ดวงตาของเยว่ชูหลิงส่อประกายแวววาว หล่อนมองลงไปที่เฉินอีอีกครั้ง
“ก็แค่คนที่ชอบหาผลประโยชน์ให้ตัวเองแถมยังเอามิตรภาพความสัมพันธ์มาบีบคั้นผู้อื่นอีก ช่างไร้ค่าเสียจริง แม้ว่ามันอาจจะเสี่ยงที่ต้องทำร้ายประธานวังแต่ฉันจะต้องเอาชายหนุ่มคนนี้ออกไปให้ได้”
หล่อนตัดสินใจอย่างลับๆ
แต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือเฉินอีนั้นไม่ได้ใช้มิตรภาพความสัมพันธ์มาขู่เข็ญวังจ่างหลินแต่เป็นวังจ่างหลินเองต่างหากที่คอยพยายามเอาใจเฉินอี
ขณะนี้ฉินปิงหลันเองก็ยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ทุกๆสองถึงสามนาทีเธอจะหยิบสัญญาขึ้นมาเพื่อดูตราประทับเป็นเวลากว่ายี่สิบวินาทีก่อนจะวางมันลงไป
“นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
เมื่อเฉินอีเห็นพฤติกรรมของฉินปิงหลันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ฉินปิงหลันรีบพูดออกไปว่า “นายไม่รู้สึกเหรอว่าเรื่องนี้มันดูเพ้อฝันมากเลยนะ?”
“แม้ว่าประธานวังจะเห็นด้วยกับแผนงานของฉันแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาต้อนรับเป็นการส่วนตัวเลยนี่ ต่อให้มาต้อนรับก็ไม่ควรที่จะต้องรับอย่างเกรงใจดูสุภาพมีมารยาทขนาดนี้”
“ไม่ใช่ ท่าทางแบบนั้นไม่ใช่เกรงใจหรอก มันคือการนอบน้อมต่างหากล่ะ”
เมื่อนึกถึงท่าทางของวังจ่างหลิน ฉินปิงหลันก็รู้สึกเหลือเชื่ออย่างบอกไม่ถูก
เฉินอียิ้มออกมา “อาจจะเป็นเพราะประธานวังหวงแหนคนมีความสามารถ ดังนั้นเขาถึงพอใจในตัวเธอยังไงล่ะ เหมือนคำกล่าวที่ว่าคนตำแหน่งสูงเคารพในตัวของคนมีพรสวรรค์ ประธานวังคนนี้เอาใจเธออยู่นะ”
“แต่ฉันก็ไม่ได้ทำงานให้เขานะ เป็นความร่วมมือเองล้วนๆเลย”
เมื่อฟังดูในตอนแรกสิ่งที่เฉินอีพูดนั้นเหมือนดูสมเหตุสมผลแต่หากลองดูให้ละเอียดลึกลงไปมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ตอนนี้ก็นำเอาสัญญามาได้แล้วก็ถึงเวลาที่คุณย่าจะต้องทำตามสิ่งที่พูดเอาไว้”
เฉินอีเตือนออกไป ฉินปิงหลันรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับกดโทรออกไปและยังไม่ทันที่จะพูดอะไรก็ถูกเสียงตะโกนด่าใส่กลับมา- -
“ฉินปิงหลัน ยังจะมีหน้าโทรมาอีกนะ ไปหาแม่น้ำสักแห่งฆ่าตัวตายไปซะและอย่ามายุ่งกับเราอีกจะได้ไหม?”
เป็นเสียงของฉินหวยจือ
ฉินปิงหลันตกตะลึง “ไม่ใช่ นี่มันอะไรกัน?”
“เธอยังจะมีหน้ามาพูดอีก เมื่อกี้พี่ชายคนโตได้บอกกับพวกเราหมดแล้วว่าเธอไปทำให้ประธานวังจ่างหลินขุ่นเคืองใจทำให้ไม่สามารถเจรจาเรื่องการร่วมมือทำงานได้แถมยังมาทำให้พี่ชายกับตระกูลฉินต้องลำบากกันอีก ฉินปิงหลันเธอนี่เป็นหายนะจริงๆ อีกอย่างทั้งหมดนี้เธอก็จงใจทั้งนั้น ตอนแรกก็เป็นคุณชายหลี่เจ๋อแล้วก็มาเป็นประธานวังอีก เธอคิดที่จะทำให้เราตระกูลฉินไม่มีที่ยืนเลยหรือไงกัน?”
รอบนี้เป็นฉินโรซีที่รับสาย
นอกจากนี้ยังมีเสียงดุด่ามากมายจากหลายๆคน ความสุขของฉินปิงหลันที่เพิ่มพูนขึ้นในตอนแรกๆนั้นถูกทำให้มอดดับลงไปเสียแล้ว
“ต่อจากนี้ไป เธอไม่ต้องก้าวขาเข้ามาที่ประตูของตระกูลฉินอีกแล้วเว้นแต่คุณย่าจะสั่ง หากกล้าเข้ามาแม้แต่ครั้งเดียวล่ะก็ฉันจะหักขาเธอซะ!”
และสุดท้ายนี่คือคำสั่งของฉินหวยจือและเห็นได้ชัดว่าคงได้รับการยินยอมจากคุณย่าฉินแล้ว
ฉินปิงหลันถึงกับทรุดตัวลงไป
“นี่ มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เห็นได้ชัดว่าฉันเอารายการของวังซื่อกรุ๊ปมาได้แล้วแต่ทำไมฉันถึงยังเป็นคนบาปของตระกูลอีกล่ะ แม้แต่คุณย่าเองก็ยินยอมกับคำพูดของฉินหวยจือ”
เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก
เฉินอีขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “ไป พวกเรากลับไปดูกัน”
“แต่!”
“ไม่ต้องแต่ ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะทำแบบนี้ก็ต้องทำให้พวกเขากลับเสียใจภายหลัง”
“แต่ก่อนหน้านี้เราจะต้องทำให้พวกเขาเสียใจก่อน สัญญาที่อยู่ในมือของเธอตอนนี้คือเครื่องมือชั้นดีเลยแหละ”
เฉินอีไม่ฉินปิงหลัน เธอวิตกกังวลเกี่ยวกับคนในตระกูลแต่เฉินอีไม่เป็นแบบนั้น
ทำกับฉันไม่ดีก่อนก็อย่ามาหาโทษว่าฉันทำไม่ดีกลับล่ะ
ก่อนอื่นก็คือจะต้องให้พวกนั้นเห็นความหวังเสียก่อนและค่อยทำให้สิ้นหวัง นี่คือรูปแบบที่เฉินอีทำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ