สามปีก่อน ฟู่เจิงเคยพาฉู่ซืออี๋กลับบ้านใหญ่
ตอนนั้นเธอยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ทั้งที่มหาวิทยาลัยห่างจากบ้านใหญ่มาก แต่เธอก็เดินทางกลับไปทุกวัน ซึ่งสาเหตุที่ทำก็เพื่อจะได้ไม่พลาดการมาเป็นครั้งคราวของเขา
วันนั้นเธอไม่พลาด
เธอเห็นฟู่เจิงแนะนำฉู่ซืออี๋กับทุกคนในฐานะแฟนสาว
เห็นพวกเขาโอบกอดจูบกันที่สวนหลังบ้านกับตา
เธอคิดว่าชาตินี้คงได้แต่มองดูเขาอยู่ไกล ๆ แล้ว
วันที่แต่งงานกับฟู่เจิง เธอยังถึงกับนึกว่าตัวเองกำลังฝัน
ในเมื่อเป็นความฝัน ก็ต้องตื่นขึ้นสักวัน
และฉู่ซืออี๋ก็คือคนนั้นที่ปลุกเธอ
หัวใจเวินเหลียงพลันเกิดความเจ็บถี่ยิบ ก่อนจะยิ้มบางตอบ “ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณฉู่เฉิดฉายน่าประทับใจกว่าเดิม”
เวลานี้ เธอคงเรียกคำว่า ‘พี่สะใภ้รอง’ ไม่ออกอีกแล้ว
ฉู่ซืออี๋ยิ้มพูด “ขอบใจนะ เธอก็เหมือนกัน จริงสิ อาเหลียง เธอชอบซีดีลายเซ็นของแอลเอกซ์ไหม? เมื่อก่อนเคยได้ยินว่าเธอชอบแอลเอกซ์ เขาเป็นเพื่อนที่ฉันรู้จักตอนอยู่เมืองนอกพอดี กลับมาเที่ยวนี้เลยให้เขาเซ็นชื่อของเธอให้เป็นพิเศษเลยนะ”
เวินเหลียงเหมือนถูกสายฟ้าฟาดผ่าเดี๋ยวนั้น เธอที่ไม่ว่าเจอกับเรื่องอะไรจะรักษาสีหน้าได้เสมอ วินาทีนี้กลับเหม่อลอยทำอะไรไม่ถูก
เหมือนกับตัวตลกตัวหนึ่งที่ถูกทุกคนมุงดู นำพาความขบขันจำนวนนับไม่ถ้วนมาให้ทุกคน
เธอมองฟู่เจิงแบบทื่อ ๆ ดวงตาเจืออารมณ์วิงวอนเล็กน้อย
เธอหวังเหลือเกินว่าฟู่เจิงจะบอกว่าฉู่ซืออี๋พูดผิด เขาเป็นคนซื้อของขวัญ เป็นเขาเจาะจงให้คนไปจัดการ
ฟู่เจิงมองเธออย่างเฉยเมย ถ้อยคำที่พูดกลับเป็นมีดเสียบเข้ากลางใจ “ทำไม? ของขวัญที่ซืออี๋เอามาให้ไม่ชอบเหรอ?”
เวินเหลียงสีหน้าซึมกะทือ ไม่สามารถแสดงอารมณ์อะไรได้
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าเธอจะสงบใจได้ ก่อนจะพูดราบเรียบ “เรื่องในอดีตเอาไว้คุยกันเป็นการส่วนตัวเถอะ ทุกคนรอนานมากแล้ว รีบนั่งหารือเรื่องงานกันดีกว่าค่ะ”
“ได้” พอฉู่ซืออี๋ได้ยินอย่างนั้นจึงหันไปบอกกับฟู่เจิง “อาเจิง คุณกลับห้องทำงานเถอะค่ะ ตอนเที่ยงอย่าลืมกินข้าวด้วยกันนะ”
“ครับ”
เวินเหลียงมองเงาหลังของเขา ปากสัมผัสถึงรสขม ทรมานหัวใจจนหายใจไม่ออก
เธอยังนึกว่าฟู่เจิงจะใส่ใจเธอสักนิด
เธอยังนึกว่าฟู่เจิงจะมีใจให้เธอสักหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารักผูกหัวใจท่านประธานปากแข็ง