“ประธานฉิน ตั้งหน้าตั้งตารอคอยในที่สุดก็ได้สักทีนะท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ได้ยินเสียงก่อนที่จะเห็นตัว
ฉินหวยจือได้ยินเสียงของวังจ่างหลินหลายครั้งหลายคราในโทรทัศน์และนั่นทำให้เขารู้สึกเพ้อฝันถึงมันเล็กน้อย เขารีบลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะต้อนรับบอสใหญ่ประธานวัง
แต่ว่า!
“เฮ้ ประธานฉินล่ะ?”
ประตูถูกเปิดออกแต่ฉินหวยจือกลับได้ยินประโยคคำถามนี้จากวังจ่างหลิน
ฉินหวยจือรีบแนะนำตัวเอง “ประธานวัง ผมคือประธานของฉินซื่อกรุ๊ป ครั้งนี้ช่างน่าละอายจริงๆที่ต้องรบกวนเวลาการทำงานของประธานวังเพื่อมาสนใจแผนงานของเราฉินซื่อกรุ๊ป”
ขณะที่พูดเขาก็ได้ดึงแผนงานการออกแบบของทีมออกมาแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีทุกๆคนก็ต่างหยุดอยู่กับที่
“ไม่ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป คุณบอกว่าเป็นประธานของฉินซื่อกรุ๊ป เป็นไปได้ไหมว่าคุณคือฉินหวยจือ?”
ฉินหวยจือรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ถูกต้องครับ”
นึกไม่ถึงเลยว่าวังจ่างหลินจะจำชื่อของเขาได้
“งั้นเชิญคุณกลับไปเถอะ คนที่ฉันอยากเจอไม่ใช่คุณ”
คำพูดของวังจ่างหลินนั้นเกือบทำให้ฉินหวยจือเซล้มลงไปกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมารู้สึกยากที่จะเชื่อ เมื่อเห็นวังจ่างหลินกำลังจะจากไป เขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปแต่กลับถูกเยว่ชูหลิงเข้ามาขวางไว้
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่เราทำตัวเซ่อซ่าจำคนผิดแบบนี้ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ”
หล่อนรู้สึกละอายเล็กน้อย หล่อนเป็นคนที่ทำให้มันไม่ชัดเจนและรีบร้อนรายงานเกินไป
ฉินหวยจือนั้นไม่ยอมแพ้และต้องการที่จะถามออกไป ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของวังจ่างหลินก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับคุณมังกรเขียว”
“อะไรนะ?ประธานฉินมาแล้วแต่ว่าโดนไล่กลับไปงั้นเหรอ?”
“เอาล่ะเอาล่ะ เดี๋ยวผมจะรีบลงไปขอโทษประธานฉินเดี๋ยวนี้ ขอบคุณคุณมังกรเขียวนะครับ”
เมื่อวางสายเสร็จ วังจ่างหลินก็รีบเดินออกไป ฉินหวยจือและอีกสามคนได้แต่มองอย่างตกอกตกใจ
คุณมังกรเขียว
ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นหูนัก
พวกเขาคิดไปคิดมาแต่ก็นึกกันไม่ออกอยู่ดี
ฉินหวยจือพูดด้วยความเกลียดชัง “ไปดูกันเถอะ ฉันก็อยากดูเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เป็นประธานฉิน”
ในเวลาสั้นๆเพียงครึ่งชั่วโมง กล่าวได้เลยว่าเหมือนขึ้นสวรรค์แล้วตกลงนรกในทันที อารมณ์ของเขาไม่ดีเป็นอย่างมาก
เพียงแต่พวกเขาช้าไปหนึ่งก้าว ประธานฉินผู้ลึกลับคนนี้ได้ขึ้นมาชั้นบนของตึกแล้ว
“พวกนายไปดูมาซิว่า ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนอกจากตระกูลเราแล้วยังมีใครที่เป็นประธานแซ่ฉินอีก”
ฉินหวยจือเตือนสติ เขาจะต้องทำให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
แต่เมื่อหันศีรษะกลับมา เขาก็ต้องพบกับร่างที่คุ้นเคย
“เฉินอี?!”
ฉินหวยจือก้าวเท้าไปหาเฉินอีพร้อมกับถามอย่างเคลือบแคลงใจ “แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เฉินอีสูบบุหรี่ ขี้เกียจที่จะไปสนใจเขา
“นี่มึงดูถูกกูใช่ไหม!”
ใจของฉินหวยจือเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อก่อนวังซื่อกรุ๊ปเคยถูกทำให้อับอายขายขี้หน้ามาแล้วหนหนึ่ง ส่งผลให้ชายผู้หยาบคายและรู้จักแต่เรื่องความรุนแรงนี้กล้ามาดูถูกตนได้
ในครั้งนี้ เฉินอีรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“ไสหัวไปซะ!”
เขาพูดคำสี่คำออกมาด้วยเสียงอันแผ่นเบาและเย็นชา
ฉินหวยจือเองก็รู้สึกรำคาญขึ้นเรื่อยๆแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปมีเรื่องกับเฉินอี
เรื่องตลกก็คือเขายังจำครั้งก่อนที่ถูกเฉินอีตีจนลงไปกองกับพื้นได้อยู่เลย ความทรงจำยังเด่นชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น
“เฉินอี ดี ดีมากเลยนะแกน่ะ อย่าให้ฉันต้องเห็นหน้าแกอีกไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจัดคนมาฆ่าแกให้ตายซะ”
ฉินหวยจือพูดข่มขู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ