ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 42

สรุปบท บทที่ 42 แกใส่ร้ายฉัน: ศึกเดือด มหากาฬ

สรุปตอน บทที่ 42 แกใส่ร้ายฉัน – จากเรื่อง ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 42 แกใส่ร้ายฉัน ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ศึกเดือด มหากาฬ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

"นี่พวก คุณมีปัญหากับหัวหน้าเหยียนได้ยังไง เขาไม่ใช่คนที่ดีอะไรนะ"

พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มถามเสียงเบา

พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อายุมากเล็กน้อยก็มองมา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

คนที่อยู่ในฝ่ายวางแผนล้วนเป็นคนสามารถ ชายหนุ่มตรงหน้าสามารถทำคะแนนออกมาได้ดีแสดงว่าต้องมีความสามารถแน่นอน แต่วันแรกกลับถูกไล่ออกอย่างไม่มีเหตุผล หากจะบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับคนอื่นพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองไม่เชื่อ

สำหรับเรื่องนี้ เฉินอีอดไม่ได้ที่จะยักไหล่ พูด:"ผมก็อยากจะรู้เหตุผลเหมือนกัน"

เป็นจริงตามนั้น เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ให้คำแนะนำ:"หัวหน้าเหยียนคนนี้นิสัยดี แต่ว่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถือสาไปหมดทุกอย่าง ถ้าคุณสามารถให้ของที่เขาชอบได้ ยกตัวอย่างเช่น......"

เขาถูนิ้วมือสองนิ้วสื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือธนบัตรแดง

สีหน้าของเฉินอีเปลี่ยนไปทันที

แบบนี้เรียกว่านิสัยดีตรงไหน เป็นคนเห็นแก่เงินชัดๆ

ทว่าสำหรับคำแนะนำของพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่ม เฉินอีกพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูด:"ขอบคุณมาก"

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายถือว่าหวังดี เฉินอีไม่ใช่คนไม่รู้จักบุญคุณ

ขึ้นไปบนชั้นสิบ เฉินอีเห็นพนักงานเดินไปมาด้วยความรีบร้อน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนที่มีความสามารถ

ธุรกิจหลักของวังซื่อกรุ๊ปคือด้านอุปกรณ์ อีกทั้งเงินที่นำไปลงทุนทุกปีก็ล้วนเป็นตัวเลขดาราศาสตร์ จึงทำให้ความสามารถของวังซื่อกรุ๊ปด้านการก่อสร้างธรรมดามาก

ฝ่ายวางแผนของที่นี่เป็นฝ่ายวางแผนที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ หลังจากวังจ่างหลินสั่งก็เริ่มยุ่งกับการออกแบบอาคาร อยากจะได้โครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง

เฉินอีสายตาเฉียบแหลมมาก เพียงแค่ปรายตามองก็เห็นภาพผลงานการออกแบบในมือของพวกเขา อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเล็กน้อย

"ความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างของวังซื่อกรุ๊ปห่างชั้นกับหลี่ซือกรุ๊ปมาก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่าจะทำให้หลี่ซือกรุ๊ปครอบคลุมทุกพื้นที่"

เขาคิดถึงข้อนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าความสามารถในการออกแบบของพวกคนมีความสามารถของวังซื่อกรุ๊ปจะแย่ขนาดนี้

ความเป็นจริง พูดว่าคนพวกนี้เป็นคนมีความสามารถ เมื่อเทียบกันแล้ว

ก็เป็นแค่วังซื่อกรุ๊ปมีความคิดขึ้นมาได้กะทันหันว่าอยากจะแย่งเอาโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง จากนั้นเป็นทีมที่รวมตัวกันกะทันหัน ถือเป็นการเลือกคนสูงในหมู่คนตัวเตี้ย เป็นธรรมดาที่ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เสมอกัน

"แต่ว่ามีคนๆนั้นมา ฉันอยากจะจัดการกับแค่หลี่ซือกรุ๊ปน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก"

เฉินอีครุ่นคิด แล้วถามว่าห้องทำงานของคนนามสกุลเหยียนอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นก็ไป

เหยียนเล่ว์ในเวลานี้กำลังดื่มชาอย่างรื่นรมย์ คลอเคลียกับเลขาที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงเคาะประตูกะทันหันจึงไม่พอใจขึ้นมาทันที

"ฉันไปเปิดประตูค่ะ"

เลขาอยากจะใส่เสื้อแล้วออกไปเปิดประตู ทว่ากลับถูกเหยียนเลว์ปรามเอาไว้ "ปล่อยให้ไอ้หมอนั่นรออยู่ด้านนอก กล้าวางสายฉันถ้าไม่ให้ลำบากหน่อยก็คงไม่จำ"

"ฮ่าๆ หมอนั่นโง่จริงๆเลยค่ะ ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าลุงของหัวหน้าเหยียนเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของวังซื่อกรุ๊ป มีเรื่องกับคุณก็เท่ากับมีเรื่องกับวังซื่อกรุ๊ป อยากจะทำงานที่นี่ต่อเป็นเรื่องเพ้อฝันชัดๆ"

เลขาก็ไม่รีบร้อนแล้ว ถึงขั้นเปิดคอเสื้อเผยให้เห็นผิวที่ขาวดุจหิมะ

เหยียนเลว่พูดด้วยความได้ใจ:"ไม่ใช่แค่นี้ ลุงของฉันตกลงกับหลี่เจ๋อจากตระกูลหลี่แล้ว ขอแค่ฉันช่วยเขาจัดการไอ้หมอนี่ คุณชายหลี่เจ๋อจะช่วยพวกเราแย่งตำแหน่งมาจากไอ้แก่วังจ่างหลิน ถึงเวลานั้นฉันก็เป็นประธาน ส่วนเธอก็เป็นภรรยาประธาน"

"แต่ว่าภรรยาของคุณจะทำยังไงคะ?"

เลขาเอ่ยถาม เหยียนเลว่นึกถึงภรรยาแก่ของตนเองที่บ้านแล้วหัวเราะในลำคอ "รอให้ฉันได้เป็นวังซื่อกรุ๊ป ไม่สิ ประธานของเหยียนซื่อกรุ๊ปแล้วจะใช้ชีวิตกับยัยแก่นั่นได้ยังไง ต้องรักและทะนุถนอมเธอต่างหาก"

"อั๊ยโย่ว หัวหน้าเหยียน ไม่ ประธานเหยียนใจร้ายจริงๆนะคะ"

เลขาถูกพูดจนหัวใจว้าวุ่น ไปพร้อมกับถูกเหยียนเลว่พิชิต ขาดก็แต่แสดงละครฉากใหญ่แล้ว

"ปั้ง!”

ในเวลานี้เอง ประตูถูกเปิด เสียงไม่เบา

เลขารีบลุกขึ้นแล้วหลบอยู่หลังโซฟา สีหน้าของเหยียนเลว่ก็หม่นหมองลง รูดซิป แล้วมองไปที่ประตู

"นายคือเฉินอี?"

"คนไม่มีสมองก็มีข้อดีของมัน ขอแค่ฉันยืนกรานว่ามันเป็นคนใส่ร้ายฉัน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งวงการขึ้นบัญชีดำมันแล้ว"

เหยียนเลว่มีความสามารถจริงๆ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตัดสินใจแล้ว

"เมื่อกี้ตอนที่คุยกันผ่านวิทยุสื่อสารฉันบอกว่านายไม่มีความสามารถ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณธรรมความเป็นคนของแกก็ไม่โอเค ดังนั้นไสหัวไปซะ อย่าหาเรื่องอับอายใส่ตัว!”

เขาทำเหมือนถอยหนึ่งก้าว แต่ความเป็นจริงกำลังบีบต้อนอย่างหนัก

ขอแค่เฉินอียังคงไม่ยอมถอดใจ เขาก็จะสามารถเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาไล่เฉินอีได้

ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่ถูกไล่ออก เฉินอียังจะถูกทำร้าย คิดว่าคุณชายหลี่เจ๋อต้องพอใจแน่นอน

"หึๆ"

"ผมขอเดาละกัน คุณรู้สึกว่าผมเป็นคนไม่มีสมอง ยืนกรานจะเถียงเพื่อเอาชนะ หลังจากนั้นคุณก็จะใช้ข้ออ้างว่าผมก่อความวุ่นวายแล้วไล่ผมออกไป?"

เฉินอียิ้มแล้วพูด

เหยียนเลว่หยุดชะงัก

เจ้าหมอนี่เป็นพยาธิในท้องเขาหรืออย่างไร ตนคิดอะไรวางแผนอะไรไว้ถึงได้รู้ชัดเจนทุกอย่าง

เวลานี้ เหยียนเลว่รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมากะทันหัน

เขาไม่กลัวคนไม่มีสมอง แต่กลัวความเงียบที่ผิดปกติแบบนี้ รวมถึงสายตาที่อ่านทุกอย่างออกของเจ้าหมอนี่

เฉินอีคนนี้คิดอยากจะทำอะไรกันแน่?!

สีหน้าของเหยียนเลว่ไม่เปลี่ยนแปลง นิ้วมือกลับแอบลูบจับใต้โต๊ะ นั่นเป็นสัญญาณเตือนภัย แค่กดหนึ่งครั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยพวกนั้นก็จะรีบมา

เขาไม่อยากเสียเวลากับเฉินอีอีกต่อไปแล้ว คนๆนี้นำพาความน่าเกรงขามมาให้เขามากเกินไป

ต้องรีบจัดการรีบจบ

ทว่าวินาทีต่อมา มือของเขากลับถูกคว้าเอาไว้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ