เฉินฝูดูถูกเป็นอย่างมาก
ต่อให้เขาที่ตอนแรกเป็นแค่คนใช้คนหนึ่งของตระกูลเฉิน แค่เพิ่งพาการประจบประแจงให้นายหญิงแห่งตระกูลเฉินดีใจ ถึงได้รับการประทานให้มีแซ่ว่าเฉิน และได้เข้าไปเป็นเฉินซื่อกรุ๊ปสายอ้อม
แต่เขาดูหมิ่นเฉินอีอย่างมาก
"เป็นแค่สุนับกลางถนนคนหนึ่ง ต่อให้มีโอกาสสร้างอำนาจของตัวเอง แต่ยังไงก็เป็นไอ้คนชั้นต่ำที่ไม่เข้าพวกอยู่ดี"
"เหอะๆ ตามความคาดเดาของฉัน คิดว่าไอ้เฉินอีคงใช้ชื่อเสียงของตระกูลเฉินดำเนินงานด้านนอก นี่ถือเป็นการทำงานชื่อเสียงของตระกูลเฉินต้องแปดเปื้อน ถ้าฉันสามารถจัดการเฉินอี คิดว่านายหญิงก็คงจะมีความสุขอย่างมาก"
เฉินฝูยิ่งคิดแบบนี้ ความตื่นเต้นในใจก็อยากจะกลั้นไว้
พ่อบ้านของเขาผงกหัวเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น "องค์ชายพูดได้มีเหตุผลครับ แค่พวกเราแฉเฉินอี เขาจะไม่เหลืออะไรเลย เหอะๆ ถึงเวลาให้เขารู้ว่าอะไรที่เรียกว่าการทรยศ"
........
"เถ้าแก่ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ"
ในรถปอร์เช่คันหนึ่ง วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่ก็เล่าเรื่องอย่างละเอียด แล้วลอบมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเฉินอี สังเกตเห็นคนด้านหลังไม่สื่อความรู้สึกใดๆเลย
"อืม"
เขานิ่งสงบอย่างมาก แม้กระทั่งยังพูดด้วยเสียงเรียบเฉยเล็กน้อย
"เถ้าแก่ ท่านรู้ว่าเฉินฝูมีตำแหน่งอะไรในตระกูลเฉินไหมครับ?"
วังจ่างหลินอดถามแบบนี้ไม่ได้
เซียวเทียนหู่ก็มองไปและติดตามเป็นอย่างดี
"เฉินฝูน่ะ"
นัยน์ตาของเฉินอีเปล่งประกายแสงอันเลือดเย็น "ฉันเคยได้ยินอยู่แล้ว ทีแรกเขาไม่ได้แซ่เฉิน เป็นแค่คนที่สนิทสนมกับตระกูลเฉินของฉันในตอนนั้น"
"นึกไม่ถึงว่าเวลาเปลี่ยนไป คนใช้คนหนึ่งในตอนนั้นก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิน แม่เลี้ยงของฉันมีวิธีที่ไม่เลวจริงๆ"
เขายกมุมปากขึ้น แล้วพูดขึ้นต่อ "พวกนายทำเรื่องของตัวเองไปเถอะ ตอนนี้พวกนายยังรับมือกับคนอย่างเฉินฝูไม่ได้"
"ฉันก็ไม่มีกำลังคนมากพอที่จะไปปกป้องพวกนายได้ ดังนั้นพวกนายต่างก็ส่งคนออกมา ฉันจะเป็นคนฝึกฝนเอง รอให้ฝึกสำเร็จแล้วค่อยคืนให้พวกนาย"
"ฝึกฝน?"
วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่สบตากันเพียงแวบเดียว แล้วมองหน้ากัน
พวกเขาเคยเห็นหงส์แดง เสือขาวและมังกรเขียวลงไม้ลงมือ กลับไม่เคยเห็นเฉินอีลงมือเลย
อีกอย่าง เฉินอีเป็นตั้งผู้ควบคุมอำนาจ หรือว่าตำแหน่งสูงน่าเกรงขาม ทว่าพลังการต่อสู้ของตัวเองกลับไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง
ผู้ที่เก่งกาจย่อมมีตำแหน่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันทั่วไปอยู่แล้ว
ทว่าผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งจะมีพลังที่เก่งกาจหรือไม่ กลับเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
"ทุกฝ่ายส่งมาให้ฉันสิบห้าถึงยี่สิบคน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ผ่านไปไม่รอแล้ว"
เฉินอีก็ขี้เกียจไปเรียกร้อง
จึงผายมือให้พวกเขาสองคนจากไป
เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินที่ลงจากรถก็รีบไปหามังกรเขียวเลย
"คุณมังกรเขียว เมื่อกี้เถ้าแก่บอกว่าหาคนที่จะเป็นผู้สนับสนุนทางกำลังการต่อสู้ไปเข้ารับการฝึกฝน คือว่าท่านจะเป็นคนฝึกฝนด้วยตัวเองเหรอ?"
มังกรเขียวตะลึงงันก่อน แล้วส่ายหน้า "ฉันไม่เคยได้ยินเลย"
เขามองมังกรหนึ่งและไม่กี่คนอีกครั้ง แล้วส่ายหัวแสดงให้เห็นว่าไม่รู้
ครั้งนี้วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
"เถ้าแก่เกิดมามีฐานะสูงส่ง จะเป็นคนฝึกฝนลูกน้องของพวกเราด้วยตัวเองได้ยังไง?"
"ใช่ เขามีธุระต้องยุ่งมากมาย คงไม่จำเป็นหรอก"
มังกรเขียวและมังกรหนึ่งและคนอื่นๆได้ยิน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ทั้งรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของทุกคนทำให้เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินตะลึงงันไปเลย
"คุณมังกรเขียว นี่พวกคุณ?"
"พวกคุณสองคนไม่รู้จักเห็นค่าในสิ่งที่ตัวเองมี มีเจ้ามังกรฝึกฝนด้วยตัวเอง ลูกน้องของคุณยิ่งกว่าถูกหวยอีก"
พวกเขาเคยเห็นหงส์แดง เสือขาวและมังกรเขียวลงไม้ลงมือ กลับไม่เคยเห็นเฉินอีลงมือเลย
อีกอย่าง เฉินอีเป็นตั้งผู้ควบคุมอำนาจ หรือว่าตำแหน่งสูงน่าเกรงขาม ทว่าพลังการต่อสู้ของตัวเองกลับไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง
ผู้ที่เก่งกาจย่อมมีตำแหน่งก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันทั่วไปอยู่แล้ว
ทว่าผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งจะมีพลังที่เก่งกาจหรือไม่ กลับเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
"ทุกฝ่ายส่งมาให้ฉันสิบห้าถึงยี่สิบคน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย ผ่านไปไม่รอแล้ว"
เฉินอีก็ขี้เกียจไปเรียกร้อง
จึงผายมือให้พวกเขาสองคนจากไป
เซียวเทียนหู่และวังจ่างหลินที่ลงจากรถก็รีบไปหามังกรเขียวเลย
"คุณมังกรเขียว เมื่อกี้เถ้าแก่บอกว่าหาคนที่จะเป็นผู้สนับสนุนทางกำลังการต่อสู้ไปเข้ารับการฝึกฝน คือว่าท่านจะเป็นคนฝึกฝนด้วยตัวเองเหรอ?"
มังกรเขียวตะลึงงันก่อน แล้วส่ายหน้า "ฉันไม่เคยได้ยินเลย"
เขามองมังกรหนึ่งและไม่กี่คนอีกครั้ง แล้วส่ายหัวแสดงให้เห็นว่าไม่รู้
ครั้งนี้วังจ่างหลินและเซียวเทียนหู่รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
"เถ้าแก่เกิดมามีฐานะสูงส่ง จะเป็นคนฝึกฝนลูกน้องของพวกเราด้วยตัวเองได้ยังไง?"
"ใช่ เขามีธุระต้องยุ่งมากมาย คงไม่จำเป็นหรอก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ