หลิ่วหมิงอยู่ในหอหมื่นอสูรจนลืมเวลา
หลังจากผ่านไปห้าวันเต็มๆ แสงสีดำสายหนึ่งก็เหาะออกมาจากยอดเขายักษ์ที่ประตูใหญ่ของเขาอสูรสวรรค์ตั้งอยู่ มันพุ่งวูบเดียวกลายเป็นเงาคนสีดำร่างหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า หลิ่วหมิงนั่นเอง
ใบหน้าเขาดูเรียบเฉยนิ่งสงบ แต่ในใจกลับตื่นเต้นจนยากจะกดเอาไว้ แขนเสื้อสะบัดเบาๆ ครั้งหนึ่ง เรือหยกที่ทอแสงสีขาวลำหนึ่งก็ลอยอออกมา
หลิ่วหมิงพุ่งวูบเดียวขึ้นไปด้านบน “ฟึบ” จากนั้นเรือก็แหวกท้องฟ้าเหาะเร็วรี่จากไปไกล
เมื่อเขาเดินทางเหน็ดเหนื่อยกลับมาถึงเทือกเขาหมื่นวิญญาณก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าให้หลังแล้ว
ทันทีที่เขาเหยียบเข้ามาในเทือกเขาหมื่นวิญญาณ เขาก็ตรงไปยังตลาดของนิกายโดยไม่แวะพัก
เกือบครึ่งวันหลังจากนั้นหลิ่วหมิงจึงมาถึงหอนานัปการของนิกาย เขาเสียแต้มคุณูปการไม่น้อยแลกกับของบางอย่างแล้วกลับไปยังถ้ำที่พักบนยอดเขาลั่วโยวทันที หลังเปิดชั้นจำกัดทั้งหมดอย่างไม่ยอมเสียเวลา เขาก็เข้าไปหมกตัวในห้องลับ
“นายท่าน ท่านหาความเป็นมาของไข่สีทองฟองนั้นพบแล้วหรือ?” ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับ เสียงลุ้นระทึกของเซียเอ๋อร์ก็ดังออกมาจากถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ
ระหว่างที่อยู่ในเขาอสูรสวรรค์ เขาจงใจให้อสูรเลี้ยงสองตัวนี้หลับอยู่ในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณด้วยกลัวว่าพวกมันทั้งสองจะถูกยอดฝีมือของเขาอสูรสวรรค์สนใจเข้า ดูท่าเซียเอ๋อร์จะตื่นขึ้นมาแล้ว
“นับว่าเดินทางไม่เสียเที่ยว” หลิ่วหมิงตอบกลับมาอย่างนิ่งสงบ เขายกแขนเสื้อขึ้น บนพื้นพลันมีวัตถุดิบกองหนึ่งปรากฏออกมา
หลังจากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือ แสงสีทองสว่างวูบ ไข่อสูรสีทองอ่อนที่เหมือนไข่ของอสูรไก่ทองคำสามมงกุฎฟองก็ปรากฏขึ้น
เขามองไข่อสูรสีทองในมือแล้วเผยสีหน้าพึงพอใจออกมาเล็กน้อย
ครั้งนี้เขาลงทุนไปมากโข เวลาห้าวันเสียหินจิตวิญญาณไปสามสิบล้านเต็มๆ หลังจากอ่านข้อมูลกับหนังสือภาพเกี่ยวกับปีศาจอสูรนับไม่ถ้วนในหอหมื่นอสูร ในที่สุดเขาก็พบตำราโบราณที่ค่อนข้างเก่าเล่มหนึ่งบอกว่าไข่ที่คล้ายไข่ฝ่อใบนี้หาใช่ไข่ของอสูรไก่ทองคำสามมงกุฎไม่ แต่เป็นไข่ของ ‘ซือเฉิน’ อสูรประหลาดสมัยโบราณที่สาบสูญจากแผ่นดินจงเทียนไปเนิ่นนานแล้ว
ซือเฉินเป็นอสูรประหลาดชนิดหนึ่งในโลก มันหน้าตาคล้ายกับไก่ตัวผู้ แต่ขนาดร่างกายมหึมากว่ามาก
อสูรตัวนี้เป็นหนึ่งในอสูรประหลาดจำนวนน้อยที่อาศัยอยู่ได้ทั้งในโลกคนเป็นและโลกวิญญาณ ซือเฉินที่โตเต็มที่อย่างแท้จริงไม่เพียงเป็นดาวข่มภูตผีวิญญาณทุกชนิด แต่ยังครอบครองพลังในการเดินทางข้ามโลกคนเป็นกับโลกคนตายอีกด้วย
แต่อสูรประหลาดตัวนี้เติบโตยากเย็นยิ่งนัก ต้องดูดซับปราณหยินบริสุทธิ์พร้อมกับปราณจิตวิญญาณฟ้าดินจากโลกคนเป็นจึงจะฟักออกมาแล้วเติบโตอย่างแท้จริงได้
หากอสูรตัวนี้ดูดซับแต่เฉพาะปราณหยิน ไม่ได้ดูดซับปราณจิตวิญญาณ สุดท้ายมันจะกลายเป็นอสูรมืดที่น่ากลัวตัวหนึ่ง ไม่เพียงดุร้ายกระหายเลือดแต่ยังไม่อาจปรากฏตัวใต้แสงตะวันอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามหากมันดูดซับแต่ปราณจิตวิญญาณของโลกคนเป็น ไม่ได้ดูดซับปราณหยิน มันก็จะกลายเป็นอสูรจิตวิญญาณธรรมดาตัวหนึ่งและสูญเสียพลังที่มีมาแต่กำเนิดมากมายไป
ทว่าซือเฉินสาบสูญไปตั้งแต่ยุคโบราณ ดังนั้นข้อมูลที่ตกทอดมาจึงน้อยจนน่าเวทนา มีแต่นิกายใหญ่ทางด้านการควบคุมอสูรเช่นนี้อย่างเขาอสูรสวรรค์เท่านั้นที่มีข้อมูลเกี่ยวกับอสูรตัวนี้อยู่บ้าง
จากสิ่งที่บันทึกไว้ในตำราโบราณเล่มนั้น ไข่ของอสูรซือเฉินขณะที่ยังไม่ฟักจะแทบไม่มีคลื่นพลังชีวิตใดๆ จนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไข่ฝ่อใบหนึ่งได้ง่ายดายยิ่งนัก แต่การที่ไข่อสูรล้ำค่าเช่นนี้ถูกทิ้งไว้อย่างไม่ไยดีคงจะต้องมีเหตุผลอื่นแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลิ่วหมิงต้องใส่ใจในตอนนี้
สิ่งที่หลิ่วหมิงสนใจคือหากฟักอสูรประหลาดซือเฉินตัวนี้ออกมาได้ พลังแต่กำเนิดในการข่มภูตผีของมันย่อมมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนภายภาคหน้าของเขาอย่างมากแน่นอน และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกไม่นานหลังจากนี้เขาคิดจะเข้าไปในทางปีศาจร้าย
ที่บังเอิญก็คือส่วนท้ายของตำราโบราณเล่มนั้นบันทึกวิชาลับที่จะกระตุ้นไข่ซือเฉินให้มีชีวิตไว้ด้วย นี่เป็นสาเหตุที่หลิ่วหมิงรีบร้อนออกมาจากเขาอสูรสวรรค์เช่นนี้
หลังจากหลิ่วหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งก็พลิกมือเรียกชามหยกขาวใบน้อยใบหนึ่งออกมา แล้ววางไข่อสูรสีทองลงไปในชามอย่างระมัดระวัง
จากนั้นเขาก็วางขวดหยกใบหนึ่งลงบนพื้น รินของเหลวสีเงินจำนวนเล็กน้อยลงในชามหยก กลิ่นคาวเบาบางสายหนึ่งลอยอบอวลในห้องลับทันที
หลิ่วหมิงหลับตาทั้งสองข้าง ทบทวนกระบวนการหลอมในสมองอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นอ้าปากพ่นพลังเวทบริสุทธิ์สายหนึ่งลงไปในชามหยก
“พรึ่บ” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น ท่ามกลางของเหลวสีเงินฉับพลันมีดวงไฟสีเงินอ่อนลุกไหม้
หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งยกขึ้นกวัก ผงกระดูกสีเหลืองอ่อนกล่องหนึ่งบนพื้นลอยขึ้นมาสาดผสานเข้าไปในเพลิงสีเงิน หลังจากนั้นก็ตามด้วยศิลามืดสีเทาก้อนหนึ่งที่แผ่ปราณหยินจางๆ และก้านหญ้าจิตวิญญาณหนาเท่าสามนิ้วมือ…
หลังจากใส่วัตถุดิบสิบกว่าชนิดลงไปในชามหยกอย่างต่อเนื่อง ลูกไฟสีเงินในชามก็ขยายใหญ่กลายเป็นเปลวเพลิงสูงหนึ่งฉื่อกว่า พร้อมกับที่สีค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทองอ่อน
หลิ่วหมิงทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือทั้งสองข้าง ยิงเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นชี้นิ้วใส่แสงสีเหลืองแล้วตวาดออกมาเบาๆ
เปลวเพลิงสีทองอ่อนลุกโหมสองสามครั้งก่อนจะหดเล็กลงอย่างเชื่องช้า ขณะที่สีสันสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ
ไข่อสูรสีทองเริ่มหลอมละลายอย่างเชื่องช้า เมื่อเปลวเพลิงสีทองลามเลีย ไข่ใบน้อยขนาดเท่าไข่ไก่ที่บนผิวมีจุดสีขาวจางๆ ก็เริ่มแผ่แสงเรืองๆ ไข่อสูรที่เดิมทีไม่มีพลังชีวิตสักนิดเริ่มแผ่ลมปราณของสิ่งมีชีวิตออกมาเลือนราง
เขาแสดงสีหน้ายินดีแล้วลอบโล่งใจอยู่เงียบๆ เขาอสูรสวรรค์รู้เกี่ยวกับวิชาลับนี้จริง จากนั้นเขาก็กัดปลายลิ้นจนเป็นแผลพ่นเลือดบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาแล้วโบกมือยิงเคล็ดวิชา
โลหิตบริสุทธิ์ก้อนนี้หมุนติ้วแล้วค่อยๆ รวมตัวกลายเป็นยันต์โบราณสีแดงสดตัวหนึ่งกลางอากาศ
เขาท่องมนตร์ ยันต์ค่อยๆ ก่อตัวชัดขึ้นจากนั้นผสานเข้าไปในไข่อสูรด้านล่างอย่างเชื่องช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา