"ผู้นำพันธมิตร!"
เมื่อเห็นสถานการณ์ด้านในห้องโถง ฉู่ชิวและคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าร้อนรนใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน และร้องตะโกนเสียงดัง
สีหน้าของราชินีแห่งเทียนฉือเปลี่ยนไปมาก
"น่ารังเกียจจริงๆ กองทัพองครักษ์ช่างไม่เอาไหนเลยใช่ไหม? นึกไม่ถึงว่าจะจัดการคนเหล่านี้ไม่ได้!"
ผู้อาวุโสกัดฟันกล่าวอย่างเย็นชา
"ตอนนี้มีปัญหาเพิ่มแล้ว! ทุกท่าน ฉันคิดว่าเราจัดการคนกลุ่มนี้ก่อนดีกว่า! ปล่อยคนคนนั้นในม่านพลังไปก่อน!"
หัวหน้าอาวุโสกล่าวอย่างเคร่งขรึม หยุดการกระตุ้นพลัง และเตรียมที่จะลงมือ
ราชินีแห่งเทียนฉือก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีทางถอยแล้ว จึงทำได้เพียงจัดการกลุ่มของฉู่ชิวให้ล่าถอยไปเท่านั้น
แต่ในเวลานี้ จู่ๆ หลินหยางที่อยู่ในม่านพลังก็ตะโกนออกมา
ฉู่ชิว พวกคุณ ไปรออยู่ด้านนอกตำหนักเถอะ!"
ฉู่ชิว อ่าวเวยอินและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
"ผู้นำพันธมิตร คนของเทียนฉือมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว พวกเขาใช้ม่านพลังกักขังท่านไว้ พวกเราจะช่วยท่านแก้ไขการปิดล้อมให้ได้!"
หวางอี้เซิงถือดาบและตะโกนกล่าว
"ไม่ต้องหรอก"
หลินหยางจ้องมองข้อจำกัดด่านที่สี่ และกล่าวอย่างเย็นชา : "ม่านพลังโบราณนี้ให้ความรู้กับฉันมากมาย คุณเพียงแค่ไปรออยู่ด้านนอกประตู และอย่ามารบกวนฉันก็พอ เข้าใจไหม?"
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มองหน้ากันไป มองหน้ากันมา ในท้ายที่สุดยังคงไม่กล้าฝ่าฝืนความต้องการของหลินหยาง จึงถอยออกไปอยู่ด้านนอกประตูตามๆ กัน
คนของเทียนฉือก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ฝ่าบาท แซ่หลินคนนี้คิดจะทำอะไรกัน? หรือว่า.....เขาต้องการทำความเข้าใจข้อจำกัดด่านที่สี่?"
คนข้างๆ เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ราชินีแห่งเทียนฉือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา : "ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เขาก็เป็นคนรนหาที่ตายเอง! พวกคุณรีบรวบรวมพลังชี่ เพื่อรักษาม่านพลังเอาไว้ และหลอมละลายเขาซะ!"
"ฝ่าบาท เอ่อ.....เวลานี้มันไม่เพียงพอแล้ว ดูจากความรวดเร็วของคนคนนี้ที่ทะลวงผ่าข้อจำกัดทั้งสามด่านมาได้ เขาน่าจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะสามารถทำลายม่านพลังที่สี่ได้เช่นกัน แต่เราต้องการหลอมละลายเขาโดยสิ้นเชิง อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาสามชั่วโมงขึ้นไป เราจะทำได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขาถูกหลอมละลายทีละน้อยๆ ยอดฝีมือของพันธมิตรชิงเซวียนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้นจะมองดูตาปริบๆ เหรอ? ฝ่าบาท พวกเรา.....ไม่สามารถฆ่าผู้นำพันธมิตรหลินได้อีกแล้ว!"
คนคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
แต่ราชินีแห่งเทียนฉือไม่ยอมพ่ายแพ้
เธอจ้องมองหลินหยาง และกล่าวอย่างเย็นชา : "ฉันจะสังเวยพลังวังชาของฉัน! เพื่อเลื่อนขั้นการหลอมละลายม่านพลังให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ภายในหนึ่งชั่วโมง มันจะหลอมเขาจนตายอย่างรวดเร็ว!"
"สังเวยพลังวังชา?"
ผู้คนต่างขนหัวลุก
"ฝ่าบาท ไม่ได้นะ! หากเป็นเช่นนั้น การฝึกฝนของท่านจะไม่ถูกทำลายจนหมดหรอกเหรอ?"
"เพื่อเทียนฉือแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะตายแล้วยังไงล่ะ? พวกคุณอย่าลังเลใจอีกเลย! รีบรวบรวมพลังชี่เร็วเข้า!"
ราชินีเทียนฉือตะโกนกล่าว จากนั้นก็กัดนิ้วมือที่ราวกับหยกโดยตรง และใช้นิ้วมือที่เปื้อนเลือดวาดภาพลงบนแขนที่ขาวราวกับรากบัว
เหมือนเธอกำลังวาดยันต์ตราประทับอะไรบางอย่าง
หลังจากวาดเสร็จ ตราประทับเหล่านั้นเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง จากนั้นกลุ่มควันก็พุ่งออกมาจากผิวหนังของเธอ
กรี๊ด!"
ราชินีเทียนฉือร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
แต่เธอก็อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และรวบรวมพลังชี่ปล่อยไปยังม่านพลังต่อไป
ครั้งนี้ ลมปราณทั้งหมดของเธอที่หลั่งไหลออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีเหลืองทอง!
มันราวกับพลังแห่งสวรรค์ของเทพเซียนแห่งแผ่นดินที่ปลดปล่อยออกมาก็ไม่ปาน
"เธอกำลังสังเวยพลังวังชาอยู่!"
ฉับพลันตู๋กูเวิ่นก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงตะโกนออกมาทันที
ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป
"ขัดขวางเธอไว้!"
"บุก!"
ผู้คนไม่กล้าลังเลใน และต้องการจะบุกเข้าไปในตำหนัก
"คำพูดของฉัน ยังต้องพูดซ้ำเป็นครั้งที่สองอีกเหรอ?"
จู่ๆ หลินหยางก็ลืมตาขึ้นมา ในแววตาเผยให้เห็นความเคร่งขรึม และตะคอกออกมาโดยตรง
ทุกคนตัวแข็งทื่อทันที และมองอย่างตะลึงงัน
"ผู้นำพันธมิตรหลิน...."
"รออยู่ด้านนอก! ไม่มีคำสั่งของฉัน ใครก็ห้ามเข้ามาซี้ซั้ว!"
เมื่อเห็นว่าหลินหยางหยุดอ่าวเวยอิน ฉู่ชิวและคนอื่นไว้ที่นอกประตู คนของเทียนฉือก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
"เคยเจอคนโง่นะ แต่ไม่เคยเจอใครโง่ขนาดนี้!"
"เกรงว่าเขาจะไม่ทราบว่าฝ่าบาทกำลังทำอะไรอยู่?"
"แม้แต่พลังวังชาฝ่าบาทก็เอาออกมาสังเวย และละทิ้งการฝึกฝนทั้งหมดของร่างกาย คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังคงประมาทเลินเล่อเช่นนี้ ไม่เพิ่มการป้องกัน ดูเหมือนว่า วันนี้เทียนฉือของเราจะสังหารเทพได้แล้วจริงๆ!"
"ไอ้หมอนี่จะต้องตาย! จะต้องตาย!"
ในแววตาของทุกๆ คนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แต่ละคนดูตื่นเต้นและดีใจ
พร้อมกับการฝึกฝนของราชินีแห่งเทียนฉือที่ค่อยๆ หมดไป การกัดกร่อนในม่านพลังก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นหลายสิบถึงหลายร้อยเท่า
รอยแตกบนเนื้อหนังของหลินหยางใหญ่มากขึ้น และเลือดสดๆ ก็รินไหลออกมา
ร่างของเทพเซียน ได้ถูกการกัดกร่อนนี้เข้ามารุกราน
คนที่อยู่ด้านนอกประตูเบิกตาโพลงจ้องมองฉากนี้ แต่ละคนต่างอกสั่นขวัญแขวน และขนหัวลุกชูชัน
แต่หลินหยางกลับไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย เขายังคงยืนอยู่ตรงหน้าข้อจำกัดด่านที่สี่ ด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้ว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผล เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
"หึ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเทพเซียนแล้วยังไงล่ะ? ความอวดดีของคุณ ก็คือจุดอ่อนที่สุดของคุณ! วันนี้ ฉันจะสละการฝึกฝนในร่างกายนี้ เพื่อสังหารเทพให้ดู!"
ดวงตาของราชินีแห่งเทียนฉือมีความฮึกเหิมและไร้ความปรานีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และจุดไฟพลังวังชาทั้งหมดของร่างกายโดยตรง
ฟรึ่บ! ฟรึ่บ! ฟรึ่บ.....
ควันสีขาวทะลุผ่านเสื้อผ้าของเธอ พวยพุ่งขึ้นไปในอากาศ เมฆหมอกนั้นขับให้เธอดูเด่นขึ้นมา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สุดยอดลูกเขยของเทพธิดา
ทำไมขาดๆหายๆ...
อยากอ่านต่อครับ...
ลงวันละ10ตอนไม่ได้เหรคับ 5ตอนมันน้อยไป กว่าจะอ่านจบลืมหมดพอดี...
อ่านสนุกนางเอกค่อนข้างโง่ซื่อบื้อ...
อยากอ่านต่อ...
เขียนดีอ่านสนุกครับ...
D...
ทำไมบางตอนเนื้อหาหายไปหมดเหลืออยู่แค่ไม่ถึง6บรรทัดเลย...
หลินหยาง...ผมอยากบอกว่า คุณมันกระจอก 5555...
บทหาย...