“ใครเป็นคนทำ ? !” เฉินอีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ภรรยาของเขา ใครคิดจะรังแกก็ได้อย่างนั้นหรือ ?
ต่อให้เป็นตระกูลฉินก็ทำไม่ได้ !
“ตึกตึกตึก !”
เขาจูงมือโต๋วโต๋วและโน่วโน่วเดินเข้ามาหาฉินปิงหลัน ไม่ว่าใครเป็นคนลงมือ ผู้หญิงของเฉินอีก็ห้ามคุกเข่าลงบนพื้นเด็ดขาด !
“แกเป็นใคร ?”
ฉินหวยอันตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเห็นโต๋วโต๋วและโน่วโน่ว ก็ตะโกนด่ารุนแรงขึ้น : “ยัยลูกผสมสองคนนี่ก็เข้ามาด้วยหรือ รนหาที่เจ็บตัวหรืออย่างไร !”
เขาเดินเข้าไปหาเพื่อจะทุบตีโต๋วโต๋วและโน่วโน่ว แต่วินาทีต่อมาเสียงของเฉินอีก็ดังก้องกังวานขึ้น
“โต๋วโต๋ว โน่วโน่ว ดูให้ดีนะ”
“จัดการกับคนพวกนี้ ต้องใช้กำลังจัดการให้สิ้นซาก !”
ทันทีที่พูดจบ เฉินอีก็ยกขาขึ้นเตะ เจ้าน้องชายคนนั้นเดิมทียืนนิ่งเป็นก้อนหิน แต่วินาทีต่อมาเขากลับทรุดตัวลงไปร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้น
“เจ็บ โอ๊ย เจ็บ !”
เขากุมท้องเอาไว้แน่น
แต่เฉินอีกลับไม่สนใจ เขาจูงโต๋วโต๋วและโน่วโน่วเดินข้ามอีกฝ่ายไป และมุ่งตรงไปหาฉินปิงหลัน
“พื้นเย็น รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”
เฉินอีประคองฉินปิงหลันขึ้นมาด้วยความสงสาร ฉินหวยจือคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกเฉินอีตบเข้าฉาดใหญ่จนโซเซถอยหลังไปหลายก้าว
“บ้าเอ๊ย !”
“ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนี้ !”
ก่อนหน้านี้ฉินหวยจือเองก็เคยฝึกออกกำลังในยิมเพื่อจีบผู้หญิง ทำให้ร่างกายของเขาถือว่าแข็งแรงไม่น้อย ถึงแม้จะเป็นการฝึกอย่างผิวเผิน แต่ก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง จึงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ออกแรงกับเขาอย่างเบามือ ก็สามารถทำให้เขาโซเซถอยหลังไปหลายก้าวได้แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่อยู่เหนือความตกตะลึงก็คือความโมโห
“คุณย่าครับ ไอ้หมอนี่บุกรุกเข้ามาในตระกูลฉินของเรา อีกทั้งยังลงไม้ลงมือโดยไม่พูดไม่จา จะต้องจัดการกับเขาให้ถึงที่สุดนะครับ !” ฉินหวยจือเอ่ยยุยง
แต่ฟังดูก็มีเหตุผล จู่ ๆ คนนอกอย่างเฉินอีบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ ถือว่าพวกเขามีเหตุผลในจัดการกับเขา
“พวกเราไปกันเถอะ”
เฉินอีขี้เกียจจะสนใจคนเหล่านี้ เขาจูงมือฉินปิงหลันเดินจากไป แต่กลับถูกหลิวหลันเข้ามาขวางเอาไว้ แต่ตะโกนด่าทอขึ้นมา : “แกเป็นใคร เรื่องในครอบครัวของเราเกี่ยวอะไรกับแกด้วย ?”
“ถูกต้องแล้ว นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเรา จู่ ๆ คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างแกจะยื่นมือเข้ามาแส่ ไม่กลัวว่าพวกเราจะแจ้งตำรวจหรืออย่างไร ? !”
ฉินปิงซินพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
ขอเพียงแค่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับฉินปิงหลัน เขาก็มักรู้สึกว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าอยู่เสมอ
“แจ้งตำรวจ ?”
เฉินอีหันหน้ากลับไป แล้วแสดงสีหน้าสนอกสนใจ “นายจะลองแจ้งดูก็ได้นะ แต่นายลองดูเอาเองก็แล้วกันว่าตำรวจจะกล้ายุ่งหรือไม่ !”
“เปรี้ยง !”
สมองของทุกคนรู้สึกเหมือนถูกโจมตี พวกเขายืนไม่ได้สติไปพักใหญ่
โดยเฉพาะฉินปิงซิน เขาชี้ไปที่เฉินอีเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับพูดไม่ออก
“พวกเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับคุณ ?”
เฉินอีหันมองฉินปิงหลัน
ตอนนี้ฉินปิงหลันรู้สึกอ่อนแรง ต่อให้คนที่จูงมือของเธออยู่คือเฉินอี เธอก็ไม่ได้สนใจ
“แม่ของฉันกับน้องชายของฉัน”
“อะไรนะ ?”
เฉินอีผงะไป
หรือจะว่ากันตามตรงก็คือชายหญิงคู่นี้มีศักดิ์เป็นแม่ยายและน้องเขยของเขา เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเกรงใจขึ้นเล็กน้อย
“ร่างกายของปิงหลันไม่ค่อยแข็งแรงนัก ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้ มีเรื่องอะไรเอาไว้ครั้งหน้าค่อยคุยกันนะครับ”
ขณะที่พูดเขาก็ตั้งใจจะพาฉินปิงหลันเดินจากไป
แต่หลิวหลันไม่ยอม และพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า : “ฉินปิงหลัน นี่เป็นผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนไหนของแกอีก ? แกนอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตาไปทั่ว แต่ไม่ยอมขึ้นเตียงกับคุณชายหลี่เจ๋อ แกบอกฉันมาซิว่าฉันเกิดลูกที่ไร้ประโยชน์อย่างแกออกมาได้อย่างไร !”
“แม่คะ !”
ฉินปิงหลันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก
แต่เฉินอีไม่อาจทนได้อีก
เขาจ้องหลิวหลันตาเขม็ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน : “ผมเคารพคุณเพราะคุณเป็นแม่ของปิงหลัน แต่ในฐานะที่เป็นแม่คุณควรรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ