“อาจารย์ชมเกินไปแล้ว ศิษย์เพียงมีโชคพอใช้เท่านั้นจึงโชคดีได้ของดีมาเล็กน้อย” หลิ่วหมิงตอบอย่างนอบน้อม
“เอาล่ะ หลิ่วหมิง! เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวเกินไป ด้วยพลังตอนนี้ของเจ้า ในหมู่ศิษย์สายในมีน้อยคนนักจะเทียบได้ เมื่อผ่านการฝึกปรือระหว่างเดินทางในเศษซากโลกบนครั้งนี้ พลังก็คงก้าวหน้าไม่น้อย ไม่รู้ว่าเจ้าวางแผนฝึกฝนต่อไปอย่างไร?” อินจิ่วหลิงโบกมือให้เขาแล้วเอ่ยเช่นนี้
“ศิษย์คิดจะเก็บตัวทะลวงคอขวดสักหน่อย หากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งยังหาโอกาสเข้าสู่ระดับแก่นแท้ไม่ได้ ศิษย์คิดจะเข้าไปในทางปีศาจร้าย” หลิ่วหมิงเอ่ยอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“อืม เรื่องฝึกฝน เจ้าทำตามแผนการของตนได้ หากต้องการสิ่งใดก็มาหาอาจารย์ได้ตลอดเวลา” อินจิ่วหลิงฟังแล้วก็พยักหน้า
“ขอบคุณอาจารย์ยิ่งนัก” หลิ่วหมิงค้อมกายคำนับ
หลังจากนั้นอินจิ่วหลิงก็ถามเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเศษซากโลกบนอีกเล็กน้อยแล้วส่งหลิ่วหมิงออกไป
เมื่อกลับมาถึงถ้ำที่พักหลิ่วหมิงก็เปิดชั้นจำกัดที่ประตูถ้ำแล้วหมกตัวอยู่ในห้องลับ เก็บตัวฝึกฝนไม่ยอมออกมา
หลังจากหลิ่วหมิงเริ่มเก็บตัวไม่นาน ทั่วทั้งนิกายยอดบริสุทธิ์ก็เล่าลือข่าวที่จินเทียนชื่อเข้าสู่ระดับดาราพยากรณ์แล้วกลับมาใช้ชื่อจินเลี่ยหยาง!
ต้องรู้ว่าชื่อจินเลี่ยหยางนี้เมื่อเจ็ดถึงแปดร้อยปีก่อนเป็นบุคคลผู้เป็นตำนานเลื่องลือบนแผ่นดินจงเทียน ทั้งยังโด่งดังต่อเนื่องนานร้อยกว่าปี
วันนี้เมื่อเขากลับมาอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คนอีกครั้ง เขาย่อมกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ทุกคนในนิกายกระตือรือร้นจะคุยบนโต๊ะน้ำชาหลังอาหาร
ในห้องโถงข้างแห่งหนึ่งบนยอดเขากระบี่สวรรค์ ชายหนุ่มผู้สวมอาภรณ์ไหมและกวานหยกคนหนึ่งนั่งสง่าอยู่บนเก้าอี้หยกสีเขียวล้วน ดวงตาเขาทอประกายระยิบระยับไม่หยุด ข้างกายเขามีสตรีกระโปรงสีม่วงคนหนึ่งยืนอยู่ นางก็คือหลงเหยียนเฟย
“คิดไม่ถึงว่าเลิกเก็บตัวครั้งนี้จะได้ข่าวจินเทียนชื่อฟื้นกลับมาระดับดาราพยากรณ์ ก็ไม่รู้ว่าการเดินทางบนเศษซากโลกบนครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงทำให้เขาคลายผนึก…ใช่แล้ว การไปเศษซากโลกบนครั้งนี้เจ้าก็ไปด้วย รู้หรือไม่ว่าที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มผู้สวมกวานหยกก็คืออวี้เหิงเจินเหรินผู้ควบคุมยอดเขากระบี่สวรรค์นั่นเอง เขาเอ่ยถามขึ้นนิ่งๆ
“ตอบผู้อาวุโส ยามนั้นศิษย์ถูกแบ่งไปอยู่กับกลุ่มของศิษย์พี่ฉิว ต่อมาจึงได้รู้จากพวกศิษย์น้องหลัว เรื่องที่พวกเขาถูกพวกต่างเผ่ากลุ่มหนึ่งดักโจมตีระหว่างสำรวจซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง แล้วศิษย์พี่จินคลายผนึกเข้าสู่ระดับดาราพยากรณ์เพื่อปกป้องศิษย์น้องคนอื่น แต่ศิษย์พี่จินกลับเป็นจินเลี่ยนหยางในตำนาน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” หลงเหยียนเฟยเอ่ยตอบตามจริง แต่นางยังคงประหลาดใจเล็กน้อยกับเรื่องจินเลี่ยนหยาง
“เฮ้อ หากไม่ใช่เพราะเรื่องไม่คาดฝันเมื่อยามนั้น ด้วยพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขา นิกายของเราไม่แน่อาจมีผู้มากความสามารถระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เพิ่มมาอีกหนึ่งคน…ส่วนต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของนิกาย ข้าไม่สะดวกเล่าอย่างละเอียด การเดินทางไปเศษซากโลกบนครั้งนี้กล่าวได้ว่าอันตรายยิ่งนัก…” ชายหนุ่มผู้สวมกวานหยกฉับพลันเปลี่ยนประเด็นถามขึ้นมา
หลงเหยียนเฟยรู้สถานการณ์จึงไม่ถามมาก นางเริ่มเล่าเจื้อยแจ้วถึงสิ่งที่ได้พบได้เห็นระหว่างหนึ่งปีนี้บนเศษซากโลกบนให้อวี้เหิงเจินเหรินฟัง
……
ในศาลาแปดเหลี่ยมหลังหนึ่งตรงไหล่เขาของยอดเขาสวรรค์ลี้ลับ ศิษย์แห่งยอดเขาสวรรค์ลี้ลับผู้สวมอาภรณ์ไหมสีเงินหลายคนกำลังรวมตัวกันอยู่ พวกเขากำลังสนทนาออกรสถึงบางสิ่ง
ในหมู่คนเหล่านี้ชายหนุ่มหน้าหมดจดคนหนึ่งในนั้นเหมือนจะเป็นหัวหน้า คนผู้นี้ก็คือหลัวเทียนเฉิงผู้ครอบครองร่างจิตวิญญาณตูเทียนนั่นเอง
“จินเทียนชื่อก็คือผู้อาวุโสจินเลี่ยนหยางคนนั้นในสมัยนั้น พวกเจ้าว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่?” ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา
“สมัยข้าเพิ่งเข้าสู่นิกายสายในเคยได้ยินศิษย์พี่ฟ่านเล่าเรื่องราวมหัศจรรย์ของเขา จิ๊ๆ เขาเป็นเป้าหมายที่ข้าพยายามไปให้ถึงเชียวนะ!” ชายหนุ่มอ้วนเตี้ยอีกคนหนึ่งเอ่ยด้วยสีหน้านับถือ
“ใช่แล้ว เทียนเฉิง ได้ยินว่าการเดินทางบนเศษซากโลกบนครั้งนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนของนิกายสายในตั้งใจให้เขากดระดับพลังเพื่อปกป้องศิษย์หน้าใหม่ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” ศิษย์รูปร่างค่อนข้างสูง หน้าตาโฉดชั่วอีกคนหนึ่งฉับพลันหันมาถามหลัวเทียนเฉิง คนผู้นี้ก็คือฟ่านเจิ้งลูกพี่ลูกน้องของหลัวเทียนเฉิงที่เคยขัดแย้งกับหลิ่วหมิงนั่นเอง
“ในซากโบราณสถาน ศิษย์พี่เทียนชื่อพลังเพียงระดับแก่นแท้ก็ต้านทานมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์จากแผ่นดินว่านหมัวได้แล้ว ดูจากจุดนี้ หากเขาคือจินเลี่ยหยางจริงข้าก็รู้สึกว่าไม่แปลกอันใด แต่ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่เทียนชื่อหน้าตาแตกต่างจากจินเลี่ยนหยางอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้กลับแปลกอยู่บ้าง” หลัวเทียนเฉิงตอบอย่างนิ่งสงบ แต่ในดวงตาฉายแววสงสัย
……
แม้หลิ่วหมิงเก็บตัวอยู่ แต่ก็ยังได้รับข่าวจากหลงเหยียนเฟย เขาจึงรู้เรื่องนี้เช่นกัน
จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้เขาก็เคยเสียเวลาคิดหาความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมลึกลับมากมายของจินเทียนชื่อ รวมถึงระดับพลังที่ก้าวหน้าพรวดพราดของเขา แต่ข้อมูลเกี่ยวกับจินเทียนชื่อในนิกายน้อยยิ่งกว่าน้อย กระทั่งเขาสังกัดยอดเขาไหนก็ไม่มีใครรู้ เขาจึงไม่ได้สืบเรื่องนี้ต่อ
ยามนี้ได้รู้ว่าเขาคือจินเลี่ยนหยาง นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง
คิดไม่ถึงว่าศิษย์ลับผู้ปรากฏตัวหมื่นปีครั้งของนิกายยอดบริสุทธิ์คนนี้กลับเคยยุ่งเกี่ยวกับตนหลายครั้งเช่นนี้
เขานึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่พบเขา รวมถึงเรื่องราวน่าสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบมากมายหลังจากนั้น ยามนี้ทั้งหมดล้วนไขกระจ่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา