เป็นเช่นนี้จริง ๆ
ในตอนนั้นที่หงส์แดงมาท้าประลอง มีคนจำนวนไม่น้อยอยู่ที่นั่นด้วย และส่วนใหญ่ก็พ่ายแพ้ให้กับหงส์แดง แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวของหงส์แดงคนนี้
ระหว่างทางอะไรยิ่งใหญ่ที่สุด
แน่นอนว่าหมัดยิ่งใหญ่ที่สุด
หมัดของใครแข็งแกร่งคนนั้นสุดยอด นี่เป็นตัวอย่างที่เซียวเทียนหู่กำลังหยิบยกให้เห็น
นอกจากนี้ไม่ต้องพูดถึงว่ามังกรเขียวหรือแม้แต่เถ้าแก่คนนั้นเองจะแข็งแกร่งสักเพียงไหน ลำพังแค่สภาพคล่องทางการเงินจำนวนนับล้านล้านหยวนเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขายอมเชื่อฟังได้แล้ว ไม่ว่าจะเดินในเส้นทางที่ถูกต้องหรือเดินในเส้นทางที่ผิด พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่ทำเพื่อเงินทั้งนั้น
เมื่อเห็นท่าทีคล้อยตามของบรรดาลูกสมุน เซียวเทียนหู่ก็พยักหน้าออกมาด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีที่ไม่ต่างไปจากวังจ่างหลิน
“เมืองฉือแห่งนี้กำลังจะเปลี่ยนขั้วอำนาจแล้ว”
มังกรเขียวเหลือบมองโทรศัพท์ มีข้อความจากมังกรสิบเอ็ดส่งเข้ามา
“เจ้ามังกรครับ ท่านตาวถูกเซียวเทียนหู่ไล่กลับไปแล้ว ในช่วงนี้คงยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้นครับ”
เฉินอีได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “แต่ก็เป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ฉันให้เซียวเทียนหู่ทำเช่นนี้ เกรงว่าอิทธิพลของเขาจะลดลง อย่างไรเสียคนในกลุ่มสังคมใต้ดินจำนวนมากที่ต้องอาศัยธุรกิจผิดกฎหมายในการหาเลี้ยงชีพ หากให้เขาละทิ้งทุกอย่างแล้วขึ้นมาทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย เกรงว่าอาจเป็นการยากที่จะโน้มน้าวใจคนทั้งหมดได้”
“หรือว่าเราควรกวาดล้างสังคมใต้ดินสักครั้งครับ ?”
มังกรเขียวถามหาคำชี้แนะ แต่เฉินส่ายหัว
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เรารอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ ก่อน ดูว่ามีตระกูลไหนที่ยังคงดื้อรั้นหัวแข็งไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแล้วเราค่อยลงมือจัดการก็ยังไม่สาย”
“อีกอย่าง สิ่งที่เราควรให้ความสนใจก็คือโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง ถ้าเดาไม่ผิด ทางการน่าจะเป็นผู้จัดตั้งโครงการนี้ขึ้นมาใช่ไหม ?”
“ใช่ครับ เป็นโครงการที่ริเริ่มโดยกรมการก่อสร้าง มีหน่วยงานราชการหลายหน่วยที่ที่สนับสนุนโครงการนี้ เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่มาก ได้ยินมาว่าเฉพาะเงินลงทุนเพียงอย่างเดียวก็สูงถึงสี่พันล้านหยวน ดังนั้นตระกูลหลี่จึงต้องการคว้าโครงการนี้มาไว้ในมือให้ได้ เพราะอย่างน้อยหากพวกเขาสามารถคว้าโครงการนี้มาได้ก็อาจทำกำไรได้ถึงสองสามพันล้านเลยทีเดียว”
มังกรเขียวพูดอธิบายอย่างชัดเจน ทางฝั่งเฉินอีเลิกคิ้วขึ้น
“ถ้าหากพูดว่าสองพันล้านก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าหากพวกเขาวางแผนเอาไว้ถึงสามพันล้าน เกรงว่าพวกเขาคงอาศัยช่องโหว่ทุกอย่างในการทุจริตเงินของโครงการอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลของผู้อยู่อาศัยในอนาคต จึงจำเป็นต้องจับตาดูให้ดี เอาอย่างนี้ นายไปปรึกษากับวังจ่างหลินให้เขาเริ่มลงมือ หากเป็นไปได้ ก็ให้ผนึกกำลังกับบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ต่าง ๆ ในเมืองฉือเพื่อร่วมมือกันแข่งขันโครงการ และที่สำคัญที่สุด ให้จับตามองตระกูลฉินเอาไว้ให้ดี ไม่ต้องรีบร้อนยื่นข้อเสนอให้พวกเขา ให้รอดูไปก่อน”
เฉินอีพูดอย่างมั่นใจ
ตอนนี้วังจ่างหลินยังไม่สามารถคว้าโครงการมาได้ แต่เฉินอีกลับมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าท้ายที่สุดแล้ววังจิ่งกรุ๊ปจะต้องเป็นผู้กุมชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะมีเขาอยู่
หลังจากมังกรเขียวออกไปแล้ว เฉินอีก็เดินไปยังหน้าต่างบานใหญ่อีกครั้ง แล้วจู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นระส่ำขึ้นมา
จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง
“มีคนกำลังจับตาดูฉันอยู่หรือเปล่านะ ?”
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบริเวณใกล้ ๆ นี้ มีคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ อีกทั้งกำลังพุ่งเป้ามาที่ชั้น 25 และชั้น 26
หากเป็นคนอื่นอาจคิดว่าความรู้สึกนี้คือภาพลวงตา แต่เฉินอีผ่านประสบการณ์การต่อสู้และผ่านความเป็นความตายมาหลายครั้ง เขาจึงรู้สึกคุ้นชินกับความรู้สึกเช่นนี้เป็นอย่างดี
จะต้องมีคนคอยแอบดูเขาอยู่แน่นอน !
“ตอนนี้คนที่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่มีไม่มากนัก อีกทั้งคนที่มีความแค้นกับฉันก็มีอยู่เพียงแค่ตระกูลเดียวเท่านั้น”
“ตระกูลหลี่ !”
เขาค่อย ๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาทันที เป็นสายจากวังจ่างหลิน
“มีเรื่องอะไร ?”
น้ำเสียงของเฉินอียังคงเย็นชา
ฝั่งของวังจ่างหลินเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขารีบพูดขึ้นว่า : “เถ้าแก่ครับ เมื่อครู่ผมเพิ่งได้รับรายงานมาว่า คนของตระกูลหลินกำลังตรวจสอบเรื่องของคุณอยู่ครับ !”
“อะไรนะ ?”
เฉินอีมีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ