟ้องเลยสักครา เหตุไฉนวันนี้จึงได้กล้าเอ่ยฟ้องขึ้นเสียเล่า?

เฟิ่งหมิงซีนึกกระหยิ่มในใจ ถูกวางยาใบ้แล้วจักเอ่ยฟ้องได้อย่างไร?

จุดมุ่งหมายในการวางยาใบ้ก็มิใช่เกรงว่านางจะเอ่ยฟ้องหรอกหรือ?

มู่หรงเซียวผู้มีสีหน้าดุดันเคร่งเครียดมาตั้งแต่แรก ก็กัดฟันเกรี้ยวโกรธแทบอยากลุกไปขยี้เฟิ่งหมิงซีให้ตายคามือ เขากำกำปั้นแน่น “เฟิ่งหมิงซีเจ้าหุบปากไปซะ!”

เฟิ่งหมิงซีพลันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นในดวงใจ นั่นเป็นความรักที่เจ้าของร่างเดิมยังคงหลงเหลือเอาไว้

ชายผู้นี้หาได้เชื่อว่านางถูกคนใส่ร้ายป้ายสีงั้นหรือ?

ในขณะที่นางกำลังเจ็บปวดดวงใจอยู่นั้น ไท่ว่างหวงผู้อยู่บนตำแหน่งสูงส่งก็ได้ทรงยกมือขึ้น ตรัสด้วยน้ำเสียงทุ้มขึ้นว่า “นางหนูตระกูลเฟิ่งเอ่ยมาก็มีเหตุผล เรื่องนี้ดูมีเลศนัยยิ่งนัก จำต้องสืบสวนเป็นอย่างดี”

คำตรัสของไท่ว่างหวงนั้นล้ำค่ามีน้ำหนัก

แม้นว่าพระองค์จะทรงรามือจากเรื่องอำนาจราชวงศ์ไปนานแล้ว แต่ด้วยการมีอยู่ของพระองค์ก็ยากจะข้ามหน้าข้ามตาไปได้

องค์ฮ่องเต้ก็มิอาจขัดขืนได้

เฟิ่งหมิงซีเงยมองชายชราที่อยู่ตรงหน้าท้องพระโรง แววตาก็พลันประกายราวพบเจอกับความหวังขึ้น “ขอบพระคุณเสด็จปู่เพคะ”

ในที่สุดก็มีคนดีหลงเหลืออยู่ผู้หนึ่ง แต่ทว่าพระองค์ประชวรหนักเสียจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว

นางได้รับความเมตตาจากพระองค์

“ค่อกค่อก?”

ครั้นยามขณะเอ่ยตรัสไท่ว่างหวงก็สีหน้าไม่สู้ดี ไอเรื้อรังมิหยุดหย่อน ลมหายใจติดขัด

“ไท่ว่างหวงทรงพระประชวรกำเริบ รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว!”

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทั่วท้องพระโรงต่างวุ่นวายกันอย่างโกลาหล ฮ่องเต้เองก็ทรงตรัสร้องเรียกอย่างกระวนกระวายใจ

เฟิ่งหมิงซีไม่สามารถรักษาให้พระองค์อย่างเป็นทางการได้ในขณะนี้ ทำได้เพียงแต่ตรวจรักษาขั้นเบื้องต้นเท่านั้น จึงไม่สามารถจัดหาตัวยาอันใดมาใช้ได้

ใช้ได้เพียงแค่เข็มเงินตามตำราแพทย์แผนจีนมาลดทอนความเจ็บปวด ยับยั้งอาการให้คงที่

ขณะเดียวกันไทเฮาก็ทรงทอดพระเนตรดูวิธีการฝังเข็มของเฟิ่งหมิงซี แล้วพลันอุทานขึ้น “วิชาฝังเข็มเฉพาะจุด! นี่เป็นวิชาฝังเข็มเฉพาะจุดที่สูญหายไปเมื่อร้อยปีก่อนนี่! ”เหล่าผู้คนต่างพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบขึ้น “เป็นไปไม่ได้! วิชาฝังเข็มเฉพาะจุดของหมออัจฉริยะในตำนาน ชุบชีวิตได้กระทั่งคนตายให้ฟื้นชีพกลับ แต่วิชานี้ได้สูญหายไปกว่าร้อยปีแล้ว เลี่ยหวางเฟยไยจึงเป็นวิชาแพทย์อันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ด้วย?”

เสิ่นชิวเยว่จ้องมองเฟิ่งหมิงซี ดวงตาฉายแววริษยา แล้วกระตุกแขนเสื้อมู่หรงเซียว “เสด็จพี่เจ็ดเจ้าคะ ใยนางจึงเป็นวิชาแพทย์ด้วย เฟิ่งหมิงซีนางเป็นไปไม่ได้ที่จักมีวิชาแพทย์เจ้าค่ะ”

สามปีมานี้นางส่งคนมาจับตาดูทุกวี่วัน ทั้งยังรังแกทำร้ายนางอยู่ตลอด เฟิ่งหมิงซีจะไปมีโอกาสเรียนวิชาแพทย์ได้ที่ไหนกัน? !

มู่หรงเซียวแววตาฉายเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลางจ้องมองไปที่เฟิ่งหมิงซีอย่างฉงนสงสัย หญิงผู้นี้มีเรื่องปิดบังเขาอยู่มากแค่ไหนกันนะ?

มู่หรงเซียวจ้องมองเฟิ่งหมิงซีตาไม่กะพริบ จึงไม่ได้ใส่ใจนาง เสิ่นชิวเยว่แอบไม่สบอารมณ์ไปเงียบๆ แต่ก็ไม่กล้าขัดจังหวะเขา ได้แต่อัดอั้นไว้ในใจ พลางจ้องมองไปที่เฟิ่งหมิงซีอย่างริษยา

“ค่อก.....”

หลังจากการฝังเข็มของเฟิ่งหมิงซี ไท่ว่างหวงก็เกิดสะอึกขึ้นหนึ่งที แล้วรู้สึกหายใจอย่างสะดวกราบรื่นขึ้นทันที พระองค์ลืมพระเนตรขึ้น แล้วตรัส“เจ้า....”

เฟิ่งหมิงซีเกาะกุมที่พระหัตถ์อันซูบผอม “เสด็จปู่ ท่านวางใจเถิดนะเพคะ หมิงซีจักต้องรักษาพระอาการประชวรของท่านให้หายดีอย่างแน่นอนเพคะ”

ไท่ว่างหวงดวงพระเนตรส่องประกาย พระองค์มิเคยรู้สึกสบายตัวเช่นนี้มาก่อน ลมหายใจสะดวกราบรื่น ทั่ววรกายล้วนรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน นี่มันไม่เคยเกิดเรื่องดีเช่นนี้ขึ้นมาก่อน

“ดี!ดี!”

พอได้ยินคำตรัสของไท่ว่างหวง เหล่าผู้คนต่างพากันตกตะลึง

จากนั้นเฟิ่งหมิงซีก็ช่วยประคองพระวรกายพระองค์ลุกขึ้น ก็ยิ่งทำคนอึ้งจนเบิกตาโตเข้าไปใหญ่

นึกไม่ถึง เฟิ่งหมิงซีจะมีสิทธิ์กระทำเช่นนี้ด้วย

เมื่อนับดูแล้ว นางได้ช่วยชีวิตไท่ว่างหวงไว้ถึงสองครา

มีไท่ว่างหวงคอยหนุนหลัง เลี่ยอ๋องยังจะกล้าขอหย่าภรรยาอีกหรือ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สักวารัก อาบแผ่นดิน