“พวกเรารอตำรวจมา! ตำรวจจะต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเราแน่นอน!” ซูเหยียนพูดด้วยความโมโห
“ได้ งั้นพวกเรารอตำรวจก็แล้วกัน” มุมปากของผู้ชายกระตุกขึ้น หรี่ตาลงยิ้มแล้วพูด “แต่ถึงเวลาสิ่งที่พวกคุณต้องชดใช้อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงิน! ผมจะทำให้ครอบครัวของคุณล้มละลาย!”
ท่าทีที่หยิ่งผยองของอีกฝ่าย ทำให้ซูเหยียนรู้สึกเย็นวูบในใจเล็กน้อย
คงจะไม่ได้เจอเข้ากับบุคคลสำคัญอะไรแล้วมั้ง?
ซูเหยียนเริ่มอยากจบเรื่องนี้อย่างประนีประนอม แต่กิริยาที่ไร้มารยาทและไร้เหตุผลของอีกฝ่ายทำให้เธอยอมรับไม่ได้
“ได้ ในเมื่อพวกคุณมั่นใจมากขนาดนี้ พวกเรามาคอยดูกันว่าสุดท้ายแล้วใครที่จะเป็นคนล้มละลายกันแน่”
ทางด้านของหลินหยางก็รู้สึกโกรธเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
คนที่มีท่าทางหยิ่งผยองเช่นนี้ เขาเองก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังโต้แย้งกัน มีตำรวจคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่ด้านข้าง
เขาเหลือบมองรถยนต์ทั้งสองคัน ขมวดคิ้วแล้วพูด “ที่นี่ไม่อนุญาตให้จอดรถ พวกคุณไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย?”
ซูเหยียน จางชิงหยู่เห็นตำรวจมา รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง
“คุณตำรวจ! คุณมาได้พอดีเลย! คนพวกนี้มาจี้ตูดของเราจนชนท้าย แต่พวกเขากลับบอกว่าพวกเราเป็นคนผิด พวกเราต้องการแจ้งความ เขายังทุบโทรศัพท์ของพวกเราด้วย พวกเขาไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาเลย!” จางชิงหยู่รีบเดินเข้าไปพูดกับตำรวจคนนั้นทันที
ตำรวจเข้าใจความเป็นมาของสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
เขาเดินไปตรวจดูรถยนต์ทั้งสองคัน หลังจากนั้นหันมาพูดกับทุกคน “พวกคุณจะไกล่เกลี่ยกันเองหรือเดินเรื่องตามกระบวนการ?”
“ไกล่เกลี่ยกันเอง? ไม่มีทาง! ฉันต้องการให้พวกเขาขอโทษ!” จางชิงหยู่พูดอย่างโมโห
“ใช่แล้ว พวกเขารังแกกันมากเกินไปแล้ว” ซูเหยียนก็โมโหเช่นกัน
แต่วินาทีต่อมา ตำรวจกลับพูดขึ้นอย่างกะทันหัน “ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมไกล่เกลี่ย ถ้าอย่างนั้นรบกวนช่วยจ่ายค่าเสียหายให้กับเขาด้วย”
“อะไรนะ?”
สองแม่ลูกมองตาค้าง
“นี่…นี่มันเรื่องอะไร?” ซูกวงงงเป็นไก่ตาแตก
หลินหยางตกตะลึง แต่หลังจากที่กวาดสายตามอง ‘ตำรวจ’ ตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนนึกอะไรขึ้นได้อย่างกะทันหัน
ถึงว่าทำไมคนหนุ่มสาวพวกนี้ถึงไม่เกรงกลัวอะไรเลย ดูเหมือน…พวกเขามีคนคอยหนุนหลัง
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ทั้งที่พวกเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบ แต่ทำไมคุณถึงมาบอกให้ฉันชดใช้ค่าเสียหาย?” ซูเหยียนกัดฟันถาม
“ใครเป็นคนต้องรับผิดชอบผมพิจารณาเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาบอก!” ตำรวจคนนั้นเขม่นใส่ซูเหยียน พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ฟังให้ดี พวกคุณจะยอมชดใช้ค่าเสียหายแต่โดยดีหรือให้ผมพาตัวพวกคุณไป!”
ครอบครัวของซูเหยียนตกตะลึงอย่างสมบูรณ์แล้ว
“ผมว่าครอบครัวนี้ไม่มีปัญญาชดใช้แน่นอน พาพวกเขาไปเถอะ ไปขังไว้สักสองสามวันก่อน หลังจากนั้นให้พวกเขาไปโทรศัพท์รวบรวมเงิน เอาเป็นว่าถ้าพวกเขาไม่ชดใช้ค่าเสียหาย ผมไม่ยอมจบแน่นอน!” ผู้ชายคนนั้นจุดบุหรี่ พูดด้วยท่าทางที่มั่นใจมาก
“ได้ งั้นรบกวนพวกคุณตามผมไปด้วย!” ตำรวจคนนั้นพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์
“ไม่…คุณตำรวจ คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
“มีปัญหาอะไรตามผมกลับไปแล้วค่อยว่ากัน ถ้าหากพวกคุณสงสัยการทำงานของผม สามารถรายงานได้เลย” ตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หลังจากนั้นพูดกับวิทยุสื่อสาร เหมือนกำลังจะเรียกรถลาก
แต่ในตอนนั้นเอง หลินหยางพูดขึ้นอย่างกะทันหัน “ช่างเถอะคุณตำรวจ พวกเราชดใช้เงินก็แล้วกัน”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ซูเหยียนก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากนั้นพูดกับเขาเสียงเบา “หลินหยาง คุณอย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายมากขึ้น”
“ไม่เป็นไร้ เสี่ยวเหยียน มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่มขึ้น”
หลินหยางยิ้มแล้วยิ้มอีก หลังจากนั้นหันไปถามผู้ชายคนนั้น “คุณต้องการให้พวกเราชดใช้ค่าซ่อมรถเท่าไหร่?”
“หนึ่งล้าน ทำไม? คุณมีปัญญาจ่ายเหรอ?” ผู้ชายคนนั้นสูบบุหรี่ ขมวดคิ้วถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว! แต่แค่ล้านเดียวมันจะพอเหรอ? เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ผมให้คุณสองล้าน! คุณกล้ารับหรือเปล่า?” หลินหยางถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนเงียบ
สองล้าน?
ทุกคนคิดว่าตนเองหูฝาด
รวมไปถึงครอบครัวของซูเหยียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...
หายย...
เกิดอะไรขึ้นกับเว็บหรือป่าวครับ ข้อความไม่ครบหลายเรื่องเลย...
ตระกูลซูน่ารังเกียจมาก ส่วนซูเหยียน คนทั้งตระกูลรังแกเอาเปรียบกลายเป็นของเล่น ก็ทนอยู่นะ พ่อกับแม่ก็ไม่สนใจลูกเลยเอาใจแต่คุณย่าคุณย่า แยกบ้านไม่เป็นหรอ...