“พวกแกกล้ามองข้ามกฎบัญชาสามตรา ต่อยตีผู้บัญชาการที่มีกฎบัญชาสามตราอยู่ในมือ พวกแกต่างถูกกำหนดให้จบเห่แล้ว!”
“โดยเฉพาะแก!”
หลินเจิ้นหลงจ้องเฉินอีตาเขม็ง และกล่าวอย่างเหยียดหยาม: “ผู้ว่าการเอำนาจบาตรใหญ่สามารถออกหน้าสนับสนุนแก เกินกว่าความคาดหมายของฉันจริง ๆ แต่แกสามารถลองถามเขาดูได้ เขากล้าที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลกวนหรือเปล่า!”
“อืม?”
เฉินอีเลิกคิ้ว จากนั้นก็เหลือบไปมองเฉ่าเฉียงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแวบหนึ่ง เฉ่าเฉียงเหงื่อแตกพลั่ก และรีบเดินออกมาแล้วกล่าวเสียงเบา: “คุณเฉินครับ เรื่องราวเกี่ยวข้องถึงตระกูลกวน เรื่องนี้จะต้องไตร่ตรองให้ดี ๆ ก่อนนะครับ”
“แต่ท่านวางใจได้ คนตระกูลหลินผมจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว แต่โทษฐานจะต้องพิจารณาอย่างละเอียด และหลักฐานจะต้องครบถ้วนถึงจะได้”
“เหอะ ๆ ตระกูลกวน? มีสิทธิ์อะไร?”
เผชิญหน้ากับคำถามของเฉินอี เฉ่าเฉียงทำได้เพียงกล่าวว่า: “ตระกูลกวนไม่ใช่เพียงจระเข้ทางวงการการค้า คนในตระกูลยังอยู่ในวงการทหารและการเมืองในเขตแดนตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งยังมีจุดยืนสำคัญในอาชีพที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย เครือข่ายความสัมพันธ์นี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก”
“นอกจากนี้ตระกูลหลินยังนับเป็นตัวแทนของตระกูลกวนในเมืองชิงชวน ที่เจ้าสามแห่งตระกูลหลินสามารถเข้าสู่ระดับผู้บัญชาการของหน่วยทหารทางตะวันออกเฉียงใต้ได้ ก็เพราะตระกูลกวนมีใจสนับสนุน นับเป็นบริวารสำคัญของตระกูลกวน”
เฉ่าเฉียงเองก็มีท่าทางจนใจ
เขาเองก็อยากจะล้มตระกูลกวนเหมือนกัน แต่ภูมิหลังของอีกฝ่ายนั้นมันน่าตกตะลึงจริง ๆ ถ้าไม่ระวัง เกรงว่าตัวเองคงต้องถูกตำนานเข้าไปด้วยแน่ จะดำเนินการอย่างไม่ระมัดระวังไม่ได้
ถ้าหากตระกูลหลินไม่ใช้กฎบัญชาสามตรา เพียงแค่มีความสัมพันธ์เพียงเท่านั้นเอง เช่นนั้นก็ล้มล้างไปเลยก็เรียบร้อย แต่ทันทีที่กฎบัญชาสามตราปรากฏออกมา คุณลักษณะของเรื่องราวก็เปลี่ยนไปทันที
แตะต้องตระกูลหลิน ก็เท่ากับแตะต้องกฎบัญชาสามตรา และถือเป็นการไม่ไว้หน้าตระกูลกวน เรื่องแบบนี้จะทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นไร เฉ่าเฉียงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกวังจ่างหลิน
ในเวลานี้ วังจ่างหลินก็ได้เดินขึ้นมาข้างหน้า และกล่าวเสียงหนักแน่น: “คุณเฉินครับ ผู้ว่าการเฉ่าพูดถูก เรื่องนี้จะต้องค่อย ๆ ไตร่ตรอง ถ้าหากทำอะไรบุ่มบ่าม เกรงว่าจะทำให้ได้ผลลัพธ์ในทางกลับกัน
ถ้าหากเรื่องนี้ทำให้ตระกูลกวนโมโหจริง ๆ ทำให้พวกเขายื่นมือเข้ามา เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่ตระกูลหลินจะไม่เป็นอะไร ในทางกลับกัน ถ้าหากค่อยเก็บรวบรวมหลักฐานข้อมูลความผิดของตระกูลหลิน เพียงแค่ทำให้ความผิดของตระกูลหลินเป็นจริง เช่นนั้นต่อให้เป็นตระกูลกวนก็ไม่มีอะไรจะพูด
“ถูกต้อง คุณเฉินครับ หวังว่าคุณจะไตร่ตรองให้ดี จะให้สะกิดถึงทางตระกูลกวนไม่ได้นะครับ”
“แม้ว่าตระกูลหลินจะน่าเกลียดชัง แต่เบื้องหลังของพวกเขานั้นใหญ่เกินไป ถึงแม้เบื้องหลังจะมีเพียงสายตรงตระกูลกวน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องได้ง่าย ๆ”
ยังมีอีกหลายคนที่ต่างก็กล่าวโน้มน้าว
เฉินอีเงียบไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นเฉินอีมีท่าทางแบบนี้ หลินเจิ้นหลงก็พลันได้ใจขึ้นมา
“เหอะ ๆ คุณเฉิน พวกหมาที่อยู่ข้างกายของแกพูดไม่ผิด ถ้าหากล่วงเกินตระกูลกวน ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่แกจะสามารถรับได้ นอกจากนี้ทันทีที่เกี่ยวข้องถึงตระกูลกวน ก็จะพลอยทำให้แก๊งฮีโร่โกรธเคืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันคิดว่าแกเองก็น่าจะรู้ว่าแก๊งฮีโร่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงใด”
“ก่อตั้งโดยบุคคลอันดับหนึ่งของหน่วยทหารทางตะวันออกเฉียงใต้เชียวนะ ในนั้นเต็มไปด้วยยอดฝีมือ กองกำลังมากมาย ไม่ว่าแกจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่เพียงใด สุดท้ายก็ต้องตายสถานเดียว!”
ตอนนี้นับว่าเขาได้หาแหล่งหนุนหลังเจอ และยิ่งพูดยิ่งบานปลาย เฉ่าเฉียงอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน
“หลินเจิ้นหลง แกหุบปากไปเถอะ!”
“คี่อาศัยแกและตระกูลหลิน สามารถทำให้แก๊งฮีโร่ออกหน้าได้เหรอ? อย่ามองตัวเองสูงเกินไป!”
เขารู้สึกดูถูกเหยียดหยามมากจริง ๆ
นั่นเป็นอิทธิพลอันดับหนึ่งของทางตะวันออกเฉียงใต้เชียวนะ ในนั้นตระกูลกวนยังไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลหลินเลย
หลินเจิ้นหลงถูกคำพูดของเฉ่าเฉียงพูดจนรู้สึกอับอายเล็กน้อย ในใจยิ่งโมโหมากกว่าเดิม แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดของเฉ่าเฉียงนั้นมีเหตุผล แค่อาศัยเขาไม่เพียงพอที่จะทำให้แก๊งฮีโร่ออกหน้า
หรือพูดได้แม้กระทั่งว่า ภายในตระกูลกวน อยากมากก็แค่บุคคลระดับคุณชาย แต่ไม่ใช่ตระกูลกวนทั้งหมดที่จะออกมายืนอยู่เบื้องหลังของเขา
“แต่ถึงอย่างนั้น ก็เพียงพอแล้ว”
หลินเจิ้นหลงคิดมาถึงตรงนี้ ก็มองเฉินอี และพวกเฉ่าเฉียงอย่างเย่อหยิ่ง เขาไม่เชื่อว่าคนพวกนี้จะกล้าล่วงเกินตระกูลกวน
“แก๊งฮีโร่ มันคืออะไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ