ตอน บทที่ 14 หลินเจิ้นเป้า น่าเสียดาย จาก ศึกเดือด มหากาฬ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 14 หลินเจิ้นเป้า น่าเสียดาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ศึกเดือด มหากาฬ ที่เขียนโดย Light-Knight เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“ท่านอธิบดีครับ นี่ท่าน......”
พวกท่านรอง และผู้บริหารระดับสูงต่างก็หน้าเปลี่ยนสี
นี่ จะล่วงเกินตระกูลหลินให้ตายไปเลยจริง ๆ งั้นเหรอ!
แต่หยางเหลียนหลงเพียงกล่าวสั่งสอนอย่างจริงใจ: “ทางที่ดีพวกคุณทำตามที่ผมบอก ไม่อย่างนั้นละก็พอถึงตอนนั้นถ้าพวกคุณโชคร้ายขึ้นมา ไม่มีใครช่วยพวกคุณได้”
“ช่างเถอะ ผมจะเปิดเผยข้อมูลเล็กน้อยให้พวกคุณทราบ ความจริงแล้วกองกำลังหลักที่ปิดเขาติ้งจุนในครั้งนี้ ไม่ใช่กรมอนามัยและความปลอดภัยแห่งเมืองฉือของพวกเราหรอกนะ แต่เป็นหน่วยองครักษ์ที่มาจากเรือนผู้ว่าการแห่งเมืองเอก!”
“นอกจากนี้แล้ว ยังมีกำลังพลตำรวจกว่าครึ่งของกรมอนามัยและความปลอดภัยของสีเมืองทางภาคใต้ของชิงชวน ความรุนแรงของเรื่อง จะทำให้เมืองฉือต้องเผชิญหน้ากับการกวาดล้างครั้งใหญ่จริง ๆ แต่ไม่ใช่ตระกูลหลินที่เป็นผู้ริเริ่มอย่างแน่นอน”
“ในทางกลับกัน ที่จะถูกกวาดล้าง ก็คือสมาคมแห่งเมืองฉือที่มีตระกูลหลินเป็นผู้นำนั่นเอง!”
“ตึง!”
ถึงคนต่างตกใจกับข่าวนี้จนพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
หยางเหลียนหลงเองก็พอใจกับปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่เวลาไม่คอยท่า เขาตะโกนขึ้นมาทันที: “รีบไปเร็ว!”
รอจนทุกคนจากไป หยางเหลียนหลงมองผ่านกำแพงกระจกใส ไปยังภูเขาสูงตระหง่านที่อยู่ไกลออกไปลูกนั้น
และพึมพำกับตัวเองออกมาหนึ่งประโยค——
“เมฆฝนกำลังจะมาลมผัดกระหน่ำไปทั่วทั้งตึก”
“หวังเพียงว่า เรื่องราวจะไม่ใหญ่โตมากจนเกินไป”
แต่หยางเหลียนหลงนับเป็นข้อยกเว้น ส่วนข้าราชการส่วนอื่น ๆ ของเมืองฉือล้วนไม่รู้เรื่องอะไร ต่างก็พากินเริ่มสนทนาหารือกับตระกูลหลิน หวังว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลหลินได้
เพราะยังไง ในเมืองฉือนั้นตระกูลหลินก็มีอิทธิพลมาก โดยเฉพาะในแวดวงการค้า ใครก็ตามต่างก็ต้องเห็นแก่หน้าไม่มากก็น้อย
ด้วยเหตุนี้ หลินเจิ้นหลงยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“คิดไม่ถึงว่าหยางเหลียนหลงจะกล้าเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ และยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอีก เหอะ ๆ”
บนมุมปากของเขามีความดูถูกเหยียดหยามปนอยู่
ไม่สนหรอกว่าเขาจะมียศถาบรรดาศักดิ์อะไร ยังไงก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของน้องสามของตัวเองอยู่แล้ว!
ยิ่งคิดแบบนี้ เขายิ่งตื่นเต้นดีใจอย่างอดไม่ได้
เขาหันกลับไปมองคนตระกูลหลินและกองกำลังน้อยใหญ่ที่ติดตาม เขาโบกมือหนึ่งครั้ง
“คืนนี้ ถูกกำหนดแล้วว่าเป็นคืนที่ไม่สงบ”
“พวกคุณไปกวาดล้างตำหนักมังกรหยกนั่นพร้อมกับผม กวาดล้างทุกคนที่คิดเป็นปรปักษ์กับพวกเรา เพียงแค่เท่านี้ ตระกูลหลินของเราก็จะถูกกำหนดให้เป็น ใหญ่ในเมืองฉือ และพวกคุณก็จะเป็นผู้มีความดีความชอบในยุคสมัยนี้!”
“เป็นยังไงบ้าง?!”
ทันทีที่พูดจบ ตัวแทนของกองกำลังทั้งหมดที่ติดตามต่างกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
ผู้มีความดีความชอบ?
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นใช่หรือไม่
แม้กระทั่งมีโอกาสที่จะติดตามตระกูลหลิน ก้าวย่างเข้าสู่เมืองเอก!
มองความคิดของคนพวกนี้ออก ภายในใจของหลินเจิ้นหลงเพียงรู้สึกตลก
จุดประสงค์ของเขาก็เพียงเพื่อให้ตระกูลหลินได้ยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงที่สุด
ส่วนพวกคนภายนอกตระกูลในอนาคตจะเป็นยังไงนั้น ไม่เคยอยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเขาเลยสักนิด
กลับเป็นตระกูลวังที่มีค่าพอให้เขาให้ความสำคัญบ้าง ส่วนคนพวกนี้ ไม่คู่ควรแก่การเอ่ยถึง!
เพียงแต่ว่าสิ่งที่หลินเจิ้นหลงไม่รู้ก็คือ ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ต่างอยู่ภายใต้สายตาของเฉินอี
ในเวลานี้เฉ่าเฉียงกำลังมองดูเงาร่างที่ยโสโอหังที่อยู่ในวิดีโอ เขาโมโหจนแทบระเบิดออกมา
ไอ้สารเลวคนนี้ ลูกชายของเขาได้ทำเรื่องชั่วช้าที่ทำให้สวรรค์โกรธคนโมโหมากเพียงใด เขาไม่รู้สักนิดเลยเหรอ?
“ไอ้สารเลวสมควรตาย!”
ภายในใจของเฉ่าเฉียงนั้นได้ตัดสินโทษตายให้กับหลินเจิ้นหลงและตระกูลหลินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาหันกลับไปทางเฉินอี ก้มหน้าลง และกล่าวอย่างขมขื่น: “ท่านเฉิน เป็นกระผมที่ปกครองไม่ดี ถึงทำให้ภรรยาและลูกสาวของท่านต้องเผชิญกับความทุกข์”
“แต่ผมสาบานว่า จากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ให้ภรรยาและลูกสาวของท่านต้องเผชิญกับเหตุการณ์แบบนี้อีกเด็ดขาด!”
“เจ้ามังกรครับ คนตระกูลหลินพวกนั้นไม่รู้ว่าโทษของตัวเองหนักหนาแค่ไหน ยังกล้าส่งคนไปลงมือกับนายหญิงและนายน้อยทั้งสองอีก จะให้ผมไปดูหน่อยไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร ทางปิงหลันยังมีพวกมังกรหนึ่ง มังกรเก้าอยู่ แค่คนตระกูลหลินไม่คู่ควรแก่การเอ่ยถึง”
นิ้วมือของเฉินอีเคาะอยู่บนพนักวางแขนบนเก้าอยู่ไม่หยุด
จู่ ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมา: “ใช่แล้ว ตระกูลหลินมีคนคนหนึ่งที่รับตำแหน่งในหน่วยทหารทางตะวันออกเฉียงใต้ไม่ใช่เหรอ มาถึงหรือยัง?”
“ใกล้ถึงแล้วครับ”
มังกรเขียวขยับขึ้นไปด้านหนา พลางกล่าว: “หลินเจิ้นเป้า ท่านชายสามแห่งตระกูลหลิน รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทหารโหวยี่ในหน่วยทหารทางตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นยอดทหารคนหนึ่ง”
“นอกจากนี้ยังเป็นคนตรงไปตรงมา เพราะทนการกระทำของคนตระกูลหลินไม่ได้ดังนั้นถึงได้ไปจากตระกูลหลิน เกินความคาดหมายของผมจริง ๆ
มังกรเขียวพูดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกค่อนข้างจะเสียดาย
เป็นครอบครัวแบบไหนกัน ที่ทำให้อัจฉริยะเช่นนี้ถูกบีบให้หนีออกจากบ้านโดยไม่กลับมาเป็นสิบกว่าปี
แต่ดูจากท่าทางที่น่ารังเกียจของคนตระกูลหลินแล้ว ก็พอจะสามารถดูออกได้บ้าง
หลินเจิ้นเป้าไม่ได้กลับบ้านมาสิบกว่าปี ตามหลักแล้วนั่นก็เพราะได้มีความขัดแย้งกับคนตระกูลหลิน แต่พวกหลินเจิ้นหลงกลับหน้าไม่อาย แอบอ้างชื่อเสียงบารมีของหลินเจิ้นเป้ากดขี่ข่มเหงผู้อื่นอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งไปกว่านั้นยังใช้เรื่องในครั้งนี้บีบบังคับให้หลินเจิ้นเป้ากลับมา
ได้ยินมาว่า ถ้าหากหลินเจิ้นเป้าไม่กลับมา ตระกูลหลินจะลบชื่อออกจากตระกูล!
เฉินอีได้ยินดังนั้น นัยน์ตาก็ได้หดลงเล็กน้อย
จู่ ๆ เขาก็นึกถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมา
คนตระกูลเฉินแห่งเมืองอสูร!
ตระกูลหลิน กับตระกูลเฉิน ไม่ต่างกันเลย!
แต่ที่เขาสามารถนั่งบนตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ได้ แน่นอนว่าเพราะความโหดเหี้ยมเด็ดขาด ในเมื่อตระกูลเฉินไม่มีที่สำหรับเขา เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจไมตรีอะไรอีก
แต่หลินเจิ้นเป้าไม่ใช่แบบนั้น ถึงแม้เขาจะไปจากตระกูลหลินนานหลายปี แต่ก็ยังห่วงใยสถานะเหมือนเดิม
นี่ถึงเป็นเหตุผลสำคัญที่หลินเจิ้นเป้ากลับมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ