เสือขาวไม่เข้าใจ
เต่าดำหันมองเขาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย แล้วพูดว่า : “นายไม่ได้ยินคำมั่นสัญญาที่เจ้ามังกรพูดกับเฉ่าเฉียงเมื่อครู่หรืออย่างไร ?”
“ต่อไปความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศทุกอย่าง เขาจะไม่มีการระดมคนจากสำนักมังกรลับเข้ามาจัดการอีก เพราะเรื่องในครั้งนี้ ถึงแม้จะรับการยินยอมจากบรรดาผู้อาวุโส แต่ก็ทำให้หลายฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งนี่อาจทำให้เราถูกจับตามองได้”
“อำนาจภายในประเทศมีความซับซ้อน หากประมาทเพียงเล็กน้อยอาจเดือดร้อนมาถึงพวกเราได้ ถึงตอนนั้นสำนักมังกรลับอาจจะต้องเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายเหล่านี้ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามังกรอยากเห็น”
“เพราะตั้งแต่สำนักมังกรลับก่อตั้งจนกระทั่งถึงบัดนี้ ก็ไม่เคยทำหน้าที่เป็นดาบในมือของใครมาก่อน !”
“อ้อ !”
เต่าดำรู้สึกโล่งใจที่พูดมามากมายขนาดนี้ ในที่สุดเสือขาวก็เข้าใจเสียที แต่เขาก็ยังคงรู้สึกไม่เต็มใจนัก
“แต่เจ้ามังกรทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับตัดแขนตัดขาของตนเองหรอกหรือ หากตอนนั้นเราไม่สามารถเข้ามาภายในประเทศได้ แล้วเขาจะทำเช่นไร ?”
“ต่อให้ตนเองจะมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็ไม่ใช่พระเจ้า”
“วางใจเถอะ เจ้ามังกรวางแผนทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
เต่าดำยิ้มมุมปากเล็กน้อย “นายคิดว่าที่เจ้ามังกรก่อตั้งกองทุนมูลนิธิโต๋วโน่วขึ้นก็เพื่อช่วยเหลือสังคมเพียงอย่างเดียวหรือ ?”
“อันที่จริงแล้วยังมีองค์ประกอบหลักแอบแฝงอยู่ในนั้น และเจ้ามังกรก็ทำเพื่อปกป้องตนเอง รวมไปถึงความปลอดภัยของนายหญิงและนายน้อยทั้งสองด้วย แค่เพียงเจ้ามังกรมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากพอ ต่อให้ยื่นมือจัดการจากภายในประเทศ ก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าผู้ทรงอิทธิพลเหล่านั้น ถึงเวลานั้นสำนักมังกรลับก็ไม่จำเป็นจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีก และเจ้ามังกรเองก็ยังสามารถรับรองความปลอดภัยของครอบครัวได้อีกด้วย”
“ต้องบอกว่าความฉลาดของเจ้ามังกรนั้นไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ เพิ่มจะกลับมาก็วางแผนการเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว อย่างไรเสียก็มีผู้นำสูงสุดของเมืองชิงชวนคอยสนับสนุนอยู่ ดังนั้นกองทุนมูลนิธิโต๋วโน่วต้องมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนเกินคาดเดาได้แน่นอน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต การที่มีกองทุนมูลนิธิอยู่ภายในประเทศ และมีสำนักมังกรลับของเราอยู่ในต่างประเทศ อาจทำให้ต้าถังยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงตลอดไปก็ได้ !”
ต้องบอกว่าเต่าดำเองก็มีความเฉลียวฉลาดจนน่าตกใจ ที่สามารถคาดเดาความคิดของเฉินอีออกมาได้ในทันที
ถึงแม้เสือขาวจะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าออกมาตามสัญชาตญาณ
มีเพียงหงส์แดงคนเดียวเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่พูดจา
เธอรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับเฉินอี และนั่นเป็นเรื่องที่เต่าขาวและเสือดำไม่รู้
“นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือสุขภาพของเจ้ามังกรในตอนนี้กำลังย่ำแย่”
“การสู้รบเมื่อครึ่งปีก่อน ต่อให้เจ้ามังกรจะใช้ความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเอาชนะมาได้ แต่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ไม่เพียงแต่พละกำลังที่ถดถอยลงเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงชีวิตอีกด้วย ถึงแม้จะเหลือเวลาไม่มาก แต่เขาก็อยากจะสร้างทุกอย่างบนโลกเอาไว้ให้นายหญิงกับนายน้อย เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของพวกเธอ”
หงส์แดงรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย และในที่สุดก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ส่วนเต่าดำกลับลูบหน้าผาก แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาพลางพูดว่า : “ดูเหมือนว่าโอกาสครั้งนี้ไม่เลวเลยนะ”
“สำนักมังกรลับของเราตั้งอยู่ในต่างประเทศมาหลายปี จึงขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศ ดังนั้นเมื่อมีคนคิดทำเรื่องไม่ดี พวกเราก็เป็นเหมือนกับลูกแกะที่ไร้พิษสง”
“แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขอเพียงแค่กองทุนมูลนิธิโต๋วโน่วของเจ้ามังกรก่อตั้งขึ้นมา ไม่แน่ว่าสักวันอาจจะมีฐานะเท่าเทียมกับคนที่มีความคิดชั่วร้ายเหล่านั้นก็ได้ ถึงตอนนั้นมันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสำนักมังกรลับของเรา”
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เฉินอีจะวางแผนการเอาไว้เช่นนี้
“ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาช่วยปิดบังเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะเอิกเกริกเกินไปจริง ๆ เกรงว่าผู้มีอำนาจในประเทศเหล่านั้น อาจกำลังจับตามองเรื่องนี้อยู่”
“เมื่อก่อนฉันไม่เคยมีครอบครัว ไม่เคยมีความผูกพัน พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรฉันได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ในเมื่อไม่ต้องการให้ปิงหลัน โต๋วโต๋ว โน่วโน่วต้องก้าวออกไปอยู่ต่างประเทศ และยังต้องรับรองความปลอดภัยของพวกเธออีก จึงทำได้เพียงยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องภายในประเทศแล้ว”
“นอกจากนี้กลุ่มอำนาจขนาดใหญ่ภายในประเทศเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจสำนักมังกรลับของเรา และคิดจะใช้เรื่องในครั้งนี้มาเล่นงานเรา หากฉันไม่สามารถสร้างฐานอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากพอขึ้นมาได้ และกุมอำนาจในการมีปากมีเสียงที่มากพอ ก็อาจทำให้สำนักมังกรลับต้องตกที่นั่งลำบากได้ นี่คงเป็นความคิดทั้งหมดที่อยู่ในหัวของเจ้ามังกร”
“แต่เรื่องกองทุนมูลนิธิ น่าจะให้มังกรเขียวเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจในตอนนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดจริง ๆ ก็คือปิงหลัน”
เขาอดไม่ได้ที่จะเกาหัว
“ยังมีใครอยู่ไหม ?”
“เจ้ามังกรครับ มังกรสิบเอ็ดยังอยู่นี่ครับ”
องครักษ์มังกรนายหนึ่งเดินเข้ามา เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “เอาโทรศัพท์ของนายมา”
โทรศัพท์มือถือของเขาถูกทำลายในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาจึงต้องใช้โทรศัพท์ของบรรดาลูกน้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ