ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 32

สรุปบท บทที่ 32 ฉินปิงหลันสิ้นหวังแล้ว: ศึกเดือด มหากาฬ

อ่านสรุป บทที่ 32 ฉินปิงหลันสิ้นหวังแล้ว จาก ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

บทที่ บทที่ 32 ฉินปิงหลันสิ้นหวังแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ศึกเดือด มหากาฬ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“พ่อคะ แม่ตกลงรับนัดพ่อแล้วค่ะ !”

นี่เป็นคำพูดที่โต๋วโต๋วพูดขึ้น ตอนที่เขาได้รับสายโทรศัพท์เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนนั้นหัวใจของเฉินอีแทบจะละลาย

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฉินปิงหลันยอมรับนัดกับตน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เฉินอีรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่สุด

“อะแฮ่ม ๆ”

มังกรสิบเอ็ดแสร้งทำเสียงกระแอมขึ้นมา เพื่อปกปิดความเก้อเขินเอาไว้ เขามองดูเฉินอีอย่างจนใจ ดูเหมือนเขาจะระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ

“แล้วฉันควรทำอย่างไรต่อ ?”

เฉินอีเหลือบมองมังกรสิบเอ็ด ในสนามรบและธุรกิจ เขาไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ในเรื่องของความรักแล้ว ถือว่ายังอ่อนหัดอยู่มาก

มังกรสิบเอ็ดนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แล้วพูดขึ้นว่า : “ชุดสูทรวมไปถึงสถานที่และของสำคัญต่าง ๆ ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้ามังกรและนายหญิงแล้วครับ”

“อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับนายหญิง พวกเราเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก คงต้องปล่อยไปตามโชคชะตาแล้วล่ะครับ”

“......”

เฉินอีผงะไป จากนั้นจึงยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา ต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาจริง ๆ ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างไรได้

ตอนนี้เอง มังกรเขียวก็เดินเข้ามา

เขาได้ยินเรื่องที่เฉินอีอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์พักใหญ่แล้ว เมื่อมาถึงใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “ยินดีด้วยครับ พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้ว”

“อืม”

เฉินอีพยักหน้า แล้วถามว่า : “เรื่องที่พวกของเต่าดำกลับไปแล้ว นายคงเข้าใจแล้วสินะ”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะอยู่ช่วยเจ้ามังกรจัดการเรื่องต่าง ๆ ในเมืองฉือเองครับ”

มังกรเขียวพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า : “แต่หลังจากที่ผมได้ปรึกษาหารือกับผู้ว่าการเฉ่าแล้ว ก็พบว่านอกจากตระกูลวังแล้ว ในเมืองฉือยังมียักษ์ใหญ่อีกหนึ่งตระกูลคือตระกูลหลี่”

“ตระกูลหลี่ตระกูลนี้ไม่ธรรมดา อย่ามองว่าในอดีตพวกเขานั้นดูเหมือนจะต่ำต้อย นั่นเป็นเพียงแค่เฉพาะในช่วงที่ตระกูลหลินยังคงดำรงอยู่นั้น ตอนนี้ตระกูลหลินจบเห่แล้ว คนภายนอกต่างไม่รู้ว่าเบื้องหลังของตระกูลวังก็คือพวกเขา ตระกูลหลี่จึงถือเป็นเจ้าแห่งธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเมืองฉืออย่างแท้จริง พวกเขาสามารถเข้าถือครองทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลหลินได้ในทันที ความแข็งแกร่งเองก็ถือว่าเหนือกว่าตระกูลวัง ถึงขั้นอาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าตระกูลหลินในช่วงที่ยังรุ่งเรืองอยู่ก็เป็นได้”

“วังจ่างหลินคนนี้ใช้ไม่ได้ มอบโอกาสครั้งใหญ่ขนาดนี้ให้แล้ว ยังตกเป็นรองได้อีก”

เฉินอีลูบหว่างคิ้ว

เดิมทีเขาปูทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงแค่วังจ่างหลินสามารถควบรวมธุรกิจของตระกูลหลินเอาไว้ได้ เขาก็จะกลายเป็นผู้นำของเมืองฉือ แต่ตอนนี้กลับมีตระกูลหลี่โผล่ออกมาเสียนี่

มังกรเขียวเองก็มีสีหน้าจนใจ เขาพูดต่อในทันทีว่า : “แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมยังรู้มาอีกว่ามีคุณชายท่านหนึ่งของตระกูลหลี่มีใจชอบพอนายหญิง ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเทียนเชิงยังอยู่ คุณชายของตระกูลหลี่ผู้นี้ยังไม่กล้าทำอะไรประเจิดประเจ้อมากนัก แต่ทว่าตอนนี้ตระกูลหลินจบสิ้นลงแล้ว ดูเหมือนเขาจะเริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้น”

“อะไรนะ หรือเขาคิดจะเลียนแบบหลินเทียนเชิงอย่างนั้นหรือ !”

มีแสงเย็นวาบปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินอี

มังกรเขียวกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง แต่จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน หลังจากรับโทรศัพท์สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“เจ้ามังกรครับ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้ดูหลังแล้วล่ะครับ เพราะนายหญิงและนายน้อยทั้งสองถูกคนพาตัวไปแล้ว”

“อะไรนะ ?”

เฉินอีหน้าถอดสีทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

“ได้ยินมาว่าระหว่างทาง มีคนในตระกูลของนายหญิงปรากฏตัวขึ้น และพาตัวนายหญิงกับนายน้อยไป เมื่อพวกของมังกรหนึ่งเห็นว่าเป็นคนในครอบครัวของนายหญิงก็ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง จึงได้รายงานขึ้นมาเพื่อให้เจ้ามังกรเป็นผู้ตัดสินใจครับ”

มังกรเขียวรีบพูดขึ้น

เฉินอีเองก็ผงะไป

คนในครอบครัวของฉินปิงหลัน ก็คนตระกูลฉินนะสิ

เท่าที่เขารู้มา หลังจากเกิดเรื่องในเมืองอสูรขึ้น ตระกูลหลินก็ดูถูกฉินปิงหลันว่ากระทำเรื่องน่าอับอาย และขับไล่เธอออกจากตระกูลฉิน แล้วทำไมจู่ ๆ ตอนนี้ถึงต้องการตัวฉินปิงหลันกัน

“คิดว่าฉันจะได้แต่งงานเข้าตระกูลหลี่จริง ๆ หรือ ? อย่างมากก็แค่เห็นฉันเป็นของเล่นเท่านั้น พอหมดสนุกก็ทิ้งขว้าง นายอย่างเห็นฉันมีสภาพที่น่าสมเพชเช่นนั้นหรือ ?”

“อีกอย่าง โต๋วโต๋วและโน่วโน่วไม่ใช่ยัยลูกผสม พวกเธอเป็นหลานสาวของนาย นายเอาแต่เรียกว่ายัยลูกผสม หรือนายไม่มีความรู้สึกของคนที่เป็นอาบ้างเลยหรือ ? !”

ฉินปิงหลันมองดูน้องชายของตัวเอง ที่ผ่านมาเธอรักใคร่เอ็นดูน้องชายคนนี้มาโดยตลอด เมื่อมีสิ่งดี ๆ ก็มักจะยกให้อีกฝ่ายทั้งหมด

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับตอบแทนเธอด้วยการผลักเธอลงเหว

“เผียะ !”

เสียงตบหน้าดังก้องกังวาน

บนใบหน้าของฉินปิงหลัน มีรอยนิ้วมือทั้งห้าประทับอยู่เป็นสีแดงก่ำ ปรากฏว่าแม่แท้ ๆ ของเธอ หลิวหลัน เป็นคนตบเธอ

“แม่คะ !”

ฉินปิงหลันทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

หลิวหลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว : “แกไม่รู้ตัวหรืออย่างไรว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไปในตอนนั้น ? แกยังมีความละอายใจอะไรอีก !”

“หากในตอนนั้นไม่เกิดเรื่องขึ้น ในเมืองฉือมีผู้ชายมากมายที่พร้อมให้แกเลือก แล้วตอนนี้ล่ะ มีเพียงคุณชายหลี่เจ๋อเท่านั้นที่ไม่รังเกียจแก ต่อให้เป็นเพียงแค่สัมพันธ์ชั่วข้ามคืนแกก็ต้องไป แกต้องเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างตระกูลฉินและตระกูลหลี่ และเกี่ยวพันถึงอนาคตของตระกูลฉินของเราด้วย”

“ชาตินี้แกจบเห่แล้ว ดังนั้นแกต้องคิดแทนน้องชายของแก ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ไม่แน่ว่าอาจทำให้น้องของแกเข้าไปนั่งอยู่ในระดับผู้บริหารของบริษัทก็เป็นได้ ถึงตอนนั้นตระกูลฉินของเราก็จะมั่นคงมั่งคั่ง แกเข้าใจหรือยัง ? !”

หลิวหลันพูดด้วยความโมโห

แต่ฉินปิงหลันกลับยืนตกตะลึง

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนั้นที่แม่ของเธอไม่พูดอะไร ก็เป็นเพราะรู้สึกผิดหวังในตัวเธอ แต่ตอนนี้กลับพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้

ฉินปิงหลันรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ