สายลมพัดโชยมาเบาๆและเสื้อคลุมสีขาวที่ลอยขึ้น
ร่างกายที่ดื้อรั้นยังคงเหม่อมองไปในที่ไกลๆ แสงจากหลอดไฟที่ส่องผ่านร่างของเขายิ่งทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้า
ท้องฟ้าและโลกดูเหมือนจะถูกบดบังจนมืดมิดด้วยร่างนี้
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ผู้หญิงในชุดแดงคนหนึ่งก็เข้ามาอย่างเงียบๆ
ข้างหลังเธอมีผู้ชายผมกระเซอะกระเซิง
ทันทีที่ชายคนนั้นมาถึงก็คุกเข่าลงบนพื้นราวกับว่าเห็นเทพเจ้าตัวจริง เขาตัวสั่นอย่างบ้าคลั่ง มีน้ำมูกและน้ำตาไหลอาบใบหน้า
“เสียสติไปแล้ว”
ชายในชุดขาวยืนอยู่บนขอบหน้าผากล่าวอย่างนิ่งสงบ
แต่คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไม่ได้หยุดการกระทำของตนเอง และยังคงก้มหน้าร้องไห้ต่อไป
ชายในชุดขาวดูเหมือนจะพอมีสติขึ้นมาบ้าง เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วเม้มริมฝีปากล่าง
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถามอย่างใจเย็นว่า "พวกเธอกลับมาแล้วหรือ?"
“ทุกคนกลับมาแล้ว ยกเว้นฉีหานซวง” หญิงในชุดแดงพูดอย่างใจเย็น
“เขาอยู่ที่ไหน?”
หญิงชุดแดงไม่พูดอะไร ลังเลอยู่ครู่หนึ่งหันหลังแล้วโบกมือ
ทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาจากด้านหลัง ทว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนหามโลงศพที่เย็นเฉียบและวางไว้ตรงที่โล่งข้างหน้าพวกเขาอย่างนอบน้อม
รวมทั้ง5ร่าง!
เมื่อเปิดฝาโลงศพ มีศพที่เย็นชืดของจอมทัพอาวุโสห้าอยู่ข้างใน
ชายในชุดขาวไม่ขยับเขยื้อน ไม่หันศีรษะ และยังคงมองออกไปในที่ไกลๆ
ทว่าทั่วทั้งใต้หล้ากลับรู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกเกิดขึ้น
ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังร่ำไห้
ราวกับว่าแผ่นดินกำลังคำราม
“ท่านผู้นำ หมอเทวดาเจียงเฉิงหลินจิตใจกล้าหาญและเหี้ยมโหดที่สุด เขาต่อต้านภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเราโดยไม่สนใจอะไร ท่านผู้นำโปรดออกคำสั่งทันที ระดมพลังทั้งหมดของภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหั่นศพของหมอเทวดาหลินคนนั้นออกเป็นพันๆ ชิ้น ทำลายล้างเจียงเฉิงและเอาเลือดหยาหัวออกมา "
คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นร้องตะโกนเสียงดัง
ชายในชุดขาวไม่พูดอะไร ยังคงจ้องมองไปในระยะไกลอย่างเงียบๆ
หญิงในชุดแดงก้าวไปข้างหน้าเบาๆ ใช้มือเรียวลูบไล้ไหล่ของเขาและเอนร่างอันอ่อนนุ่มไปซบแอบอิงช้าๆ แล้วกระซิบข้างหูของเขาว่า "เด็กๆ เหล่านี้คือความพยายามอันอุตสาหะของท่าน ไม่ต้องห่วง ฉันจะต้องให้หมอเทวดาหลินต้องชดใช้ ข้าสัญญา!"
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความโหดร้าย
"ชีวิตของปันหลานและเหยียนเจินจบสิ้นลงแล้ว จากนี้ก็ได้เห็นแล้วว่า กุยอีได้ใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถฆ่าหมอเทวดาหลินได้ มันพิสูจน์ให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของ หมอเทวดาหลินนั้นไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เราคิดไว้"
“แล้วไงล่ะ? ครั้งนี้ฉันจะออกไปด้วยตัวเอง ยังจะฆ่าเขาที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งไม่ได้อีกงั้นเหรอ?” หญิงในชุดแดงกระซิบ
“ให้ฉันไปเถอะ” ชายในชุดขาวพูดเบาๆ
"ท่านไม่เชื่อใจฉันเหรอ คิดว่าฉันจะจัดการกับมดตัวนึงไม่ได้งั้นเหรอ? ตอนนี้ท่านอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต หากหยุดและออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะไม่สูญเปล่าหรือ?
ยากลำบากมาหลายปีขนาดนี้ ผลลัพท์จะต้องไม่สูญเปล่า ท่านจะต้องกลายเป็นเทพตัวจริงคนแรกและเพียงคนเดียวบนโลก มิฉะนั้น ความคาดหวังของฉันตลอดเวลาหลายปีก็จะสูญเปล่าเช่น
กัน”
ผู้หญิงในชุดสีแดงพูดเบาๆ แต่ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ชายในชุดขาวหลับตาและพูดเสียงแหบพร่า "เธอรู้จักแดนมรณะหรือไม่?"
"ท่านหมายถึง?"
"ข้าชอบวิธีการการจัดการสิ่งต่างๆของแดนมรณะมาก ความตายไม่ใช่การลงโทษ แต่การทรมาณจิตใจตัวเอง...นั่นคือวิถีแห่งราชา"
มุมปากของหญิงในชุดสีแดงยกขึ้นเล็กน้อย "ไม่ต้องกังวล ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร"
เสียงล้มลงกับพื้ นและร่างนั้นก็หายไปอย่างเงียบ ๆ
ชายคนนั้นมองไปในระยะไกลอีกครั้ง แต่ม่านตาของเขาเต็มไปด้วยจิตอาฆาต
“สั่งการลงไป เพื่อยกระดับคำสั่งสังหารเจียงเฉิงให้ลงมือได้เต็มที่ นอกจากนี้เร่งการสร้างสนามต่อสู้ สนามต่อสู้จะต้องเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์! หากสร้างไม่เสร็จ ทุกคนที่สร้างสนามต่อสู้จะต้องตาย!"
"ขอรับ ท่านผู้นำ!"
คนด้านล่างรีบก้มหัว แล้วจากไปอย่างรีบร้อน
แม้ว่าจอมทัพจะพ่ายแพ้ แต่หลินหยางรู้ว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่กุยอีพูดไว้ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เทียนเจียวสูงสุดจะไม่มีวันปล่อยมันไปง่ายๆ!
"หลินหยางไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปนะ แต่เป็นเพราะเมื่อเร็วๆนี้บริษัทหยางหัวกำลังประสบปัญหา ทำกำไรได้ไม่ค่อยดีนัก และหลายโครงการกับบริษัทของเราก็ต้องยุติลง แล้วแบบนี้ฉันจะไปไหนได้ยังไงล่ะ?" ซูเหยียนถอนหายใจ
"งั้นเหรอ?"
หลินหยางชะงัก แล้วค่อยๆรู้สึกตัว
ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะจัดการกับแดนมรณะหรือจัดการกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ล้วนต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรทางการเงินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ชวี่เจิ้งยังลงทุนจำนวนมากในการวิจัยและพัฒนาโครงการต่า ๆ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาด้านการเงินมากมายในบริษัทหยางหัว
เรื่องนี้หม่าไห่ได้รายงานให้กับหลินหยางแล้วหลายครั้ง แต่หลินหยางถ้าไม่ยุ่งอยู่กับการฝึกฝนปรุงยา ไม่ก็แก้ปัญหาเรื่องเจียงเฉิง ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หม่าไห่พยายามอย่างหนัก ยืนหยัดเพื่อหยางหัวบริษัทใหญ่ยักษ์ ไม่ปล่อยให้มันพังทลาย
หลินหยางดูเครียดและพยักหน้า"ฉันรู้จักเสี่ยวเหยียนดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันไปพักผ่อนก่อนแล้วกันนะ"
"โอ้ ดีๆ..." ซูเหยียนยังคงสับสน แต่หลินหยางก็เข้ามาในห้อง
“นายคนนี้ มีอะไรกันแน่?”
ซูเหยียนมองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
เช้าวันรุ่งขึ้นหลินหยางรีบไปที่บริษัทหยางหัว
“ประธานหลิน?”
เมื่อเห็นหลินหยางมาอย่างกระทันหัน หม่าไห่ก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย
ช่วงนี้ เขาทำงานล่วงเวลาทุกวันติดต่อกัน เพื่อจัดการกับกิจการของบริษัท ดังนั้นรอยคล้ำใต้ตาของหม่าไห่จึงปรากฏขึ้นมา ทำให้ดูซีดเซียวเป็นพิเศษ
เขาค้างคืนที่บริษัทอีกแล้วเมื่อคืนนี้
แต่ก็ยังไม่มีทางเลือกอื่น มีงานอีกมากมายรอให้จัดการจนไม่มีเวลากลับไปพักผ่อน
"รายงานสถาณการณ์การเงินและโครงการล่าสุดของบริษัทให้ฉันที"
หลินหยางนั่งบนที่นั่งประธานและพูดตรๆง
“ครับ ประธานหลิน”
หม่าไห่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ยังวิ่งลงไป
หลังจากนั้นไม่นาน หม่าไห่และเลขาฯ ก็ได้นำเอกสารหลายร้อยชุดไปวางที่โต๊ะ
เมื่อมองไปที่เอกสารที่กองเหมือนภูเขาตรงหน้าเขา หลินหยางก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...