มุมปากของหลี่เจ๋อแสยะยิ้มร้ายกาจ
เขาอยากได้ตัวฉินปิงหลันมานานแล้ว น่าเสียดายที่ผ่านมามีหลินเทียนเชิงคอยเป็นอุปสรรค หลี่เจ๋อจึงทำได้เพียงถอดใจ
"ตระกูลหลินอยู่ดีไม่ว่าดี ไปมีเรื่องกับหน่วยทหาร รนหาที่ตายเองชัดๆ!”
หลี่เจ๋อหัวเราะเสียงดังยิ่งกว่าเดิม
ตอนนี้ ตระกูลหลี่ควบทรัพย์สินที่ตระกูลหลินทิ้งเอาไว้ไปกว่าครึ่ง รวมถึงเส้นสายต่างๆ เทียบกับตอนที่ตระกูลหลินอยู่ในจุดสูงสุดแล้วยังยิ่งใหญ่กว่าหลายเท่า เป็นธรรมดาที่เขาซึ่งเป็นทายาทของตระกูลหลี่ต้องดีใจที่สุด
"คุณชายครับ คุณว่าฉินปิงหลันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้มละลายของตระกูลหลินไหมครับ เหมือนว่าไม่นานหลังจากฉินปิงหลันถูกหลินเทียนเชิงจับตัวไป ตระกูลหลินก็เพิ่งเผชิญหน้ากับหายนะ"
มีคนฉลาดวิเคราะห์คำพูดนี้
หลี่เจ๋อหัวเราะเยือกเย็นทันที
"ถ้าหากฉินปิงหลันมีคนคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจริงๆ ทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ต้องจนขนาดนี้ด้วย"
"ฉันบอกให้พวกแกไปสืบเรื่องไอ้ชายชู้นั่น ก็แค่อยากจะเล่นกับมันสักหน่อยเท่านั้น"
"ตระกูลหลี่ของฉันธุรกิจใหญ่โต เอาอำนาจของตระกูลหลี่ไปข่มขู่คนอื่นตลอดเวลาไม่ได้รึเปล่า ดังนั้นต้องทำให้คนอื่นกลัวในสิ่งที่ถนัด"
หลี่เจ๋อพูดด้วยความมั่นใจ
ลูกน้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถาม: “แต่ว่าเฉินอีคนนั้นเป็นคนของวังซื่อกรุ๊ป พวกเราทำแบบนี้เกรงว่าจะเป็นการหาเรื่องวังซื่อกรุ๊ปนะครับ"
"กลัวอะไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตอนนี้ตระกูลหลี่ของพวกเรายิ่งใหญ่ ไม่กลัววังซื่อกรุ๊ป เฉินอีเป็นแค่ของเล่นระดับล่างของวังซื่อกรุ๊ปเท่านั้น พวกเขาจะมีปัญหากับเราเพราะขยะชิ้นหนึ่งเนี่ยนะ?"
"ทำแบบนี้ แกไปติดต่อกับคนที่อยู่ในระดับผู้จัดการสักคนของวังซื่อกรุ๊ป บอกให้เขาไล่เฉินอีออกไป หึๆ กล้าแย่งผู้หญิงของฉัน ไอ้ขยะ ฝันร้ายของแกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น"
นัยน์ตาของหลี่เจ๋อมีแสงเยือกเย็นแล่นผ่าน
เขาตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว ต้องค่อยๆทรมานเฉินอี บีบให้อีกฝ่ายส่งฉินปิงหลันมาซะดีๆ นี่ถึงจะเป็นการประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
พฤติกรรมลักพาตัวโต้งๆที่หลินเทียนเชิงทำ สำหรับหลี่เจ๋อแล้วเป็นการกระทำที่โง่เขลามาก
"ไม่แปลกที่ตระกูลหลินจะจบเห่แล้ว นี่เป็นการเปิดทางให้ตระกูลหลี่ของฉัน"
เฉินอีในเวลานี้ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
แต่เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลินหรือตระกูลหลี่ ขอแค่ทำตัวดีๆก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเมื่อไหร่มีความคิดร้ายกาจเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจ
"เจ้ามังกร ทำตามคำสั่งของคุณ วังจ่างหลินเตรียมตำแหน่งเอาไว้ให้คุณในวังซื่อกรุ๊ป"
มังกรเขียวเดินมาด้านหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เฉินอีพยักหน้า
ที่เขาเลือกที่จะเข้าวังซื่อกรุ๊ป เหตุผลเรียบง่ายมาก
ในฐานะที่วังจ่างหลินเป็นหางเสือผู้ควบคุมดูแลวังซื่อกรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ ถึงแม้จะบอกว่ามีความสามารถ แต่ว่าความเข้าใจชนชั้นล่างและชนชั้นผู้จัดการก็ยังถือว่ายังขาดความเข้าใจอย่างมาก
"แม้ว่ากองทุนมูลนิธีจะเพิ่งริเริ่ม แต่สิ่งสำคัญของสถานีแรกเมืองฉือต้องพึ่งพิงวังซื่อกรุ๊ปมาเป็นกองหน้า ถ้าไม่กำจัดพวกหนอนเกรงว่าอนาคตข้างหน้าจะส่งผลเป็นวงกว้างที่ยากจะจินตนาการ"
เขารู้ดี วันข้างหน้าวังซื่อกรุ๊ปยิ่งอยู่ก็จะยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากมีหนอนบางส่วนละก็เช่นนั้นวังซื่อกรุ๊ปต้องได้รับผลกระทบ ในฐานะกองหน้าของกองทุนมูลนิธิ เฉินอีไม่อยากเห็นเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้น
"ตอนนี้ฉันจะไปวังซื่อกรุ๊ป นายกับวังจ่างหลินรีบจัดการแผนงานโครงการก่อสร้าง ต้องเอาโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมืองให้ได้"
"หึๆ ตระกูลหลี่ ถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจในเมืองฉือด้วยความจริงใจ ฉันยินดีให้พวกเขาแข่งขันกับวังซื่อกรุ๊ปด้วยความยุติธรรม แต่พวกเขาในตอนนี้ทำให้ฉันผิดหวังมาก"
"รุนแรง โลภมาก ตระกูลหลี่นี้เมื่อเทียบกับความร้ายกาจของตระกูลหลินแล้วก็ไม่ต่างกัน เป็นหนอนตัวใหญ่ของเมืองฉือ อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ จำเป็นต้องจัดการ"
"ดังนั้น ฉันเตรียมสถาปนิกชั้นนำระดับโลกเอาไว้หนึ่งคน นายกับวังจ่างหลินไปรับสถาปนิกคนนี้หน่อย อีกเรื่องหนึ่งรอให้ปิงหลินตื่นขึ้นมาแล้วให้เธอพักผ่อนต่อ ตอนกลางคืนไปบ้านบรรพบุรุษตระกูลฉิน"
หลังจากเฉินอีมอบหมายงานเสร็จแล้วก็มาถึงสำนักงานใหญ่วังซื่อกรุ๊ป
"ใคร"
พนักงานรักษาความปลอดภัยมองเฉินอี แล้วรีบพูดเสียงเหี้ยม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ