“หลี่เจ๋อ!”
เฉินอีพึมพำชื่อนี้อย่างเบาๆ
แสงเย็นแวบผ่านดวงตาของเขา
“ฉันไม่เคยคิดที่จะจัดการเขาเพื่อล้างแค้นภรรยาและลูกสาวของฉันเลย เขาดันมาเริ่มฉากผู้ร้ายก่อนเสียนี่”
เมื่อก่อนหลี่เจ๋อใช้ฉินหวยจือในการกดขี่ฉินปิงหลันอีกทั้งยังบังคับให้ฉินปิงหลันร่วมเตียงกับเขาอีก แม้ว่าเฉินอีจะไม่ได้สืบสนเรื่องนี้ต่อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้สนใจ
ทุกวันนี้เขาจ้องมองแต่เฉินฝูมาโดยตลอดและทิ้งหลี่เจ๋อไว้ข้างหลัง
ในเมื่อเขายังกล้ากระโดดออกมาเช่นนี้ก็อย่ามาโทษเขาว่าทำตัวไม่เกรงใจก็แล้วกัน
“ไป๋หง ฉันจะให้งานแรกกับหล่อน กลับไปบอกหลี่เจ๋อว่าหล่อนลอบสังหารได้สำเร็จ”
“อืม”
แม้ว่าไป๋หงจะไม่เข้าใจความคิดของเฉินอีแต่หล่อนเป็นเพียงนักฆ่า ในเมื่อหล่อนทำงานให้กับเฉินอีแล้วก็ควรจะต้องทำตามที่สั่งดีกว่าไปถามถึงเหตุผลว่าทำทำไม
เป็นมีดในมือของคนอื่นก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นมีด
ในด้านของฉินปิงหลันที่มาถึงประตูทางเข้าของวังซื่อกรุ๊ปแต่กลับพบว่ามีคนจำนวนมากพลุกพล่านไปหมด ประดับประดาไปด้วยผ้าและโคมไฟอันสวยงาม มีหญิงสาวสวมชุดกี่เพ้ามาเรียงแถวยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู
“นี่…”
ฉินปิงหลันไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้ว
เธอไม่ใช่คนโง่ จากจุดนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าคนที่มานั้นล้วนแต่เป็นแขกผู้มีเกียรติกันทั้งนั้น อีกทั้งยังเป็นแขกผู้มีเกียรติระดับคนใหญ่คนโตซะด้วยสิ อย่างน้อยก็ทำให้วังจ่างหลิน เถ้าแก่ของวังซื่อกรุ๊ปปฏิบัติตัวได้อย่างเป็นพิธีขนาดนี้ ดังนั้นวันนี้คือวันที่ต้องมาคุยเรื่องการทำงานร่วมกันงั้นเหรอ?
“ลืมมันไปซะเถอะ ห้ามไปทำให้งานต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของประธานวังต้องเสียเวลา ไม่เช่นนั้นฉันคงมีภาพลักษณ์ที่ดูแย่มากแน่ๆ”
ฉินปิงหลันที่คิดอยู่ก็เตรียมจะเดินออกไป
แต่เมื่อหันกลับมา ฉินปิงหลันก็ต้องพบกับคนที่เธออยากจะหลบซ่อนมากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือฉินหวยจือ
“โย้ นี่ไม่ใช่น้องสาวฉินปิงหลันหรอกเหรอเนี่ย เธอมาได้ยังไงกัน”
ฉินหวยจือยิ้ม
แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายคนโตของภรรยาคนรองและฉินปิงหลันเป็นลูกสาวของภรรยาหลวง แต่ในแง่ของอายุแล้วฉินปิงหลันนั้นอ่อนกว่าฉินหวยจือถึงสี่ปีเลยทีเดียว ฉินต้าไห่ให้กำเนิดฉินหวยจือตอนชีวิตเหลวแหลก
ต้องบอกว่าแม้คำพูดที่ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นนั้นจะไม่ได้ถูกต้องไปทั้งหมดแต่ก็ดูเหมาะสมที่จะนำมาใช้กับภรรยาคนรองของตระกูลฉิน ฉินหวยจือเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีชีวิตยุ่งเหยิงเหลวแหลก หากไม่ใช่เพราะฉินต้าไห่ที่คอยมาจัดการเรื่องยุ่งเหยิงให้ล่ะก็เกรงว่าป่านนี้คงมีลูกที่อายุโตได้สิบกว่าขวบแล้วล่ะ
“ฉันมาคุยเรื่องการร่วมมือในทำงานน่ะ”
แม้ว่าฉินปิงหลันจะไม่ต้องการพบฉินหวยจือ แต่เมื่อพบกันแล้วเธอก็จะไม่ถอยหลังกลับ
ฉินหวยจือไม่พอใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ก็แค่ผู้หญิงที่มีเรื่องฉาวโฉ่คนหนึ่งที่กล้ามาแย่งตำแหน่งประธานกับตน อีกทั้งยังวิ่งมาทำตัวไร้ยางอายถึงหน้าวังซื่อกรุ๊ปอีก
“เธอรีบออกไปเลยนะ ถ้ามีคนของวังซื่อกรุ๊ปมาเห็นเข้าล่ะก็ฉันคงพลอยโดนผลกระทบไปด้วย พอถึงตอนนั้นถ้าฉันเจรจาคุยงานไม่ได้เธอจะมารับผิดชอบให้ไหมล่ะ?”
ฉินหวยจือโบกมือเพื่อเป็นสัญญาณไล่ฉินปิงหลันออกไป
แต่ฉินปิงหลันขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “แต่เมื่อวานประธานวังติดต่อฉันมาเพื่อมาคุยเจรจาเรื่องทำงานร่วมกันกับเขานะ นายเองก็ได้รับโทรศัพท์จากประธานวังเหมือนกันเหรอ?”
“อะไร?ประธานวัง?”
เมื่อฉินหวยจือได้ยินสิ่งนี้ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะออกมา
“ฉินปิงหลันอ่าฉินปิงหลัน นี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง วันนี้ฉันมาเพื่อพบกับหัวหน้าเหยียนต่างหากและที่เธอบอกว่าประธานวังโทรหาเธอ เป็นไปได้ไหมว่าเขาโทรหาเธอในความฝันน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไม่เพียงแต่เขาที่หัวเราะ ผู้อาวุโสอีกหลายคนที่ตามเขามาต่างก็พากันหัวเราะเสียงดัง
“ดูเหมือนว่าคุณฉินปิงหลันนี่จะมีปัญหาทางสมองนะเนี่ย มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าสไตล์ของประธานวังนั้นเป็นยังไง จะมีก็แต่คนที่เข้ามาเจรจากับลูกน้องของประธานวัง ส่วนประธานวังก็มีหน้าที่แค่เห็นด้วยหรือคัดค้านเท่านั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะติดต่อมาเจรจาคุยเรื่องการร่วมมือทำงานกับบริษัทเล็กๆ”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย ผู้หญิงที่เข้ามาทำงานเป็นประธานได้เพียงเดือนกว่าๆก็มีเรื่องอื้อฉาวออกมาจะไปมีสติปัญญาได้ยังไงกัน อีกอย่างเธอจะไปรู้จักกับประธานวังได้ยังไงในเมื่อเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงทั่วๆไปเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ