"นี่? ซินอวี่ เธอมาใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง? ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น? เราเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งหลายปีไม่ใช่เหรอ! เธอ...ทำไมเธอถึงใส่ร้ายฉันแบบนี้?" หลิ่วจาวเอ๋อร์ยกมือขึ้นเท้าสะเอวและแสร้งทำเป็นตกใจ "ถ้าเธอคิดว่าฉันทำ ได้! เธอหาหลักฐานมาสิ! ถ้าเธอมีหลักฐาน ฉันจะยอมให้เธอจัดการเลย!"
"คนที่นี่ก็มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถเข้าออกห้องฉันได้ตลอดเวลา! ถ้าไม่ใช่เธอแล้วใครจะกล้าเอาไข่มุกพระจันทร์แดงมาวางที่ห้องฉัน?" เย่ซินอวี่กัดฟันกรอด
"หลักฐานล่ะ? เอาออกมาสิ! ไม่มีหลักฐานก็อย่าใส่ความคนอื่นแบบนี้!" หลิ่วจาวเอ๋อร์หัวเราะอย่างไม่แยแส
แม้จะพูดไปแบบนี้ ทว่าสีหน้าของหลิ่วจาวเอ๋อร์กลับแสดงออกอย่างชัดเจน
ว่าเธอเป็นคนทำ!
เพราะมีสุ่ยไท่จื่อคอยให้ท้าย ทำให้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอ!
"สารเลว!" เย่ซินอวี่กำหมัดแน่นและอดไม่ได้ที่จะจัดการหลิ่วจาวเอ๋อร์ให้ได้เสียตอนนี้
"เย่ซินอวี่! แม้ว่าเธอจะไม่ได้ขโมยไข่มุกพระจันทร์แดงไป แต่เธอก็แอบบุกรุกเข้าไปในหอบรรพชนของตระกูลสุ่ยและทำร้ายคนของตระกูลสุ่ยจนบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้เธอคงไม่ปฏิเสธใช่ไหม? หอบรรพชนมีกล้องวงจรปิดอยู่ และในมือของผมก็มีวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่เธอทำร้ายคนของตระกูลสุ่ย หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ เธอยังจะปฏิเสธอะไรได้อีก?" สุ่ยไท่จื่อกล่าวอย่างเย็นชา
"คุณวางแผนทำร้ายฉัน?" เย่ซินอวี่ตัวสั่นสะท้าน
"ซินอวี่ ถอยไป!"
หญิงชราเย่ที่นั่งอยู่ข้างบนก็ตะโกนขึ้น
"คุณย่า?" เย่ซินอวี่หันไปมอง
"บอกให้ถอยไป!" หญิงชราเย่กล่าวอย่างเย็นชา
เย่ซินอวี่จึงจำเป็นต้องถอยไปข้างๆ อย่างจำยอม
"สุ่ยไท่จื่อ คุณคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการยังไง?" หญิงชราเย่หันไปถาม
"คุณท่านเย่ ผมไม่ได้มีเจตนาคิดจะสร้างปัญหา แต่การบุกเข้าไปในหอบรรพชนนั้นมีโทษขั้นร้ายแรง ผมเองก็พลอยถูกคนในตระกูลโมโหเอาได้ เอางี้ พวกคุณมอบเย่ซินอวี่ให้ผมไปจัดการด้วยกฎภายในของตระกูลสุ่ยตกลงไหม?" สุ่ยไท่จื่อกล่าว
"ตามกฎของตระกูลสุ่ยแล้ว สถานการณ์ของเธอต้องลงโทษด้วยวิธีไหนเหรอ?" หญิงชราเย่ถาม
"ผมเองก็ไม่ค่อยรู้อะไร" สุ่ยไท่จื่อหันไปถามคนข้างๆ "กฎว่าไว้ยังไง?"
"ตามกฎแล้วจะต้องถูกฆ่าครับ!" คนของตระกูลสุ่ยกล่าว
"อะไรนะ?"
คนของตระกูลเย่ต่างตกตะลึง
คังฮุ่ยที่เป็นแม่ของเย่ซินอวี่เป็นลมล้มลงทันที
"แม่! แม่เป็นอะไรไป?" เย่ซินอวี่รีบวิ่งเข้าไปประคองด้วยสีหน้าซีดเผือดและตัวสั่นสะท้าน
หญิงชราเย่ไม่พูดอะไรอยู่นาน
"ไม่มีทางที่จะเจรจาได้เลยเหรอ?" สุ่ยไท่จื่อหันไปถามอีกครั้ง
ชายคนนั้นส่ายหน้า "คุณชายเองก็รู้ว่าตระกูลของเราปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด อย่าว่าแต่คนนอก ต่อให้เป็นคนของตระกูลสุ่ยทำผิดก็ไม่ต่างกัน"
"คุณท่านเย่ เรื่องนี้ต้องขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรได้" สุ่ยไท่จื่อถอนหายใจ
"ยังมีวิธีอื่นจัดการปัญหาอีกไหม?" หญิงชราถามอย่างเคร่งขรึม
"อืม...มีทางหนึ่ง!" สุ่ยไท่จื่อแสร้งทำเป็นครุ่นคิดและหัวเราะออกมา "หากคุณท่านเย่มอบใบโพธิ์ประจำตระกูลเป็นการชดเชย ผมคิดว่าทั้งตระกูลสุ่ยคงไม่มีใครคิดจะเอาผิดเย่ซินอวี่ได้อีก!"
ใบโพธิ์?
คนของตระกูลเย่ต่างตกตะลึง
"เกรงว่าที่คุณจงใจใส่ร้ายเย่ซินอวี่ในครั้งนี้ก็เพราะสิ่งนี้ใช่ไหม?" คนของตระกูลเย่คนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา
สุ่ยไท่จื่อชำเลืองมองคนนั้นและกล่าว "ผมได้บอกพวกคุณไปหมดแล้ว พวกคุณเลือกเองแล้วกัน หากไม่ยอมทั้งสองวิธี ตระกุลสุ่ยของผมก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกอย่างแน่นอน!"
เมื่อพูดจบสุ่ยไท่จื่อก็เดินไปข้างหน้าอย่างหุนหัน
ทันใดนั้นเอง พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็เข้าปกคลุมห้องโถง
คนของตระกูลเย่ต่างกระตุ้นพละกำลังเพื่อเตรียมลงมือ
"ช้าก่อน!"
ขณะนี้เอง หญิงชราเย่ก็ตะโกนขึ้นมา
ทุกคนต่างหันไปมอง
หญิงชรามองไปที่สุ่ยไท่จื่อและกล่าวเสียงแหบแห้ง "พ่อหนุ่ม ดูเหมือนว่าคุณจะเห็นจุดอ่อนของฉันและคงรู้ว่าฉันไม่มีทางปล่อยให้หลานสาวของฉันต้องตายไปต่อหน้าต่อตา! งั้นฉันจะมอบใบโพธิ์ให้คุณ!"
"อ๋า?"
คนของตระกูลเย่ต่างตกตะลึง
"ฮ่าๆ คุณท่านเย่ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนฉลาด! องค์โพธิธรรมเป็นเพียงสมบัติภายนอกที่หาใหม่เมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าเย่ซินอวี่เป็นอะไรไปจริงๆ ก็คงไม่มีใหม่อีก!" สุ่ยไท่จื่อหัวเราะชอบใจ
"ส่งคนมานี่ ไปเอาใบโพธิ์! มอบให้ตระกูลสุ่ย!" หญิงชราเย่กล่าวอย่างอ่อนล้า
"เอ่อ...."
"ซินอวี่! ! !"
คนของตระกูลเย่ต่างพากันวิ่งเข้ามาอย่างเศร้าโศกและโมโห
คังฮุ่ยที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าก็เป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง
หญิงชราเย่เดินไปข้างหน้าและมองกลุ่มคนที่รายล้อมเย่ซินอวี่ด้วยสีหน้าซีดเผือด
หญิงชรากำหมัดแน่นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและโมโห
เธอค่อยๆ หันไปจับจ้องสุ่ยไท่จื่อ
สุ่ยไท่จื่อรู้สึกกดดันอย่างมาก
แม้ว่าหญิงชราจะมีอายุมากแล้ว แต่ความน่าเกรงขามและความทะเยอทะยานของเธอไม่กลับไม่เคยลดลง ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลเย่ หญิงชราเย่ก็คอยช่วยเหลือกิจการทุกอย่างของตระกูลอย่างดีเสมอมา และผ่านร้อนผ่านหนาวมาต่างๆ นานา และแม้ว่าสุ่ยไท่จื่อจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจคนต่อไปของตระกูลสุ่ย แต่ในสายตาของหญิงชราเย่แล้วนั้นเขากลับไม่กล้ากระทำล่วงเกินอะไรเท่าไรนัก
"ยังไม่รีบไสหัวไปอีก?" หญิงชราเย่ตวาดออกไปอย่างเกรี้ยวกราด
สุ่ยไท่จื่อทำหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับหันไปกล่าว "ไปกันเถอะ!"
คนของตระกูลสุ่ยต่างหันหลังเดินออกไป
และเมื่อเดินไปถึงหน้าประตู สุ่ยไท่จื่อก็หยุดชะงักและอดไม่ได้ที่จะหันกลับไป "ตระกูลเย่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติและหายนะกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า! หากยังฝืนต่อไปแบบนี้ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน มอบใบโพธิ์มาให้ผม ไม่แน่ตระกูลสุ่ยของผมอาจสามารถช่วยให้พวกคุณผ่านพ้นหายนะครั้งนี้ไปได้!"
"หลานสาวของฉันตายไปแล้วและฉันก็จิตใจแหลกสลาย! ในเมื่อเธอไม่ยอมมอบใบโพธิ์ให้คุณ งั้นต่อให้ตระกูลเย่ต้องถูกทำลาย คุณก็ไม่มีทางได้สิ่งนี้ไปครอง! ฝันไปเสียเถอะ รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้! " หญิงชราเย่กล่าวอย่างเยือกเย็น
"คุณ...ฮึ! งั้นก็ดูว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย!"
สุ่ยไท่จื่อหันหลังเดินออกไปด้วยแววตาที่เกรี้ยวกราดและชั่วร้าย
คนของตระกูลสุ่ยเดินทางกลับ
คนของตระกูลเย่ต่างรีบพาตัวของเย่ซินอวี่ไปรักษา
"รีบไปเชิญหมอเทวดาที่ที่สุดในหลงชวนมาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า! !" หญิงชราเย่ตะโกนเสียงดัง
ทุกคนต่างวิ่งออกไป
เพียงครึ่งชั่วโมง หญิงสาวอายุราวๆ สามสิบปีที่สวมชุดกาวน์สีขาวและสวมแว่นตากรอบดำก็วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นเย่ซินอวี่ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ในห้องโถงก็แสดงสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปและหยิบเข็มเงินออกมาฝังเข็ม
คนของตระกูลเย่ที่อยู่รอบๆ ต่างไม่กล้าหายใจ
หลังจากนั้น หมอเทวดาอันก็เก็บเข็มเงินและส่ายหน้า "ขอโทษด้วย คนไข้ได้หมดลมหายใจลงแล้ว ฉัน....ฉันไม่สามารถทำให้เธอฟื้นขึ้นมาได้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...