สรุปตอน บทที่ 33 เฉินอีมาถึง – จากเรื่อง ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight
ตอน บทที่ 33 เฉินอีมาถึง ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ศึกเดือด มหากาฬ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“อย่างไรเสียต่อให้แกไม่อยากไปก็ต้องไป งานเลี้ยงในคืนนี้แกจะต้องแสดงฝีมือให้เต็มที่ !”
ในขณะที่ฉินปิงหลันกำลังรู้สึกสิ้นหวังอยู่นั้น น้ำเสียงที่ฟังดูแก่ชราก็ดังก้องกังวานขึ้น และดังเข้าไปในหูของฉินปิงหลัน เธอเงยหน้าขึ้นทันที และเห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินออกมาจากห้องโถงด้านหลัง
คนที่เดินนำหน้ามาเป็นหญิงชราคนหนึ่ง เสียงเมื่อครู่คือเสียงของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
หากเป็นเมื่อก่อน ฉินปิงหลันคงไม่กล้าที่จะขัดใจหญิงชราผู้นี้ เพราะหญิงชราผู้นี้คือย่าของเธอเอง และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นเสาหลักของตระกูลฉินอีกด้วย ในตอนนั้นเป็นเพราะคำพูดของเธอที่ทำให้ฉินปิงหลันไม่อาจกลับมาเหยียบที่นี่ได้อีก
ผ่านไปหลายปี ฉินปิงหลันไม่ใช่เด็กสาวที่ขี้ขลาดอย่างเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังมีลูกสาวอีกสองคน จะให้เธอทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร !
“คุณย่าคะ เรื่องนี้หนูทำไม่ได้จริง ๆ !”
“หนูมีลูกสาวแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ลูก ๆ ของหนูจะถูกคนอื่นมองเช่นไร ? !”
ฉินปิงหลันโต้แย้งด้วยเหตุผล
แต่หญิงชรากับส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา แล้วพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า : “พรหมจรรย์ของแกไม่มีเหลือแล้ว แกคิดว่าผู้หญิงที่เคยผ่านเรื่องราวอย่างเช่นในตอนนั้นมาอย่างแก ยังมีเกียรติยศชื่อเสียงอะไรหลงเหลืออยู่อีกหรือ”
“อีกอย่าง ครั้งนี้เกี่ยวพันถึงความก้าวหน้าของตระกูลฉิน ยัยลูกผสมของแกทั้งสองคนนั่นจะถูกคนอื่นมองว่าอย่างไร แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับอนาคตของตระกูลฉินกัน ?”
“คุณย่าพูดถูก เมื่อเทียบกับอนาคตของตระกูลฉินแล้ว ยัยลูกผสมสองคนนั้นต่อให้ต้องตายก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะอย่างไรเสีย พวกมันก็ไม่ใช่ลูกหลานที่ตระกูลฉินของเรายอมรับอยู่ดี”
ชายหนุ่มที่เดินตามหลังหญิงชราคอยพูดเสริมไม่หยุด
“ฉินหวยจือ แกมันเลว !”
ฉินปิงหลันรู้สึกโกรธจัด
ตัวเธอถูกดูหมิ่นไม่เป็นไร แต่อย่าดึงลูกสาวของเธอเข้ามาเกี่ยวข้องเด็ดขาด !
แต่ฉินหวยจือกลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด เขากลับหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า : “ฉินปิงหลัน ตอนนั้นเธอยอมหลับนอนกับผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า มิหนำซ้ำยังให้กำเนิดยัยลูกผสมสองคนนี้ออกมาอีก คืนนี้ก็แค่อยู่เป็นเพื่อนคุณชายหลี่เจ๋อเท่านั้น มันจะเป็นไรไป ?”
“เอาล่ะ ดูเหมือนเธอเองก็คงอยากหาประโยชน์จากเรื่องนี้เหมือนกันสินะ เอาอย่างนี้ ขอแค่คืนนี้เธอยอมอยู่เป็นเพื่อนคุณชายหลี่เจ๋อและทำให้เขาพอใจได้ ตระกูลฉินของเราก็คงไม่ใจร้ายกับเธออย่างแน่นอน”
“อืม จะแบ่งให้เธอสักสองสามแสนก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ผลประโยชน์ของพ่อแม่และน้องชายของเธอก็คงจะไม่มีแล้วนะ
เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป สีหน้าของพ่อ หลิวหลันผู้เป็นแม่ และฉินปิงซินผู้เป็นน้องชายก็เปลี่ยนไปในทันที
“พี่ใหญ่ ที่พวกเราเคยตกลงกันไว้ไม่ใช่อย่างนี้นี่ คุณย่าเคยรับปากเอาไว้แล้วว่าขอเพียงแค่ฉินปิงหลันยอมอยู่เป็นเพื่อนคุณชานหลี่เจ๋อหนึ่งคืน ผมก็จะได้ขึ้นเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทไม่ใช่หรือ ?”
“จริงด้วย ท่านย่า ท่านรับปากครอบครัวของพวกเราแล้ว จะกลับคำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด !”
“แม่ครับ ปิงซินเองก็โตจนป่านนี้แล้ว ควรจะให้เขามีโอกาสได้ทำประโยชน์เพื่อตระกูลฉินบ้างนะครับ”
พ่อแม่และน้องชายแท้ ๆ ของตนเอง เอ่ยปากพูดต่อกันไม่หยุดด้วยท่าทีร้อนใจ ทำให้หัวใจของฉินปิงหลันแตกสลายลงอย่างสมบูรณ์
สองสามแสน ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอยอมขึ้นเตียงกับชายอื่นได้อย่างนั้นหรือ ?
เพียงแค่ตำแหน่งผู้จัดการ ก็เพียงพอที่จะยอมให้ลูกสาว ยอมให้พี่สาวของตนเองกลายเป็นโสเภณีได้แล้วอย่างนั้นหรือ ?
“พ่อคะ แม่คะ น้องชาย พวกคุณช่างใจร้ายเกินไปแล้ว !”
ฉินปิงหลันอยากจะตะโกนด่าแต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
ฉินหวยจือมองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้วรู้สึกสะใจอยู่ลึก ๆ
ตอนนั้นฉินปิงหลันยอดเยี่ยมเกินไป ยอดเยี่ยมจนกระทั่งท่านย่าเรียกหาแต่เธอ ถึงขนาดมีความคิดที่จะยกตระกูลฉินให้เธอเป็นผู้ดูแล
ตอนนั้นฉินหวยจือเคยแอบใส่ร้ายฉินปิงหลันลับหลัง แต่กลับถูกท่านย่าด่าและไล่ตะเพิดไป ตอนนั้นฉินปิงหลันถือเป็นหัวแก้วหัวแหวนที่ไม่มีใครเทียบได้
เมื่อเห็นว่ารากฐานทุกอย่างของครอบครัวจะต้องตกไปอยู่ในมือของฉินปิงหลัน ฉินหวยจือก็รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่เป็นเพราะโชคชะตา หลังจากเรื่องอื้อฉาวของฉินปิงหลันถูกแพร่สะพัดออกไปในตอนนั้น เธอก็กลายเป็นตัวแทนของหญิงใจแตก ทำให้ท่านย่ารู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง และขับไล่เธอออกจากตระกูลทันที
บัดนี้ เธอยังถูกบีบบังคับให้อุทิศตัวอีก คำพูดปฏิเสธของเธอพวกเขากลับไม่เคยรับฟัง แต่คำพูดยุยงของผู้คนกลับจดจำอย่างขึ้นใจ นี่หรือคือคนในครอบครัวที่เรียกกันว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ? !
“แม่คะ หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว หนูขอตัวนะคะ”
ฉินปิงหลันไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่ออีก ในใจของเธอเหมือนถูกมีดทิ่มแทงจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
แต่เมื่อเธอลุกขึ้น กลับถูกพวกของหลิวหลันทั้งสามคนจับตัวเอาไว้
หลินหวยจือเดินตรงเข้ามา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “นังแพศยา เราอุตส่าห์ไว้หน้าแกแล้วนะ คุณย่าบอกแล้ววันว่านี้ต่อให้แกไม่อยากไปก็ต้องไป อีกทั้งยังต้องอยู่ปรนนิบัติคุณชายหลี่เจ๋อให้ดีอีกด้วย แกไม่เข้าใจหรือยังไง ? !”
พูดจบ เขายกมือขึ้นและฟาดลงไปบนหน้าของเธอ
แต่ครั้งนี้ เขากลับทำไม่สำเร็จ
“ถ้าแกกล้าตบเธออีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกซะ !”
มีเสียงขู่ที่ทรงพลังดังก้องขึ้น
ทุกคนต่างรู้สึกใจเต้นระส่ำ
ใครมา ? !
มิหนำซ้ำยังกล้าใช้คำพูดรุนแรงเช่นนี้อีก !
ทุกคน โดยเฉพาะฉินปิงหลันเงยหน้าขึ้นมองในทันที และเห็นเฉินอีกำลังจูงเจ้าหญิงตัวน้องทั้งสองเดินเข้ามา
ใบหน้าของเขาดูดุดัน
นายหญิงของสำนักมังกรลับอันยิ่งใหญ่ มีคนมากมายที่อยากประจบประแจง มีคนมากมายที่ให้ความเคารพ แต่คนเหล่านี้กลับบังคับภรรยาของตนเองให้คุกเข่าลงกับพื้น อีกทั้งยังคิดที่จะตบหน้าภรรยาของตนเองอีก
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าของฉินปิงหลัน ก็ทำให้เขารู้สึกโกรธจัด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ