"นี่พวก คุณมีปัญหากับหัวหน้าเหยียนได้ยังไง เขาไม่ใช่คนที่ดีอะไรนะ"
พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มถามเสียงเบา
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อายุมากเล็กน้อยก็มองมา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
คนที่อยู่ในฝ่ายวางแผนล้วนเป็นคนสามารถ ชายหนุ่มตรงหน้าสามารถทำคะแนนออกมาได้ดีแสดงว่าต้องมีความสามารถแน่นอน แต่วันแรกกลับถูกไล่ออกอย่างไม่มีเหตุผล หากจะบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหากับคนอื่นพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองไม่เชื่อ
สำหรับเรื่องนี้ เฉินอีอดไม่ได้ที่จะยักไหล่ พูด:"ผมก็อยากจะรู้เหตุผลเหมือนกัน"
เป็นจริงตามนั้น เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย ให้คำแนะนำ:"หัวหน้าเหยียนคนนี้นิสัยดี แต่ว่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถือสาไปหมดทุกอย่าง ถ้าคุณสามารถให้ของที่เขาชอบได้ ยกตัวอย่างเช่น......"
เขาถูนิ้วมือสองนิ้วสื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือธนบัตรแดง
สีหน้าของเฉินอีเปลี่ยนไปทันที
แบบนี้เรียกว่านิสัยดีตรงไหน เป็นคนเห็นแก่เงินชัดๆ
ทว่าสำหรับคำแนะนำของพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่ม เฉินอีกพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูด:"ขอบคุณมาก"
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายถือว่าหวังดี เฉินอีไม่ใช่คนไม่รู้จักบุญคุณ
ขึ้นไปบนชั้นสิบ เฉินอีเห็นพนักงานเดินไปมาด้วยความรีบร้อน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนที่มีความสามารถ
ธุรกิจหลักของวังซื่อกรุ๊ปคือด้านอุปกรณ์ อีกทั้งเงินที่นำไปลงทุนทุกปีก็ล้วนเป็นตัวเลขดาราศาสตร์ จึงทำให้ความสามารถของวังซื่อกรุ๊ปด้านการก่อสร้างธรรมดามาก
ฝ่ายวางแผนของที่นี่เป็นฝ่ายวางแผนที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ หลังจากวังจ่างหลินสั่งก็เริ่มยุ่งกับการออกแบบอาคาร อยากจะได้โครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง
เฉินอีสายตาเฉียบแหลมมาก เพียงแค่ปรายตามองก็เห็นภาพผลงานการออกแบบในมือของพวกเขา อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเล็กน้อย
"ความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างของวังซื่อกรุ๊ปห่างชั้นกับหลี่ซือกรุ๊ปมาก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่าจะทำให้หลี่ซือกรุ๊ปครอบคลุมทุกพื้นที่"
เขาคิดถึงข้อนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าความสามารถในการออกแบบของพวกคนมีความสามารถของวังซื่อกรุ๊ปจะแย่ขนาดนี้
ความเป็นจริง พูดว่าคนพวกนี้เป็นคนมีความสามารถ เมื่อเทียบกันแล้ว
ก็เป็นแค่วังซื่อกรุ๊ปมีความคิดขึ้นมาได้กะทันหันว่าอยากจะแย่งเอาโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง จากนั้นเป็นทีมที่รวมตัวกันกะทันหัน ถือเป็นการเลือกคนสูงในหมู่คนตัวเตี้ย เป็นธรรมดาที่ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เสมอกัน
"แต่ว่ามีคนๆนั้นมา ฉันอยากจะจัดการกับแค่หลี่ซือกรุ๊ปน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก"
เฉินอีครุ่นคิด แล้วถามว่าห้องทำงานของคนนามสกุลเหยียนอยู่ที่ไหน หลังจากนั้นก็ไป
เหยียนเล่ว์ในเวลานี้กำลังดื่มชาอย่างรื่นรมย์ คลอเคลียกับเลขาที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงเคาะประตูกะทันหันจึงไม่พอใจขึ้นมาทันที
"ฉันไปเปิดประตูค่ะ"
เลขาอยากจะใส่เสื้อแล้วออกไปเปิดประตู ทว่ากลับถูกเหยียนเลว์ปรามเอาไว้ "ปล่อยให้ไอ้หมอนั่นรออยู่ด้านนอก กล้าวางสายฉันถ้าไม่ให้ลำบากหน่อยก็คงไม่จำ"
"ฮ่าๆ หมอนั่นโง่จริงๆเลยค่ะ ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าลุงของหัวหน้าเหยียนเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของวังซื่อกรุ๊ป มีเรื่องกับคุณก็เท่ากับมีเรื่องกับวังซื่อกรุ๊ป อยากจะทำงานที่นี่ต่อเป็นเรื่องเพ้อฝันชัดๆ"
เลขาก็ไม่รีบร้อนแล้ว ถึงขั้นเปิดคอเสื้อเผยให้เห็นผิวที่ขาวดุจหิมะ
เหยียนเลว่พูดด้วยความได้ใจ:"ไม่ใช่แค่นี้ ลุงของฉันตกลงกับหลี่เจ๋อจากตระกูลหลี่แล้ว ขอแค่ฉันช่วยเขาจัดการไอ้หมอนี่ คุณชายหลี่เจ๋อจะช่วยพวกเราแย่งตำแหน่งมาจากไอ้แก่วังจ่างหลิน ถึงเวลานั้นฉันก็เป็นประธาน ส่วนเธอก็เป็นภรรยาประธาน"
"แต่ว่าภรรยาของคุณจะทำยังไงคะ?"
เลขาเอ่ยถาม เหยียนเลว่นึกถึงภรรยาแก่ของตนเองที่บ้านแล้วหัวเราะในลำคอ "รอให้ฉันได้เป็นวังซื่อกรุ๊ป ไม่สิ ประธานของเหยียนซื่อกรุ๊ปแล้วจะใช้ชีวิตกับยัยแก่นั่นได้ยังไง ต้องรักและทะนุถนอมเธอต่างหาก"
"อั๊ยโย่ว หัวหน้าเหยียน ไม่ ประธานเหยียนใจร้ายจริงๆนะคะ"
เลขาถูกพูดจนหัวใจว้าวุ่น ไปพร้อมกับถูกเหยียนเลว่พิชิต ขาดก็แต่แสดงละครฉากใหญ่แล้ว
"ปั้ง!”
ในเวลานี้เอง ประตูถูกเปิด เสียงไม่เบา
เลขารีบลุกขึ้นแล้วหลบอยู่หลังโซฟา สีหน้าของเหยียนเลว่ก็หม่นหมองลง รูดซิป แล้วมองไปที่ประตู
"นายคือเฉินอี?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ