"อยากจะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย ได้"
เฉินอีพูดช้าๆ จากนั้นหยิบของเล่นขึ้นมา เหยียนเลว่ไม่เข้าใจ
"การที่คุณไม่เข้าใจเป็นเรื่องปกติมาก เพราะนี่คือเครื่องดักฟังที่ทหารใช้ มีฟังก์ชันบันทึกเสียงในตัว ผลของการเก็บเสียงอย่างดีของพวกคุณเมื่ออยู่ตรงหน้าเครื่องบันทึกเสียงนี้ก็เป็นแค่ของตกแต่งเท่านั้น"
มุมปากของเฉินอียกขึ้น เหมือนปีศาจอย่างมาก อย่างน้อยในสายตาของเหยียนเลว่เป็นแบบนี้
"แก แกต้องการอะไรกันแน่!”
เหยียนเลว่ไม่กล้าเดิมพันว่าคำพูดของเฉินอีเป็นความจริงหรือโกหก มือที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นก็หยุดลง
ถ้าอีกฝ่ายมีหลักฐาน การที่เขาร้องเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยเท่ากับรนหาที่ตาย
"นายอยากจะเจราจากับฉัน?"
จู่ๆเหยียนเลว่ก็มีความคิดนี้แล่นขึ้นมา
ภายในใจยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
มีจุดอ่อนนี้อยู่ เขาไม่สามารถทำอะไรเฉินอีได้ แน่นอนว่าก็ไม่สามารถจัดการสิ่งที่หลี่เจ๋อสั่งได้ ยิ่งไม่สามารถร่วมมือกับหลี่เจ๋อแย่งชิงธุรกิจของวังซื่อกรุ๊ปได้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าหากวังซื่อกรุ๊ปจับได้ว่าเขาและลุงมีความคิดนี้ เกรงว่าตระกูลเหยียนคงเดินถึงปลายทางแล้ว
"วางใจเถอะ ผมไม่มีวันไปฟ้องหรอก เพราะถึงอย่างไรสำหรับผมแล้วใครเป็นบอสของวังซื่อกรุ๊ปก็ไม่ต่างกัน"
เฉินอียิ้มแล้วพูด และปล่อยมือ
"บอกผม ทำไมหลี่เจ๋อต้องตรวจสอบผมด้วย"
เหยียนเลว่คือหมากที่หลี่เจ๋อวางเอาไว้ในวังซื่อกรุ๊ปเพื่อเล่นงานเขา นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกข้อหนึ่งคือเป็นจารชนคอยขายวังซื่อกรุ๊ป ข้อนี้เขาอ่านออกหมดแล้ว
แต่ทำไมตระกูลหลี่ต้องตรวจสอบตน นี่คือสิ่งที่ตั้งแต่ต้นจนจบเฉินอีไม่เข้าใจ
"ในสายตาของตระกูลหลี่ ผมเป็นแค่ตัวละครที่มีและไม่มีก็ได้ ทำไมต้องไม่เล่นงานผมตรงๆแต่กลับตรวจสอบผม?"
"ในนี้ต้องมีอะไรแปลกๆแน่นอน แต่ว่าคืออะไรยังต้องตรวจสอบอย่างละเอียด"
เหยียนเลว่ไม่รู้ความคิดของเฉินอี เขารู้แค่ว่าแผนการในครั้งนี้จบเห่แล้ว
"ทำไมหลี่เจ๋อต้องตรวจสอบนาย ฉันเองก็ไม่รู้เหตุผลของเขา แต่ฉันบอกนายได้ว่าต่อให้ไม่มีพวกเราลุงหลานตระกูลเหยียนอยู่ วังซื่อกรุ๊ปล้มละลายก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ ส่วนแกที่ถูกคุณชายหลี่เจ๋อจับตาแน่นอนว่าตายสถานที่"
"ขอเตือนนายด้วยความหวังดี ออกไปจากเมืองฉือ ถึงขั้นออกไปจากเมืองชิงชวน มีแค่วิธีนี้เท่านั้นนายถึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้"
เหยียนเลว่พูดเสียงเคร่งขรึม
เฉินอีเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มแล้วพูด:"หัวหน้าเหยียนเตือนผมด้วยความหวังดีแบบนี้ หรือเป็นกังวลว่าเจ้านี่จะรั่วไหลออกไป"
เหยียนเลว่นิ่งเงียบ เท่ากับยอมรับ
เขาคิดไม่ถึงว่า คนที่เขาดูเหมือนว่าเป็นมดตัวหนึ่งที่สามารถบี้ให้ตายอย่างง่ายดาย วันนี้กลับกลายเป็นคนที่เขากลัวที่สุด
นอกจากวังซื่อกรุ๊ปล้มละลาย หรือไม่ก็คือตนแย่งเครื่องบันทึกเสียงนี้มาได้ เขาถึงจะกินอิ่มนอนหลับ
ไม่ใช่ว่าเหยียนเลว่ไม่เคยคิดใช้ความรุนแรง แต่จากคำพูดของหลี่เจ๋อ ดูเหมือนว่าเฉินอีคนนี้จะเป็นคนมีฝีมือในวงการ ตนเองร่างกายอ่อนแอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน และการเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาก็เป็นการรนหาที่ตาย จึงทำได้เพียงอดกลั้น
เฉินอีรู้สึกหมดสนุกขึ้นมาทันที
เดิมทีเขาคิดว่าเหยียนเลว่จะรู้อะไรสักหน่อย แต่เวลานี้ดูจากแผนการของหลี่เจ๋อแล้ว เหยียนเลว่เป็นแค่หมากที่มีหรือไม่มีก็ได้
"นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะทำงานที่นี่ แต่ผมไม่ชอบให้ใครมารบกวน รวมถึงคุณ และคุณ"
สายตาของเขามองไปทางเหยียนเลว่และเลขาคนนั้น เป็นสายตาที่เยือกเย็นมาก
รอให้เฉินอีเดินออกจากห้องทำงาน เหยียนเลว่กำหมัดแล้วชกไปบนโซฟา เขาไม่กล้าชกไปที่โต๊ะเพราะเลือดจะออก
"ประธานเหยียน ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดีคะ หรือว่าจะต้องถูกไอ้หมอนี่ข่มขู่ไปตลอดชีวิต?"
เลขารีบเดินมา นั่งบนตักเหยียนเลว่แล้วถามเสียงออดอ้อน
นัยน์ตาของเหยียนเลว์ฉายเจตนาฆ่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ