ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 13

สรุปบท บทที่ 13 ตรวจสอบตระกูลหลิน: ศึกเดือด มหากาฬ

สรุปตอน บทที่ 13 ตรวจสอบตระกูลหลิน – จากเรื่อง ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 13 ตรวจสอบตระกูลหลิน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ศึกเดือด มหากาฬ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ภายในตระกูลหลินในตอนนี้ หลินเจิ้นหลงหนังอยู่บนตำแหน่งหลัก ด้านล่างมีผู้คนนั่งอยู่ไม่น้อย

ตามด้วยทายาทหลักสายตรงตระกูลหลิน ตระกูลย่อย คนแซ่อื่น

สุดท้ายเป็นคนจากตระกูลอื่น และคนในวงธุรกิจ

“นายท่านตระกูลหลิน ตอนนี้พวกเรายังไม่ต้องรีบไปที่เขาติ้งจุนเหรอครับ? อิทธิพลและผู้คนของเมืองฉือส่วนมากได้เดินทางไปที่นั่นแล้ว”

ผู้นำของตระกูลที่มีธุรกิจของครอบครัวที่มีอิทธิพลพอสมควรเอ่ยถามเสียงเบา

คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน

บอกว่าจะต้องเดินทางไปที่ตำหนักมังกรหยกบนเขาติ้งจุนไม่ใช่หรอกเหรอ ทำไมตอนนี้ทุกคนยังพักผ่อนอยู่ที่นี่อีกล่ะ

ที่สำคัญก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขายังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า ทำไมตระกูลหลินต้องใช้กฎบัญชาสามตรา

“ไม่ต้องรีบ”

หลินเจิ้นหลงกล่าวอย่างเรียบง่าย

อาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขามาถึงตอนนี้ยังไม่หายดี แถมยังได้สูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง ทำให้คนภายนอกครอบครัวที่อยู่ตรงนั้นเห็นแล้วรู้สึกตกตะลึง

ที่สำคัญก็คือ เดิมทีตระกูลหลินมีผู้อาวุโสอยู่ห้าท่าน แต่ในวันนี้บาดเจ็บหนัก สองท่านไร้ร่องรอย

ตระกูลหลิน ได้เผชิญหน้ากับศัตรูแบบไหนกันแน่!

สำหรับเรื่องนี้ หลินเจิ้นหลงเองก็มองความคิดของทุกคนออก เลยเอ่ยขึ้นมาทันที: “เมื่อได้เห็นความเสื่อมโทรมของผมแล้ว พวกคุณไม่จำเป็นต้องกังวล”

“ครั้งนี้ ตระกูลหลินของพวกเราได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งพอสมควร แต่อย่างมากก็แค่ระดับตระกูลวัง ยังไม่เพียงพอที่จะตัดกำลังตระกูลหลินของพวกเราได้”

“ดังนั้นถ้าหากมีใครกล้าตุกติกล่ะก็ รอน้องสามของฉันกลับมา มันจะทำให้พวกคุณรู้ว่าผลที่ตามมานั้นร้ายแรงแค่ไหน”

“ซี๊ดดดด!”

เป็นเจ้าสามแห่งตระกูลหลินอีกแล้ว!

ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างหัวใจสั่นสะท้าน

พวกเขาต่างก็รู้ว่า เจ้าสามแห่งตระกูลหลินได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการของกองทหารโหวยี่ในหน่วยทหารตะวันออกเฉียงใต้ พลังอำนาจล้นเหลือ สามารถล้มล้างเมืองฉือได้ทั้งเมือง

และก็เพราะอาศัยท่านนั้น ตระกูลหลินจากที่เคยเป็นตระกูลชั้นต่ำ ถึงได้เติบโตมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองฉือได้ภายในระยะเวลาเพียงยี่สิบปี!

แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้

หรือว่า ศัตรูที่ตระกูลหลินเผชิญหน้าในครั้งนี้ จะเป็นบุคคลใหญ่โตจากเมืองเอก?

ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ภายในเมืองฉือ ใครจะสามารถให้ตระกูลหลินใช้กฎบัญชาสามตราได้ แถมยังได้เชิญท่านชายสามแห่งตระกูลหลินท่านนั้นกลับมาอีกด้วย!

“ไม่ใช่คนจากเมืองเอก เป็นคนจากหน่วยทหารคนหนึ่ง”

ในตอนนี้เอง ท่านผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลหลินก็ได้เอ่ยขึ้น

บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทำให้ทุกคนชะงักงันไปทันที

คนของหน่วยทหาร?

มิน่าท่านชายสามแห่งตระกูลหลินถึงได้ถูกเชิญกลับมา

“แต่ว่าถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นคนของหน่วยทหาร แต่ขอเพียงท่านชายสามกลับมา ไม่ว่าจะเป็นมังกรหรือเป็นเสือ ล้วนต้องกลายเป็นลูกแพะที่กำลังจะถูกเชือดทันที”

“ถูกต้อง ท่านชายสามเป็นถึงบุคคลใหญ่โตในหน่วยทหารตะวันออกเฉียงใต้ ในมือมีทหารโหวยี่ที่แข็งแกร่งอยู่นับหมื่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องยอมจำนนให้กับตระกูลหลินอย่างว่าง่าย”

“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าสมองของอีกฝ่ายเป็นยังไง ถึงได้กล้าล่วงเกินตระกูลหลิน มันเป็นการรนหาที่ตายเองชัด ๆ”

“จุดประสงค์ของตระกูลหลินในครั้งนี้ มันไม่ง่ายอย่างแค่กดหัวศัตรูคนนี้แน่ เกรงว่าพวกเขาต้องการใช้โอกาสในครั้งนี้กำจัดพวกตระกูลวังที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งพวกนั้นให้สิ้นซากไปด้วย หรือแม้กระทั่งถือโอกาสนี้เดินทัพเข้าสู่เมืองเอก”

“เมื่อเป็นแบบนี้ล่ะก็ เมืองฉือก็จะกลายเป็นลานหลังบ้านของตระกูลหลิน และทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราได้รับ มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นทรัพยากรที่ตระกูลหลินให้เพื่อพิชิตเมืองเอก”

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เหล่าอิทธิพลน้อยใหญ่ต่างรู้ไม่พอใจนัก

แต่ต่อให้ไม่พอใจยังไง ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาสักคำ

ไม่อย่างนั้นล่ะก็ พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนกับตระกูลวังที่คัดค้านตระกูลหลินพวกนั้น ถูกลบล้างรายชื่อออกไปจากเมืองฉือโดยสิ้นเชิง

หลินเจิ้นหลงนั่งอยู่บนตำแหน่งสูง เป็นธรรมดาที่จะสามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าอิทธิพลน้อยใหญ่ได้อย่างชัดเจน

หลินเจิ้นหลงเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดลงมาเล็กน้อย

เขาเองก็คาดไม่ถึงจุดนี้เช่นกัน

หลังจากที่ได้ครุ่นคิดอยู่สักระยะ เขาก็ได้กล่าวออกมา: “ให้พวกเขาตามไป แต่เรื่องราวที่ต้องดำเนินการหลัก ๆ แล้ว ให้เขาไปคุยกับน้องสามและตระกูลกวน”

เรื่องมาถึงตอนนี้ ได้ถึงขั้นเกาทัณฑ์เมื่อขึ้นสายจะไม่ยิงไม่ได้แล้ว

เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่มีทางหยุดการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพียงเพราะกรมอนามัยและความปลอดภัย

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้เขาจะยำเกรงกรมอนามัยและความปลอดภัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางที่จะหวาดกลัวมาก เพราะยังไงก็ยังมีน้องสามของตัวเองอยู่ด้านหลัง

แต่เขาไม่รู้ว่า อธิบดีกรมอนามัยและความปลอดภัยหยางเหลียนหลงที่ได้รับคำตอบ ตอนนี้กำลังโมโหลุกเป็นไฟ

“เยี่ยมนี่หลินเจิ้นหลง ตระกูลหลินนี่เยี่ยมจริง ๆ

“คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดคำพูดแบบนี้ออกมา คิดว่าตัวเองสามารถปิดท้องฟ้าได้ด้วยมือเดียวจริง ๆ งั้นเหรอ!”

เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ

ลูกน้องตำแหน่งรองคนหนึ่งได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ท่านอธิบดีครับ ตระกูลหลินมีอิทธิพลใหญ่โตจริง ๆ อีกอย่างเกรงว่าครั้งนี้ยังจะเคลื่อนทัพไปที่เมืองเอกด้วย ดังนั้นจึงต้องทำการชำระล้างวงการการค้าของเมืองฉือ ทันทีที่สำเร็จ อิทธิพลของตระกูลหลินก็กระจายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด พวกเราไม่สามารถล่วงเกินได้”

“นายจะเข้าใจอะไร!”

หยางเหลียนหลงตวาดออกมา

คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แค่สุดท้ายก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ทำได้เพียงถอนหายใจยาว ๆ หนึ่งครั้ง

“แม้แต่กององครักษ์ของทางเมืองเอกยังได้ออกเคลื่อนไหวแล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องของตระกูลหลินงั้นเหรอ?”

“จากความหมายของหัวหน้าองครักษ์ท่านนั้น เกรงว่าเรื่องในครั้งนี้จะมีบุคคลใหญ่โตที่มีอำนาจล้นเหลือท่านหนึ่ง ที่แม้แต่ผู้ว่าการยังหวาดเกรงปรากฏตัวขึ้น และเป้าหมายก็คือตระกูลหลิน!”

“เดิมที่ฉันแค่อยากจะเตือนให้ตระกูลหลินทำอะไรรู้จักบันยะบันยัง แต่ไอ้หมอนั้นยังดึงดันจะเดินหน้าอย่างไม่รู้จักเป็นตาย งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่รักษาน้ำใจแล้วกัน”

คิดถึงตรงนี้ เขาก็ได้ออกคำสั่งที่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของกรมอนามัยและความปลอดภัยอกสั่นขวัญแขวน

“ติดต่อไปยังหน่วยการคลังในเมืองของเรา รวมทั้งกรมการคลังในเมืองเอก ตรวจสอบตระกูลหลินอย่างละเอียด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ