ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 77

สรุปบท บทที่ 77 เสร็จสิ้นสัญญา: ศึกเดือด มหากาฬ

สรุปเนื้อหา บทที่ 77 เสร็จสิ้นสัญญา – ศึกเดือด มหากาฬ โดย Light-Knight

บท บทที่ 77 เสร็จสิ้นสัญญา ของ ศึกเดือด มหากาฬ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Light-Knight อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“ประธานฉิน ตั้งหน้าตั้งตารอคอยในที่สุดก็ได้สักทีนะท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ได้ยินเสียงก่อนที่จะเห็นตัว

ฉินหวยจือได้ยินเสียงของวังจ่างหลินหลายครั้งหลายคราในโทรทัศน์และนั่นทำให้เขารู้สึกเพ้อฝันถึงมันเล็กน้อย เขารีบลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะต้อนรับบอสใหญ่ประธานวัง

แต่ว่า!

“เฮ้ ประธานฉินล่ะ?”

ประตูถูกเปิดออกแต่ฉินหวยจือกลับได้ยินประโยคคำถามนี้จากวังจ่างหลิน

ฉินหวยจือรีบแนะนำตัวเอง “ประธานวัง ผมคือประธานของฉินซื่อกรุ๊ป ครั้งนี้ช่างน่าละอายจริงๆที่ต้องรบกวนเวลาการทำงานของประธานวังเพื่อมาสนใจแผนงานของเราฉินซื่อกรุ๊ป”

ขณะที่พูดเขาก็ได้ดึงแผนงานการออกแบบของทีมออกมาแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีทุกๆคนก็ต่างหยุดอยู่กับที่

“ไม่ อย่าเพิ่งรีบร้อนไป คุณบอกว่าเป็นประธานของฉินซื่อกรุ๊ป เป็นไปได้ไหมว่าคุณคือฉินหวยจือ?”

ฉินหวยจือรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“ถูกต้องครับ”

นึกไม่ถึงเลยว่าวังจ่างหลินจะจำชื่อของเขาได้

“งั้นเชิญคุณกลับไปเถอะ คนที่ฉันอยากเจอไม่ใช่คุณ”

คำพูดของวังจ่างหลินนั้นเกือบทำให้ฉินหวยจือเซล้มลงไปกับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมารู้สึกยากที่จะเชื่อ เมื่อเห็นวังจ่างหลินกำลังจะจากไป เขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปแต่กลับถูกเยว่ชูหลิงเข้ามาขวางไว้

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่เราทำตัวเซ่อซ่าจำคนผิดแบบนี้ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ”

หล่อนรู้สึกละอายเล็กน้อย หล่อนเป็นคนที่ทำให้มันไม่ชัดเจนและรีบร้อนรายงานเกินไป

ฉินหวยจือนั้นไม่ยอมแพ้และต้องการที่จะถามออกไป ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของวังจ่างหลินก็ดังขึ้น

“สวัสดีครับคุณมังกรเขียว”

“อะไรนะ?ประธานฉินมาแล้วแต่ว่าโดนไล่กลับไปงั้นเหรอ?”

“เอาล่ะเอาล่ะ เดี๋ยวผมจะรีบลงไปขอโทษประธานฉินเดี๋ยวนี้ ขอบคุณคุณมังกรเขียวนะครับ”

เมื่อวางสายเสร็จ วังจ่างหลินก็รีบเดินออกไป ฉินหวยจือและอีกสามคนได้แต่มองอย่างตกอกตกใจ

คุณมังกรเขียว

ทำไมชื่อนี้ถึงฟังดูคุ้นหูนัก

พวกเขาคิดไปคิดมาแต่ก็นึกกันไม่ออกอยู่ดี

ฉินหวยจือพูดด้วยความเกลียดชัง “ไปดูกันเถอะ ฉันก็อยากดูเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เป็นประธานฉิน”

ในเวลาสั้นๆเพียงครึ่งชั่วโมง กล่าวได้เลยว่าเหมือนขึ้นสวรรค์แล้วตกลงนรกในทันที อารมณ์ของเขาไม่ดีเป็นอย่างมาก

เพียงแต่พวกเขาช้าไปหนึ่งก้าว ประธานฉินผู้ลึกลับคนนี้ได้ขึ้นมาชั้นบนของตึกแล้ว

“พวกนายไปดูมาซิว่า ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนอกจากตระกูลเราแล้วยังมีใครที่เป็นประธานแซ่ฉินอีก”

ฉินหวยจือเตือนสติ เขาจะต้องทำให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง

แต่เมื่อหันศีรษะกลับมา เขาก็ต้องพบกับร่างที่คุ้นเคย

“เฉินอี?!”

ฉินหวยจือก้าวเท้าไปหาเฉินอีพร้อมกับถามอย่างเคลือบแคลงใจ “แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

เฉินอีสูบบุหรี่ ขี้เกียจที่จะไปสนใจเขา

“นี่มึงดูถูกกูใช่ไหม!”

ใจของฉินหวยจือเต็มไปด้วยความโกรธ

เมื่อก่อนวังซื่อกรุ๊ปเคยถูกทำให้อับอายขายขี้หน้ามาแล้วหนหนึ่ง ส่งผลให้ชายผู้หยาบคายและรู้จักแต่เรื่องความรุนแรงนี้กล้ามาดูถูกตนได้

ในครั้งนี้ เฉินอีรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

“ไสหัวไปซะ!”

เขาพูดคำสี่คำออกมาด้วยเสียงอันแผ่นเบาและเย็นชา

ฉินหวยจือเองก็รู้สึกรำคาญขึ้นเรื่อยๆแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปมีเรื่องกับเฉินอี

เรื่องตลกก็คือเขายังจำครั้งก่อนที่ถูกเฉินอีตีจนลงไปกองกับพื้นได้อยู่เลย ความทรงจำยังเด่นชัดเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น

“เฉินอี ดี ดีมากเลยนะแกน่ะ อย่าให้ฉันต้องเห็นหน้าแกอีกไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจัดคนมาฆ่าแกให้ตายซะ”

ฉินหวยจือพูดข่มขู่

ตามหลักปกติแล้วก็คงไม่มีใครกล้าไปเร่งรัดคนใหญ่คนโตอย่างวังจ่างหลินหรอก

แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อวังจ่างหลินได้ยินสิ่งที่ฉินปิงหลันก็ถึงกับเป็นกังวล

“ประธานฉินจะมาติดต่อผมได้ยังไงกันล่ะครับ ต้องเป็นผมต่างหากที่ต้องติดต่อคุณไปก่อนถึงจะถูก”

“คุณสุภาพขนาดนี้มันทำให้อายุขัยของฉันสั้นลงนะคะ”

“...”

ฉินปิงหลันเต็มไปด้วยความสงสัยแต่เธอก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดใดๆ “ประธานวัง พวกเรามาเข้าเรื่องหัวข้อกันเลยดีกว่าค่ะ”

“ครับครับได้เลย!”

วังจ่างหลินรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังพูดถึงแผนงาน เยว่ชูหลิงก็จะคอยชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดและวิธีการแก้ไขจนฉินปิงหลันนั้นเข้าใจในทุกๆอย่างและในที่สุดวังจ่างหลินก็สรุป “เซ็นสัญญากันเถอะครับ”

ฉินปิงหลันเซ็นสัญญาและออกไปอย่างสติไม่ค่อนอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่

เยว่ชูหลิงเหลือบมองไปที่วังจ่างหลินอย่างสงสัย “ประธานวังคะ แม้ว่าแผนงานของคุณฉินนั้นจะถือว่าไม่เลวเลยก็ตามแต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องด่วนสรุปเร็วขนาดนี้ก็ได้นี่คะ เราสามารถรอให้เธอแก้ไขแผนงานก่อนหรืออาจจะมีแผนงานแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้งก็ได้”

วังจ่างหลินโบกมือพร้อมกับพูดว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันตัดสินใจหรอกนะ”

เมื่อพูดจบก็ทิ้งให้เยว่ชูหลิงที่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกให้อยู่คนเดียว

อะไรคือการบอกว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่สามารถตัดสินใจได้กัน?

วังจ่างหลินเป็นเถ้าแก่ของวังซื่อกรุ๊ป ถ้าไม่ใช่เขาตัดสินแล้วจะมีใครมาตัดสินได้อีกล่ะ?

เยว่ชูหลิงเต็มไปด้วยความสงสัย จากนั้นก็มองไปมองมาก็เห็นร่างของฉินปิงหลันเดินออกไปกับผู้ชายคนหนึ่ง

“ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตาจังเลย ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกน้องของหล่อนที่เป็นพนักงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามา”

เยว่ชูหลิงเปิดแฟ้มดูเพื่อยืนยันความสงสัยของหล่อน

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะพบความจริงเข้าให้แล้ว

“เหอะเหอะ ฉันถึงบอกไงล่ะว่าเรื่องนี้มันประหลาดเกินไป ดูเหมือนว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี้จะเป็นคนที่แปลกๆอยู่นะ”

“มาทำงานได้ไม่กี่วันก็ลางานไปตั้งสามวันแล้วแถมยังมาสายและออกงานไวอีกต่างหาก ต้องเป็นคนที่ไว้วานให้ประธานวังนำญาติเข้ามาแทรกแซงงานแน่ๆ”

“ประธานวังเป็นคนเที่ยงธรรมไม่ไว้แก่หน้าใครทั้งนั้น เขาไม่มีทางที่จะรับคนประเภทนี้เข้ามาแน่ๆ ครั้งนี้คงจะต้องมีเรื่องให้ลำบากใจแน่ๆถึงได้ทำขนาดนี้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ